เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
พิฬารลมnimon
ตอนที่ ๖ ชมาอยู่กับพฤกษา


  • “อปฺปมาทญฺจ เมธาวี ธนํ เสฎฺฐฺ รกฺขติ

    - ปราชญ์ย่อมรักษาความไม่ประมาทไว้

    เหมือนทรัพย์ประเสริฐสุด -”


         “คนๆนั้นเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว

    คงไม่แคล้วอย่าประมาทขนาดนั้น

    เพราะหากประมาทจะพบทางตัน

    ซึ่งทางนั้นนำสู่ความฉิบหายเอย”


         วันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาในร่างของแมวขาว ที่มีเพื่อนของฉันที่เพิ่งเจอกันเมื่อวานนี้ นอนอยู่ข้างๆ ซึ่งทำให้ฉันดีใจว่า 


    ‘ฉันไม่ได้ฝันไป’ฉันคิดในใจ และฉันก็สะบัดขนนิดนึง ก็ทำให้นิลลุกขึ้นมาด้วย


    “ฉันรบกวนนิลหรือเปล่า”ฉันถาม


    “เปล่า ผมกำลังจะตื่นอยู่แล้ว”นิลบอก และนิลถามต่อว่า


    “เมื่อคืน คุณนอนหลับไหม”


    “หลับสบายเลย”ฉันบอกอย่างมีความสุข


    “งั้นเดี๋ยวผมไปบอกนายก่อนว่า วันนี้พวกเราจะออกไปข้างนอก นายจะได้เปิดช่องให้พวกเราเข้ามาได้”นิลบอก


    “ช่องเมื่อวาน ที่นิลพาฉันเข้ามาใช่ไหม”ฉันถาม


    “ใช่ๆ”นิลบอก และนิลเดินออกไปหาศศิก่อนจะพูดเป็นภาษาแมวว่า


    “วันนี้ผมกับเพื่อนผมจะไปเที่ยวข้างนอกนะครับ”นิลพูดเป็นเสียงเหมียวๆ แต่ศศิเข้าใจและถามย้ำที่ตัวเองเข้าใจว่า


    “จะพาเพื่อนไปเที่ยวข้างนอกใช่ไหม แล้วอย่ากลับดึกล่ะ”ศศิพูดด้วยความเป็นห่วง และศศิพูดต่อว่า


    “พรุ่งนี้ห้ามออกไปนะ เพราะเทศบาลหุ่นยนต์จะตรวจตราแมวทุกตัว แล้วบางทีชอบนำแมวที่มีเจ้าของติดไปด้วย”ศศิพูดและมองดูปฏิทินติดฝาผนัง


    “ครับผม”นิลบอก และเรียกให้ฉันไปกินอาหาร ก่อนจะเดินทาง โดยวันนี้ นิลไปหยิบหมวกมาให้ฉันสวม


    “ทำไมต้องสวมหมวก”ฉันถาม


    “แสดงให้เห็นว่า พวกเรามีนาย และพวกเรามาเที่ยว ไม่ได้จะไปอยู่ในเขตแดนของใคร”นิลบอก


    “แต่เมื่อวาน นิลไม่ได้สวมหมวกนี่”ฉันถาม


    “เพราะผมอยู่ในเขตแดนของผม”นิลบอก


    “เขตแดนของนิลกว้างมากเลยนะ”ฉันพูดอย่างตื่นตาตื่นใจและชื่นชม


    “ผมกว่าจะสร้างเขตแดนได้ใหญ่แบบนี้ ผมผ่านอะไรมาเยอะเลย”นิลพูด ด้วยสายตาเศร้าๆ


    “คงลำบากน่าดูนะ”ฉันพูด


    “อืม”นิลพูด


    “ฉันขอโทษนะที่ถามแบบนี้”ฉันพูดด้วยความรู้สึกผิด


    “ไม่หรอก ไปเถิด วันนี้ต้องเดินทางหลายที่เลย”นิลพูด

  •      เมื่อพวกเราทั้งสองเดินทางไปหลายๆที่ ก็พบว่า มีแมวจำนวนมากที่ใส่หมวกเหมือนกับพวกเรา และนิลเล่าให้ฟังถึงบ้านเมืองสมัยนี้


