มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในปารีส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถไฟ อาหารการกิน อากาศที่ฝนดูเหมือนอยากจะตกตลอดเวลา แต่โดยรวมก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีสำหรับการเที่ยวในปารีส ผมใช้รถไฟกับการเดินเป็นหลักและผมค่อนข้างที่จะระวังตัวเอง สะตุ้งสตางค์ก็เก็บไว้มิดชิดตลอด การแต่งตัวก็ใส่เสื้อธรรมดากลมกลืนไปกับชาวเมือง สำหรับโฮสนั้นถือว่าน่ารักมาก ผมพักกับราฟาเอล 3 คืนรวดก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
และแล้ววันสุดท้ายในปารีสก็มาถึง ผมได้รับข้อความจากแอนโทนี่ที่เจอกันบนรถไฟวันแรกเขาอวยพรให้ผมโชคดีในการเดินทาง และภารกิจในยุโรป ราฟาเอลมีงานต้องทำจึงได้ทำการอำลาโดยการกอดกันตามธรรมเนียม พร้อมชวนให้ผมกลับมาปารีสอีกครั้งถ้ามีโอกาส การเที่ยวประเทศแรกในยุโรปจึงเป็นการเสร็จสมบูรณ์ ผมมุ่งหน้าไปยังสนามบิน
โปรเจคหลักของผมคือการทำงานในโปแลนด์มีชื่อสวยๆว่า International Education Project
พอมาถึงก็ราวๆเที่ยงคืน ผมก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเพื่อนๆ ในโครงการรวมถึงผู้หญิงที่เป็นสตาฟในโปรเจคอีก 1 คน วันนั้นผมได้รู้จักเดล เพื่อนชาวสิงค์โปร ด็อกลาส กับโจเซ่ มาจากบราซิล แล้วก็ผู้หญิงมาจากจีน (จำชื่อไม่ได้) คาโรลิน่า สาวโปลิช และที่ขาดไม่ได้เลยคือมาฮัท หนุ่มปากีสถาน ซึ่งก็คือรูมเมทผมใน 2 คืนแรก
ผมค่อนข้างถูกจริตกับเดลอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นคนเอเชียด้วยกันและมาจากประเทศใกล้ๆกัน ผมได้มาฮัทเป็นรูมเมทและดูเหมือนว่าคืนแรกนั้นทุกคนจะเหนื่อยและอ่อนเพลียมากพวกเราเลยไม่ได้คุยอะไรกับมาฮัทซักเท่าไหร่ เพราะต้องเตรียมตัวอาบน้ำ แล้วมันก็เป็นที่มาของปรากฏการณ์ Culture Shock ครั้งที่ 2
วันนั้นผมเลยเรียนรู้ว่าการอาบน้ำห้องน้ำรวมแบบนี้จะต้องเอาเสื้อผ้าหรืออะไรก็แล้วแต่ไปพาดๆ ตรงม่านปิดห้องน้ำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการแสดงเขตว่า มีคนอยู่ในห้องน้ำนะ ถ้ามีใครซักคนเข้ามาเนี่ยรู้เลยว่าจะเข้ามาแอบดู (เหมือนจะมีคนอยากดู ฮ่าๆ) โชคดีที่บรรดาผู้คนที่อาศัยในประเทศเขตอบอุ่น ไม่ค่อยอาบน้ำกันเท่าไหร่ ถือว่าเป็นการดีที่มีเวลาใช้ห้องน้ำแบบส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง
เพื่อนๆที่เหลือเริ่มทยอยกันมาในวันถัดมา แล้วก่อนหน้านี้ 2 อาทิตย์ผมรู้จักน้องคนไทยคนนึงชื่อ "สอง" มาทำโปรเจคเดียวกัน ทำให้ผมตั้งหน้าตั้งตารอ สอง แต่ดูเหมือนว่าสองจะเจอปัญหารถติดเลยทำให้การมาถึงของสองช้ากว่าปกติ และด้วยความที่ผมไม่รู้จะทำอะไรเลยต้องออกไปข้างนอกกับเพื่อนคนอื่นๆ ในโปรเจค วันนั้นเองผมได้รู้จักกับ เอเรน จากตุรกี มาริอุสและมาริอา สตาฟในโปรเจค เป็นครั้งแรกที่ถูกชักชวนให้เข้าบาร์ ทำให้ผมรู้ว่า คนยุโรปชอบ Hangout มากถือว่าเป็นเรื่องปกติเลย (ประเทศไทยก็น่าจะปกติมั้ง) สำหรับผมที่ไม่ใช่คนดื่มถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ก่อนมามีคนหลายคนบอกว่าคนฝรั่งดื่มกันหนักนะ ผมต้องเตรียมตัวเอาไว้ ซึ่งมันก็จริง และปฏิเสธไม่ได้จริงๆที่จะไม่ Hangout กับเพื่อนๆ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in