ไฟล์ทของผมออกจากสนามบินตอน
แต่เพราะมีปัญหาเกิดขึ้นทำให้ไฟล์ทต้องเลทไปอีก 1 ชั่วโมงเต็มๆ
เครื่องบินลงจอด ณ อิสตัลบูล ตุรกี เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ผมใช้เวลาไม่นานในการผ่าน ตม.
ทริปที่อิสตัลบูลไม่มีอะไรพิเศษ เอเรนพาผมเที่ยวที่สำคัญๆ และเป็นคนที่ออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ใจปล้ำสุดๆถ้าเป็นเมียได้ เป็นไปแล้วนะเนี่ย สปอร์ทสุด ตั้งแต่ค่ารถ ค่าเรือ ค่าอาหารรวมถึงค่าของฝากด้วย เอเรนถือได้ว่าเป็นเพื่อนอีกคนที่ผมจะลืมบุญคุณไม่ได้เลย เอาเป็นว่า ถ้าเอเรนมาไทยเมื่อไหร่ ผมจะบริการอย่างดีแน่นอน
ผมกลับมายังสนามบินก่อนเที่ยงคืนเพราะไฟล์ทของผมออกตอนตี 1 ก่อนจากกัน ผมกอดเอเรนอย่างแน่นเพราะผมไม่รู้จริงๆว่าจะได้เจอเอเรนอีกเมื่อไหร่ ความรู้สึกต่างๆทำให้ผมนึกถึงตอนที่พวกเราทำงานด้วยกัน ก่อนขึ้นเครื่องภาพทุกอย่างมันประมวลอย่างรวดเร็ว ทำให้ผมนึกถึงวันแรกที่ผมออกมาไกลจากบ้านแต่วันนี้ผมกำลังจะกลับบ้านแล้ว ขณะที่เครื่องบินกำลังทะยานขึ้นฟ้าน้ำตาของผมไหลออกมาอีกครั้งจากความรู้สึกที่ว่า ผมมีมิตรภาพดีๆที่นี่มากมาย แต่อีกคราบนึงของน้ำตาคือความคิดถึงครอบครัวที่ไทยใช่มันถึงเวลาแล้ว...ที่ที่ผมต้องกลับ “บ้าน”
จะว่าไปการเดินทางเกือบ
ผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าทุกครั้งที่ออกเดินทางคนเดียวผมจะไม่กังวล ทั้งชีวิตเวลาเดินทางไปต่างประเทศผมต้องไปคนเดียวตลอดเลย ส่วนหนึ่งคือผมกับเพื่อนๆ เรามีวันหยุด จำนวนทุนทรัพย์ไม่เท่ากัน ไม่เหมือนกัน สภาพเศรษฐกิจ ครอบครัวต่างกัน มันคงจะดีกว่าถ้าผมไปคนเดียวโดยที่ไม่ต้องมานั่งรับภาระความรู้สึกของเพื่อนหากมีเรื่องผิดใจกัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้มันทำให้ผมกล้าที่จะใช้ชีวิตคนเดียวเองได้โดยที่ไม่ต้องไปยึดโยงกับใคร
แต่มากกว่าความสนุกที่ได้ทำตามฝันของตัวเองแล้ว สิ่งที่ผมเรียนรู้เพิ่มมาอีกอย่างและสำคัญมากๆก็คือ มิตรภาพ มันมีทุกที่จริงๆ แต่เหรียญมันก็มี 2
การทำงานหาเงินความลำบากเลี้ยงชีวิต ผมว่ามันยากแล้วนะ แต่การได้ทำตามความฝันตัวเอง มันยากยิ่งกว่า
“เพราะหลายครั้ง ความฝันมันชอบสวนทางกับความเป็นจริงมากๆ”
การเดินทางรอบยุโรปถือว่าเป็นหนึ่งก้าวหนึ่งในความฝันของผม แน่นอนมีคนทำได้เยอะและดีกว่าผมอีกหลายคน ทั้งนี้ก็เพราะว่าผมได้ลงมือทำมันจริงๆนั่นแหละสำหรับตัวผมจึงรู้สึกได้ว่า
“ก้าวนี้มันไม่ได้เล็กเลย”