    “พวกเราใช้พลังงานไฟฟ้าจากน้ำในทะเลและแม่น้ำ เพื่อนำมาแจกจ่ายยังทุกครัวเรือน และช่วยเรื่องน้ำท่วมด้วย”


    “อืม แล้วน้ำไม่หมดไปหรือ”ฉันถาม


    “ไม่หมดหรอก เพราะประเทศไทยมีน้ำใต้ดินมากเลย”นิลบอก


    “ตอนนี้ ส่วนใหญ่ การไฟฟ้า การประปา และการโทรศัพท์ใช้หุ่นยนต์ส่วนใหญ่ เพื่อแก้ปัญหาคอรัปชั่น”นิลบอก


    “ดีเลยนะ แล้วนายทุนยังเป็นใหญ่อยู่ไหม”ฉันถาม


    “ในหลวงทรงช่วยเหลือประชาชนอย่างยิ่ง และท่านออกความช่วยเหลือหลายอย่าง จนขจัดนายทุนออกไป และหุ่นยนต์พวกนี้ก็เป็นหุ่นยนต์ที่เกิดจากการสร้างของในหลวงด้วยนะ”นิลบอก


    “ดีจังเลยนะ”ฉันพูดอย่างปลาบปลื้ม


    “และราชการ องค์กรเอกชน องค์กรมหาชนนะ ที่ใช้คนดีมีศีลธรรม บวกกับหุ่นยนต์ เข้าไปแก้ไขปัญหาตรงคดโกงนี้ด้วยล่ะ”นิลพูด


    “ดีมากเลย”ฉันพูด


    “งานอีกหลายงานที่หุ่นยนต์ทำไม่ได้ ก็ให้คนทำแทน อย่างการไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ และธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มีคนดีครึ่งหนึ่ง และหุ่นยนต์ครึ่งหนึ่ง แถมยังมีงานมากมายที่ให้คนทำได้ด้วย”นิลบอก


    “อย่างงี้นี่เอง ก็ดีเหมือนกันนะ”ฉันตอบและคิดถึงคนที่ดีๆที่อยู่ในองค์กรพวกนี้ตามที่นิลบอก และฉันก็ถามนิลต่อ


    “แล้วที่นิลบอกว่า มีงานให้คนทำมากมาย อย่างเช่นอะไรหรือ”ฉันถาม


    “เจ้าหน้าที่รัฐ และพนักงานเอกชน ที่ต้องใช้ความคิดที่หุ่นยนต์คิดไม่ได้ล่ะ”นิลบอก


    “เข้าใจแล้ว”ฉันพูด


    “แล้วนี่ รู้ไหมว่า ตอนนี้ประเทศเราเป็นประเทศร่ำรวยไปแล้วนะ”นิลบอก


    “รวยเพราะอะไรล่ะ”ฉันถามด้วยความสนใจ


    “เพราะเราเป็นประเทศขายพลังงาน พวกพลังงานน้ำมัน พลังงานไฟฟ้า น้ำ และอีกหลายอย่างเลย”นิลบอก


    “ประเทศเราเจริญมากถึงขนาดนี้เลยหรือ”ฉันพูด


    “ใช่ และรู้ไหม ปัจจุบัน ถ้าหากใครเป็นคนไม่ดีมีศีลธรรม ก็อยู่ยากด้วย”นิลพูดอย่างผู้รู้


    “ทำไมล่ะ”ฉันถามด้วยความสงสัย


    “เพราะจะมีหุ่นยนต์ที่วัดศีลธรรมล่ะสิ และหากใครไม่มี หรือมีความคิดจะทำลายชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ หุ่นยนต์ตัวนั้นเอาตายเลยล่ะ”นิลบอก


    “ดีจังเลย ฉันอยากเจอหุ่นยนต์ตัวนั้นบ้างจัง มันจะวัดศีลธรรมพวกเราด้วยไหม”ฉันถาม


    “วัด มันวัดหมด เดี๋ยวผมพาไปดู แต่ส่วนใหญ่ สัตว์ทุกตัวมักจะรอด ยกเว้น สัตว์ที่เกเรมากๆ”นิลบอก และนิลชี้ให้ฉันเห็นว่า


