เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
IntrovertJame Curser
The Dark Place & The Dark People
  • ฉันชื่อ ผิง นิสิตชั้นปีสอง คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยที่ฉันเรียน มีเรื่องเล่าชวนผวาอยู่หลายเรื่อง ทุกๆที่ ทุกๆจุด ในรั้วกำแพงนี้มักจะมีเรื่องเล่าของมันเอง ที่เล่าต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า บางเรื่องก็น่ากลัวเสียจนไม่กล้าจะเล่าอีก บางเรื่องก็มีเรื่องประหลาดๆเกิดขึ้นตอนที่เล่าอยู่ บางทีก็อุบัติเหตุเล็กๆ ส่วนน้อยที่โชคร้ายต้องอาการหนักปางตาย 

    แต่ฉันเองไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ฉันเป็นคนที่สนใจเรื่องสัตว์ทั้งหลายมากกว่า พอดีกับที่มีหมาและแมวในมหาวิทยาลัยของฉันเยอะมากๆ แต่พวกมันไม่มีใครมารับผิดชอบเลย บางตัวก็เป็นบ้า ติดโรค บางตัวก็อดยากจนตัวซูบเห็นร่องกระดูก 

    ฉันมักจะพกอาหารสัตว์ติดตัวไว้เสมอๆ แต่ถึงฉันจะพกอาหารสำเร็จรูปพวกนี้ไว้มากแค่ไหนหมาและแมวที่หน้าหอพักฉันก็มีมากกว่าอยู่ดี ตอนเย็นๆ พวกแม่ค้าร้านข้าวแกงจะชอบเอาเศษอาหารและข้าวเหลือ มาเทรวมเป็นกองใหญ่ให้พวกมันกิน แต่กลิ่นของเศษอาหารที่ทิ้งไว้นานและผสมกันจนมั่ว มันช่างน่าสะอิดสะเอียนจนอยากจะหนีไปให้ไกลจริงๆ

    แสงแดดเปลี่ยนสีจากส้มเป็นแดงบอกเวลาเย็น เหมือนอย่างเคยพวกแม่ค้าสองสามคนเดินถือถุงเศษอาหารใบใหญ่ออกมาจากหลังร้าน ตรงมายังบริเวณหอพักของฉันและเทเศษอาหารกองโตลงพื้นคอนกรีต กลิ่นเศษอาหารนั้นยังเหม็นคลุ้งเช่นเคย และที่ยังคงทำให้ฉันพะอืดพะอมและเวทนามากขึ้นทุกวัน ก็ยังคงเป็นภาพของพวกหมาและแมวที่รุมกัดกันเพื่อแย่งเศษอาหารเน่าเหม็นกองนั้น หมาบางตัวที่เป็นโรคหรือตัวเล็กกว่า ก็จะคอยกินเศษอาหารที่กระเด็นออกมาไกลพอที่มันจะแอบคาบไปกินได้โดยที่ไม่โดนตัวอื่นกัด 

    พวกหมาที่โดนขับออกจากกลุ่ม พวกที่แย่งอาหารกับใครไม่ไหว มันคือหนึ่งในเหตุผลที่ฉันชอบพกอาหารสำเร็จรูปไว้กับตัว เพื่อจะให้พวกมันได้กินอะไรบ้าง เพราะฉันรู้ดีแก่ใจว่าการที่ต้องทรมาณด้วยความหิวจนตาย มันคืออีกด้านหนึ่งของความสุขเลยล่ะ

    ฉันค่อยๆแกะห่อขนมแท่งยื่นไปให้หมาตัวเล็กๆ ในซอกตึกหอพัก มันเดินวนอยู่รอบกล่องลังสามสี่รอบก่อนที่จะหันมามองฉัน ขาฉันก้าวเข้าไปหามันช้าๆ แต่ก่อนที่ฉันจะย่อตัวลงไปหามัน สีหน้าของมันก็พลันเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น

    จากใบหน้าของแม่หมาตัวเล็กๆน่าเอ็นดู กลายเป็นหมาตัวเมียที่แยกเขี้ยวขู่ด้วยความดุร้ายจนฉันไม่กล้าจะขยับเข้าไปใกล้มันอีก ฉันเหลือบเห็นประกายแววตาเล็กๆในกล่อง จึงคิดไปในใจว่ามันคงจะหวงลูกของมัน ฉันโยนขนมแท่งไปในกล่องลังและรีบเดินถอยออกมา ฉันหันกลับไปมองอีกครั้งจากบนระเบียงทางเดิน เห็นแม่หมาตัวนั้นจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาอิดโรยน่าสงสาร ความรู้สึกไม่ดีบางอย่างเริ่มก่อตัวเป็นหมอกบางๆในจิตใจของฉัน 

    เย็นวันต่อมาภาพอันน่าเวทนาของหมาแมวที่แย่งอาหารกันจนเลือดตกยางออกยังคงเกิดขึ้นตรงหน้าฉันเหมือนเดิม รวมถึงกลิ่นเน่าเหม็นของเศษอาหารพวกนั้น แตกต่างตรงที่วันนี้ในจิตใจของฉันนึกถึงแต่แม่หมาตัวนั้น กังวลว่ามันจะไม่มีอะไรกิน กลัวว่ามันจะไม่ได้อาหารเหมือนตัวอื่นๆ