สุดท้ายแล้วผมอยากจะขอบคุณ พ่อแม่ พี่ๆ ครอบครัวของผม ที่เข้าใจ ช่วยเหลือและเปิดโอกาสให้ผมได้ไปเดินทางแบบนี้ทำให้ผมรู้ว่า บางครั้ง Comfort Zone มันอาจจะเป็นที่ที่สบายที่สุด แต่การเดินออกจากมัน ก็เป็นความสุขที่เป็นได้มากกว่าความสบายอีกอย่างหนึ่ง ผมต้องบอกก่อนว่าชีวิตของผมก็มีหลายเรื่องที่ทุกข์ใจไม่น้อย ความคาดหวังบ้างล่ะ สังคมบ้างล่ะ การเงินบ้างล่ะ แต่ให้ตายเถอะ ช่วงเวลาในการเดินทางที่ไม่รู้ชะตากรรมมันทำให้ผมลืมมันไปหมดเลย ผมมีความสุขที่ได้เดินทาง เจอคนใหม่ๆ ค้นหาสิ่งใหม่ๆ และไปยังสถานที่ใหม่ๆ มันทำให้ผม รู้จักตัวเองมากขึ้น โตมากขึ้นและเข้าใจตัวเองมากขึ้นไปอีก
และนอกเหนือจากครอบครัวผมแล้วต้องขอขอบคุณบุคคลดังต่อไปนี้
โฮสต์ที่สุวอลกี้ครอบครัวที่น่ารักโดยเฉพาะคินก้า
เพื่อนๆในโปรเจคที่คอยช่วยเหลืออยู่เป็นเพื่อน
เพรซเม็กสำหรับทริปที่วอร์ซอ
มาริน่าน้องเอิร์ท น้องสอง เอเรน สำหรับเพื่อนยามทุกข์ยาก
น้องเกมและโฮสต์ที่บอนน์ สำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นและความช่วยเหลือ
โฮสท์อีกหลายๆคนที่มีบทบาทในการเดินทางของผมทั้งที่ตอบรับ และที่ปฏิเสธ
คุณครูพี่เลี้ยงที่โปแลนด์ ที่อนุเคราะห์อาหารหลายมื้อให้กับผม
ทั้งนี้ทั้งนั้นคำบอกกล่าว เล่าเรื่องราวประสบการณ์ของผมผ่านตัวหนังสือเป็นเพียงมุมๆหนึ่งของผมที่อยากจะแชร์ แบ่งปันเรื่องราวที่เกิดขึ้น อาจจะมีเหมือนและไม่เหมือนของคนอื่นอีกมากมายที่เคยไปยุโรปมาแล้ว ดังนั้นหากมีเรื่องใดผิดพลาด หรือไม่ถูกต้อง ทั้งเนื้อหา การใช้วาจา หรือคำพูดที่ไม่ดี ไม่เหมาะสม หรือข้อผิดพลาดใดๆ ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
เรื่องที่ผู้เขียนยกขึ้นมาเขียนเป็นเพียงแค่เหตุการณ์สำคัญๆและความรู้สึกดีๆ สนุกสนาน ที่ผู้เขียนนำมาแบ่งปันเท่านั้น ถ้าจะให้เล่าแบบละเอียดยิบ ก็คงจะต้องใช้เวลาเรียบเรียงความทรงจำเป็นอีกแรมปี ผู้เขียนจึงขอจบเรื่องราวของผู้เขียนไว้แต่เพียงเท่านี้และหวังว่าซักวันจะได้มีโอกาสมาเล่าเรื่องแบบนี้ประสบการณ์ดีๆแบบนี้ให้กับคนที่สนใจได้อ่านอีก เนื้อเรื่องอาจจะมีสนุกบ้าง เบื่อบ้าง แต่ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่คอยติดตามมาตลอดจริงๆครับถือว่าเป็นกำลังใจที่ต่อเติมพลังได้ดีเลยทีเดียว (จบซักทีเนอะ เห้ออออ)
และสุดท้ายนี้ “ถ้าคุณมีโอกาสหรือความฝัน ลองหยิบมันมาลองทำดูไม่แน่คุณอาจจะได้พบกับสิ่งที่กำลังค้นหาหรือสิ่งใหม่ๆที่เปลี่ยนความคิดของคุณก็เป็นได้”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in