    “ตัวนั้นล่ะ”นิลบอก และมันก็เดินเข้ามาหาฉันทันทีเลย ซึ่งฉันตกใจมาก


    “เฮ้ย หน้าเหมือนไอ้ตัวที่เราปิดสวิตซ์มันนี้หว่า”ฉันพูด และฉันกำลังจะหนี แต่ไม่ทันแล้ว เพราะมันเข้ามาใกล้ พร้อมกับนำมือของมันมาบีบขมับฉันแบบนวดๆ ก่อนที่มันจะปล่อยฉันไป และยื่นอะไรให้ฉันก็ไม่รู้


    “อะไร”ฉันถาม เมื่อดูแล้วเห็นว่า คือ จี้รูปตัว “C” สีเขียว


    “ต้องเอามาติดตรงนี้”นิลพูด และใช้ปากมันกัดตรงจี้ และใช้ขาข้างหน้าติดให้กับปลอกคอของฉัน


    “ถ้าวันใดที่มุกคิดเรื่องไม่ดี พูดหยาบคาย หรือกระทำไม่ดีอย่างมาก มันจะส่งสัญญาณไปยังตัวห้อยนี้ เเละเปลี่ยนเป็นตัว “C” สีแดง และหลังจากนั้น เจ้าหุ่นยนต์ศีลธรรมมาหามุก และชำระความกัน”นิลบอก


    “น่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ แล้วนิลมีไหม”ฉันถาม และหันไปมองดูตรงปลอกคอของนิล ก็พบว่า นิลก็มีเหมือนกัน


    “อืม”นิลตอบรับคำถามแรกของฉัน 


    “แมวทุกตัวต้องมีใช่ไหม”ฉันถาม


    “ไม่หรอก แต่ส่วนใหญ่ก็มี เพื่อความปลอดภัย เกี่ยวกับเทศบาลนะ”นิลบอก


    “ยังไง”ฉันถาม


    “ถ้ามีจี้นี่แล้ว เครื่องที่เทศบาลใช้จับพวกเรา จะปล่อยพวกเราออกมา”นิลบอก


    “แต่ศศิบอกว่า พรุ่งนี้อย่าออกไปข้างนอก แล้วศศิกลัวอะไรล่ะ”ฉันถาม


    “บางที เทศบาลก็จับพวกเราที่มีเจ้าของพร้อมจี้นี่ไป แล้วกว่าจะพาพวกเรากลับไปหานาย ก็ใช่เวลานานหลายสัปดาห์อยู่ ส่วนแมวตัวอื่นที่ไม่มีเจ้าของ ทางเทศบาลก็หาเจ้าของให้”นิลตอบ


    “อ้าว ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดนี่นะ”ฉันบอก


    “ไม่รู้สิ ผมว่าน่ากลัว เพราะไม่รู้จะไปเจอเจ้านายแบบไหน”นิลบอกด้วยความกังวล ก่อนเล่าถึงเพื่อนสนิทของนิล ชื่อ ลิซ ได้ไปเจอเจ้านายที่มีนิสัยค่อนข้างแปลกๆ อย่างเช่น กังวลเรื่องเงินทองอยู่ตลอดเวลา และชอบไปหยิบยืมเงินคนอื่น แต่ไม่มีเงินจ่ายคนที่หยิบยืมเลยสักคน แถมยังชอบพาแมวจากไหนไม่รู้มาเลี้ยงในพื้นที่แออัดเต็มไปหมดเลย


    “เข้าใจแล้วล่ะ”ฉันพูด และฉันเดินผ่านไปจนเห็นร้านเสื้อผ้า และพบว่า แมวอยู่ในร้านนั้นเต็มไปหมด และมีคนมาช่วยแมวเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย


    “พวกเราซื้อเสื้อผ้าได้ด้วยหรือ”ฉันถามด้วยความตื่นเต้น


    “ได้”นิลบอก และพูดต่อว่า


    “ค่าใช้จ่ายจะไปตัดตรงบัญชีของนายพวกเรา”


    “ดีจัง ฉันเข้าไปดูได้ไหม”ฉันถาม


    “ได้สิ”นิลพูด และเดินเข้าไปพร้อมกัน


    “สวัสดีจ้า พวกหนูๆทั้งหลาย”ผู้หญิงหน้าตาใจดีคนหนึ่งมาทัก


    “นี่คนหรือหุ่นยนต์”ฉันถาม


    “คน คนหลายคนทำงานแบบนี้”นิลพูด


    “อืม เข้าใจแล้ว มีงานมากมายให้คนทำ ฉันจำได้ที่นิลเล่าเมื่อกี้”ฉันพูดอย่างเข้าใจในที่สุด