    ความไม่สบายใจที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้รีบลุกจากม้านั่งแล้ววิ่งตรงไปที่ระเบียงทางเดินโดยไม่ทันสังเกตว่ามีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่กำลังชุลมุน แย่งกันดูอะไรบางอย่างอยู่ที่ด้านหน้าหอพัก

    ฉันวิ่งไปที่ระเบียงทางเดินและพยายามเพ่งมองผ่านความมืดสลัว เพื่อหาว่าแม่หมาตัวนั้นกับลูกๆของมันอยู่ไหน แต่ความมืดของทางเดินในซอกข้างล่างนั้นมีมากเกินกว่าที่จะเพ่งดูอะไรได้ ฉันหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดไฟฉายแล้วลองส่องไฟดูอีกครั้ง จมูกเริ่มได้กลิ่นเหม็นเน่าของอะไรสักอย่าง แต่ฉันมั่นใจว่ามันไม่คล้ายกลิ่นของเศษอาหารเลยสักนิด 


  • แสงไฟฉายส่องไล่เข้าไปในความมืด ร่างสีดำทะมึนใหญ่โตกำลังหมอบต่ำ ร่างนั่นดูคล้ายผู้หญิงร่างยักษ์ที่พยายามจะคลานเหมือนหมา ผมดำยาวลากพื้นเป็นทาง ฉันรีบลดไฟลงทันที ในใจอัดแน่นด้วยความกลัวและความสับสนปะปนกันจนคุมไม่อยู่ จนกระทั่งเสียงเล็กๆของลูกหมาทำให้ฉันได้สติอีกครั้ง 
    ฉันชะโงกตัวออกไปตรงช่องระเบียง เปิดไฟฉายส่องอีกครั้งหวังว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นภาพหลอนที่ฉันคิดไปเอง ฉันพยายามส่องหาไปตามเสียงของลูกหมานั้น แต่ไม่ใช่อย่างหวัง

    ร่างยักษ์กำลังใช้เล็บยาวๆของมันฉีกเฉือนเนื้อของลูกหมาตัวเล็กๆ มันขุดคุ้ยลงไปในท้องของซากศพลูกหมา ดึงเอาอวัยวะทั้งหลายออกมากัดกินอย่างบ้าคลั่ง แม่หมานั้นพยายามเห่าและขู่คำรามสุดชีวิตของมัน แต่ลูกมันคงไม่รอดแล้ว 

    อึดใจเดียวที่ฉันสติหลุดลอยไปเพราะภาพตรงหน้า ร่างดำนั้นก็หันมาจ้องตากับฉันเขม็ง ราวกับว่าความสนุกสุดขีดของมันย้ายมาอยู่ที่ร่างกายของฉันแล้ว

    ตาย 
    คำเดียวที่อยู่ในหัวของฉัน 
    เจ้าปีศาจนั่นเหวี่ยงซากลูกหมาทิ้งไป มันคลานเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ ท่าทางของมันเริ่มดูคล้ายมนุษย์มากขึ้นทีละนิด จนในที่สุดมันก็หยุดยืนสองขาราวกับมนุษย์ปกติตรงหน้าฉัน ก่อนที่มันจะเอื้อมมือมาถึงตัวฉัน แม่หมาก็วิ่งมากระโดดกัดแขนดำๆของมัน น้ำสีดำข้นทะลักออกมาจากรอยกัด แต่มันไม่แสดงอาการเจ็บปวดใดๆให้เห็นสักนิด

    แม่หมาที่พยายามจะช่วยฉันยังกัดแขนของมันแน่น มันใช้มือของมันจับสุนัขตัวน้อยๆยกขึ้นเหนือหัว ปากและกรามของมันอ้าออกกว้าง เขี้ยวแหลมเต็มปากงับเข้ากลางตัวแม่หมาจนขาดครึ่ง ก่อนที่มันจะสะบัดซากทั้งสองส่วนนั้นไปด้านหลัง

    กรงเล็บดำใหญ่ของมันเอื้อมเข้าหาใบหน้าฉันความคิดในใจมีแต่เรื่องที่ฉันรู้สึกผิดต่อสิ่งต่างๆที่เคยทำพลาด ฉันอยากขอโอกาสอีกครั้ง ฉันจะไม่ให้มันต้องซ้ำรอยอีกแล้ว 
    ฉันขอโทษ
    "ผิง!..ผิง!!" เสียงเรียกของเพื่อนสาวที่ฉันคุ้นเคยดังขึ้นมา
    "พวกแก?...นี่ฉันเป็นอะไรน่ะ" 
    "แกโดนรถชนตอนข้ามถนนหน้าหอน่ะสิ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล" 
    "อ่า...ขอบคุณนะ"

    หลังจากนั้นฉันใช้เวลารักษาตัวหลายสัปดาห์จนหาย เธอขอพ่อแม่ย้ายหอออกทันที เธอยังให้อาหารสัตว์เหมืนเดิม เธอยังนึกถึงความฝันในครั้งนั้นเสมอ ว่ามันคือเรื่องจริงหรือว่าแค่ฝันร้ายกันแน่ เธอยังใช้ชีวิตต่อไป เพียงแค่เธอไม่เคยเฉียดเข้าใกล้หอพักแห่งนั้นอีกเลย หรือแม้ซอกเล็กๆข้างคอนโดของเธอก็ตาม
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in