    “เดี๋ยวนี้ ถ้าหากใครอยากทำงานอะไร ต้องไปสมัครใจลงที่กรมจัดหางาน ทุกคนต้องไปที่กรมนี้กันหมด รวมถึงพวกหุ่นยนต์ด้วยนะ แล้วเขาจะให้เลือกงานที่อยากทำห้าอันดับ พร้อมเงินเดือน ก่อนที่เขาจะนำประสบการณ์เราลงไปยังระบบที่ชื่อว่า เบรน และระบบนี้ช่วยค้นหาเจอกับบริษัทเอกชนหรือรัฐที่เหมาะกับคนหรือหุ่นยนต์เหล่านี้ล่ะ คนและหุ่นยนต์ส่วนใหญ่เลยมีงานทำ แต่บางกลุ่มก็ไม่มีงานทำ เพราะรักทำงานอิสระก่อนก็ได้เช่นกัน โดยทางกรมจัดหางานจะให้ทำงานอิสระได้อย่างมากสุด 5 ปี โดยได้รับเงินจากรัฐบาลปีล่ะแสนบาท แล้วต้องกลับเข้ามาในระบบทำงานทุกคน หรือหากใครสมัครใจอยากเป็นนักเขียน นักแสดง นักข่าว หรืออย่างอื่น หรือเปิดร้านของตัวเอง ก็ต้องมาเข้าในระบบกรมจัดหางานให้หมด เพื่อให้กรมสรรพากรตรวจสอบภาษีของทุกคนเท่าเทียมกัน”


    “อย่างงี้นี่เอง ดีมากเลยเนอะ ดูเท่าเทียมกันไปหมด แล้วยังมีชาวนาอยู่ไหม”ฉันถาม 


    “มี ตอนนี้คนต่างจังหวัด กลับไปยังจังหวัดตัวเองหมด เพราะชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ตอนนี้รวยมากเลย และอีกอย่างหนึ่ง ในหลวงและพระราชินี พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ท่านทรงช่วยให้ประชาชนแต่ละจังหวัดรักในบ้านเกิด โดยไม่ว่าทำอะไร ท่านจะเป็นตัวกลางซื้อทั้งหมด และส่งเงินไปให้ประชาชนใช้บริหารแต่ละจังหวัดให้เท่าเทียมกัน หรือบางทีก็มีจัดกิจกรรมรักบ้านเกิด โดยดำเนินให้แต่ละจังหวัดหาจุดสำคัญที่แตกต่างกันไปในแต่ละตำบล ของทุกจังหวัด มาเสนอ เพื่อจะได้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่เชิญชวนคนต่างจังหวัดเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย”นิลพูด


    “อย่างงี้นี่เอง นั้นคนต่างจังหวัดก็ไม่ต้องเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ จนล้นใช่ไหม”ฉันถาม


    “ใช่เลย”นิลตอบ และพวกเราทั้งสองนั่งดูเสื้อผ้า และฉันพบว่า เสื้อตัวนี้สวยจัง


    “ฉันอยากลอง”ฉันพูด และนิลก็กดกริ่งที่อยู่ข้างๆเสื้อตัวนี้ ก็มีคนเดินเข้ามา บอกว่า


    “อยากลองตัวนี้หรือจ้า มาเดี๋ยวฉันช่วย”ผู้หญิงคนใจดีคนเดิมบอก และผู้หญิงลองใส่เสื้อให้ฉัน พร้อมบรรยายสรรพคุณด้วยว่า


    “เสื้อตัวนี้ใส่แล้วเหมือนไม่ได้ใส่ เพราะมันทั้งเบาและนุ่ม แถมไม่ระคายขนอีกนะ”


    “น่ารักจัง ฉันรู้ดีไหม นิล”ฉันถาม


    “เหมาะกับมุกมากเลย”นิลบอก


    “มันกี่บาท”ฉันถาม และนิลบอกให้ฉันหันหลัง ก่อนนิลจะบอกว่า


    “450 บาท”


    “แพงจัง เสื้อแมวแพงมากเลย”ฉันพูด


    “ไม่แพงหรอก ร้านนี้ถือว่า คุณภาพดีและราคาถูกสุดในกรุงเทพฯเลย”นิลบอก


    “จริงหรือ นิลไม่หลอกฉันนะ เดี๋ยวศศิเงินหมด ทิ้งฉันขึ้นมา”ฉันพูดด้วยความกังวล


    “จริงๆ ผมไม่หลอกคุณ ผมจะลองอันนี้ด้วย”นิลพูด และก็เลียมือผู้หญิงคนเดิม ผู้หญิงคนเดิมดูเข้าใจทันที ก็หยิบเสื้อและกางเกงมาให้นิลลอง และนิลถามฉันว่า


    “ผมดูเป็นไง”


    “หล่อมากๆ เหมาะกับนิลสุดๆเลย”ฉันพูด


    “ผมเขินเลย มุกดูให้ผมหน่อยสิว่า ราคาเท่าไหร่”นิลถามและหันหลังให้


    “ทั้งหมดรวมกัน 450+500 = 950 บาท”ฉันพูด

    “ผมเอาตัวนี้ล่ะ แล้วมุกเอาเสื้อนี้ด้วยไหม”นิลถาม


    “เอา ฉันอยากลองกางเกงนี้จัง”ฉันพูด ก่อนที่นิลจะเลียมือ และผู้หญิงคนเดิมดูเข้าใจทันที พร้อมกับใส่กางเกงให้ฉัน และพูดกับฉันว่า


    “น้องเหมาะกับกระโปรงตัวนี้มากกว่า เพราะเข้ากับเสื้อตัวนี้เลย”ผู้หญิงคนเดิมพูด และยื่นกระโปรงมาให้ฉันลองใส่


    “จริงด้วย”ฉันพูดโดยที่เห็นด้วยกับผู้หญิงคนนี้ และบอกกับนิลว่า


    “นิลว่าไง”


    “ฉันเห็นด้วยกับพี่เขานะ เสื้อกับกระโปรงเหมาะมากเลย”นิลบอก


    “ฉันเอาสองตัวนี้เหมือนกัน”และนิลก็เลียมือบอกกับผู้หญิงคนเดิม ผู้หญิงคนเดิมนำรถเข็นมาให้พวกเราทั้งสองขึ้นนั่ง ก่อนจะใส่เสื้อผ้าตัวที่พวกเราเลือก และเธอก็พาพวกเราไปเครื่องคิดเงิน ก่อนจะนำมือถือจ่อไปยังปลอกคอ และเสียบไปยังเครื่องคิดเงิน ก่อนจะนำของไปห่อ และบอกขอบคุณ และนิลก็เดินนำฉันออกมาจากร้านทันที


    “เราไม่เอาของหรือ”ฉันถามด้วยความกังวล กลัวของจะหายไป


    “เดี๋ยวเขาไปส่งของที่บ้าน”นิลบอก


    “อ้าวงั้นหรือ”ฉันพูด


    “ใช่ เพราะถ้าเรามากันเอง เขาจะมีบริการไปส่งของที่บ้าน โดยเครื่องคิดเงินนั้นก็จะรู้ว่าเราอยู่ที่ไหน และเขาไปส่ง แต่ถ้ามากับนาย นายก็เอากลับเลย”นิลพูด


    “มีบริการแบบนี้ด้วย ดีเลยนะ”ฉันพูด


    “จริงด้วยสิ นิล นิลบอกฉันว่า ทุกคนเป็นคนดีมีศีลธรรม ดังนั้น ประเทศเราก็ไม่มีคนติดคุกแล้วใช่ไหม”ฉันถามอย่างชวนคุย


    “มีอยู่ แต่น้อยลง ประเทศเราตอนนี้เป็นผู้นำโลก และมีคนนำแบบอย่างประเทศเราไปใช่เต็มเลย”นิลบอก


    “แล้วทำไมถึงมีคนคุกอีกล่ะ”ฉันถามด้วยความไม่เข้าใจ


    “เพราะยังไงก็ยังมีคนชั่วอยู่ แต่คุกปัจจุบัน คือ คุกใต้ดิน ไปฝั่งใต้ดินเลย แล้วถ้าหากใครสำนึกผิด ถึงพ้น หรือรอช่วงวันสำคัญต่างๆ ก็จะมีปล่อยนักโทษบางพวกออกมาใช้ชีวิตกับคนธรรมดาแบบพวกเรา และจะมีบริษัทที่รับแต่คนคุกเข้าทำงาน 100% แต่ถ้าออกมาแล้วทำชั่วอีก ก็จะถูกติดคุกลืมเลย แบบไม่ได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีกเลย”นิลบอก


    “นิลเคยเห็นคุกไหม”ฉันถามด้วยความใคร่รู้


    “ไม่เคยหรอก”นิลตอบ และพูดว่า


    “เราเดินมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยยัง หิวไหม”นิลถาม และแตะตรงปลอกคอตัวเองให้เห็นเวลาว่า เราเดินมาตั้งเจ็ดชั่วโมงแล้ว แถมฟ้าก็เริ่มจะคล้อยเย็นแล้ว


    “พูดไปพูดมา ก็หิวเหมือนกัน”ฉันพูด


    “ไปกินอาหารกัน”นิลพูด และพาไปกินอาหารที่ร้านเหมียว โดยมีคนมารับพวกเราไปยังโต๊ะ และพวกเราเลือกอาหารที่อยากกิน ก่อนที่จะเป็นแบบร้านเดิม คือ เขาคิดเงินไปตัดบัญชีของศศิ และพวกเรากินกันเสร็จ นิลก็ชวนกลับบ้าน และฉันอดถามไม่ได้ว่า


    “ที่นี้หมากับแมวไม่กัดกันหรือ”ฉันถาม  เพราะฉันเห็นหมาเข้าไปกินอาหารพร้อมแมว หรือมีร้านขายเสื้อผ้าหมาเหมือนกัน


    “ไม่หรอก เราเป็นมิตรต่อกัน จริงๆแล้ว สัตว์ส่วนใหญ่เป็นมิตรต่อกันเกือบหมด นานๆจะเจอสัตว์เกเร”นิลบอก


    “โลกในอุดมคติชัดๆ”ฉันพูด


    “ก็เป็นอย่างงั้นล่ะ กลับกันดีกว่า เดี๋ยวนายบ่นคิดถึง”นิลพูด


    “ดีเหมือนกัน”ฉันพูด และนิลชวนฉันขึ้นรถประจำทางสัตว์ ที่เมื่อขึ้นไป ก็พบว่า สัตว์อยู่ในรถประจำทางคันนี้เต็มไปหมด นิลเดินไปร้องบอกกับเหมียวตัวหนึ่งที่สวมชุดเหมือนเจ้าหน้าที่ว่า จะไปที่ไหน และเหมียวก็ร้องตอบว่า รับทราบ ก่อนที่พวกเราจะขึ้นไปที่ชั้นสองของรถที่มีแมวทั้งชั้น แล้วหาที่นั่งกัน นิลเล่าให้ฟังว่า


    “แต่ละชั้นจะเป็นที่นั่งของสัตว์ที่แตกต่างกันไป โดยชั้นแรกจะเป็นหนู ชั้นสองจะเป็นแมว และชั้นสามเป็นหมา”


    “แล้วถ้าเรานั่งผิดชั้นล่ะ”ฉันถาม


    “ก็ได้ ไม่มีสัตว์ตัวไหนว่าหรอก”นิลพูด


    “ทุกอย่างดูเป็นระบบ ระเบียบไปหมดเลย เหมือนกับหุ่นยนต์ยังไงก็ไม่รู้”ฉันบ่น


    “ไม่หรอก หากอยู่ในประเทศที่เคารพในวินัยและไม่ประมาท ก็ย่อมจะดีกว่าอยู่ประเทศแบบตรงข้ามนะ”นิลบอก


    “นั้นก็จริง แล้วถ้าคราวหน้า ฉันอยากมาเที่ยว แล้วฉันอยากนั่งรถเมล์ ฉันต้องทำไง”ฉันถามถึงรถประจำทางนี้


    “กดปุ่มนี้”นิลบอก และยื่นให้ดูข้างหลังปลอกคอมีปุ่มสีฟ้า ซึ่งนิลบอกว่า ถ้ากด และรอสักครู่ รถประจำทางจะมาหา และให้เดินไปหาเจ้าหน้าที่เป็นแมว เพื่อบอกว่า จะไปไหน ก็พอ และก็ขึ้นมานั่งยังชั้นของตนเอง


    “เข้าใจแล้ว ฉันเพลียจัง”ฉันพูด


    “มุกนอนก่อนเถิด ถ้าถึงบ้าน ผมจะปลุก”นิลบอก


    “ได้”ฉันเผลอหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แต่ฉันตื่นขึ้นมา เพราะฉันได้ยินเสียงนิลคุยกับผู้หญิงที่ดูทั้งสองคุยทั้งสนิทสนม และได้ยินเสียงหัวเราะ และพบว่า นิลกำลังคุยกับแมวสาวตัวสีส้ม ที่หน้าตาน่ารักมากตัวหนึ่งอยู่ และแมวสาวก็ทักฉันด้วย


    “อ้าว ตื่นแล้วหรือ”แมวสาวทัก


    “อืม”ฉันพูด


    “ฉันชื่อลิซ เป็นเพื่อนสนิทของนิล”ลิซบอก ซึ่งฉันจำได้ทันทีว่า 


    ‘ลิซคือแมวที่นิลพูดถึง’


    “เธอน่ารักจัง”ฉันพูดจากใจจริง


    “ขอบใจ เธอก็น่ารัก”ลิซพูด และบอกกับฉันและนิลว่า 


    “ถึงบ้านแล้ว ครั้งหน้าเจอกันไหม”


    “นิลกับลิซเป็นแฟนกันหรือเปล่า แกล้งบอกว่าเพื่อนสนิทใช่ไหมล่ะ”ฉันแซว


    “เพื่อนสนิทจริงๆนะ”นิลตอบด้วยเสียงเครียด


    “ฉันเเค่แกล้งหยอกไปอย่างนั้นเอง”ฉันพูด


    “ผมคิดว่า มุกคิดจริงซะอีก”นิลบอก


    “เปล่าๆ ฉันจำที่นิลเล่าถึงลิซให้ฟังได้ ว่า เจ้านายลิซแปลกๆไง”ฉันพูด


    “ใช่”นิลตอบสั้น


    “งั้นนิลเป็นเพื่อนสนิทฉันเหมือนกันนะ”ฉันพูดรีบเปลี่ยนประเด็น


    “อยู่แล้ว มุกคือเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมบ้านด้วย”นิลบอก และบอกกับฉันว่า 


    “ป้ายหน้า ต้องลงแล้ว” และพวกเราก็ลง ก่อนจะกลับเข้าไปในบ้าน และพบศศิว่า


    “วันนี้ไปทั้งชอปปิง ทั้งกินอาหารเลยนะ ป๋าน่าดูนะเราเนี่ย”ศศิพูดแล้วก็มาเกาคางนิลอย่างสนิทสนม


    “แล้วเสื้อผ้าของเราสวยเลยนะ”ศศิพูด และยื่นเสื้อผ้าที่ฉันไปลองให้ดู ก่อนที่ศศิจะมาลูบหัวฉันอย่างเอ็นดู


    “หิวไหม หรือจะอาบน้ำ แล้วนอน”ศศิถาม


    “ฉันอยากอาบน้ำ”ฉันพูด


    “เหมือนกัน”นิลบอก และนิลไปเลียมือศศิก่อนร้องเหมียว ก่อนที่ศศิจะพาพวกเราไปอาบน้ำ โดยเขาอาบน้ำให้พวกเรา และเขาแปรงฟันให้พวกเราอีกด้วย และศศิส่งพวกเราเข้าบ้านพักที่เป็นห้องนอน ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันไปนอน


    “ฝันดีนะ นิล”ฉันพูด


    “ฝันดี”นิลพูด และกำชับฉันว่า


    “พรุ่งนี้ ห้ามออกไปไหนนะ”


    “อืม จำได้”ฉันพูด


    “แล้วอยากตักบาตรพระไหม”นิลถาม


    “ทำได้ด้วยหรือ”ฉันพูดอย่างดีใจ


    “ได้ เดี๋ยวครั้งหน้าพาไป แต่ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ แล้วจะพาไปดูห้องน้ำสาธารณะแมวด้วยล่ะ”นิลบอก


    “อืม โอเคเลย ตื่นเต้นจัง”ฉันพูดอย่างตื่นเต้น และพูดต่อว่า


    “งั้นนอนกันดีกว่า”ฉันบอก


    “อืม”นิลพูด และหันหลังให้ฉัน เพื่อไปนอนอีกฝั่งหนึ่ง และฉันก็นอนหันหลังให้นิลเหมือนกัน ก่อนที่จะหลับไป

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in