สุดท้ายแล้วผมก็ตัดสินใจจองที่นั่งไปลงที่ บอนน์ เมืองที่มีรุ่นน้องอาศัยอยู่สาเหตุหลักๆคงหนีไม่พ้นการเอากระเป๋าใบยักษ์ 20 กิโลกว่าไปฝากไว้กับน้อง จากการคำนวณของผมแล้วการลากกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนั้นไปมาในยุโรปคงไม่ใช่เรื่องน่าอภิรมย์เป็นแน่การมาบอนน์ครั้งนี้ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุด
ก่อนออกเดินทางผมได้ส่งข้อความไปหาน้องที่บอนน์ว่าวันนี้จะไปหาซึ่งการตัดสินใจกะทันกันของผมนั้นทำให้น้องรู้สึกไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยแต่น้องก็บอกว่าอย่างนั้นไม่เป็นไรจองมาแล้วก็มาเลยละกัน ผมขอโทษน้องแต่ว่าในเมื่อมันเป็นแบบนี้แล้วก็ต้องเลยตามเลยโฮสที่น้องอยู่ด้วยเขาก็ตกใจ แต่ด้วยความเมตตาของน้องและโฮสที่นั่น ทั้งน้องและโฮสจึงได้เตรียมตัวต้อนรับผมทันทีเลยรู้สึกเกรงใจกันทีเดียว
มาถึงตรงนี้ขอเล่ารายละเอียดนิดหน่อยของนิสัยคนเยอรมันซึ่งขึ้นชื่อได้ว่าเป็นชนชาติที่มีระเบียบและตรงต่อเวลามากที่สุดชาติหนึ่งการจะทำอะไรก็แล้วแต่ พวกเขาจะมีการจัดตารางล่วงหน้าทุกครั้ง การที่เรานัดหรือโผล่ไปหาพวกเขาแบบสุ่มสี่สุ่มห้าอาจจะทำให้คนที่นี่เคืองและมองว่าไม่มีมารยาทก็เป็นได้นะดังนั้นทุกครั้งที่อยากจะเจอคนเยอรมันเราควรบอกให้เค้ารู้และนัดเค้าล่วงหน้าอย่างน้อยวันสองวันจะดีที่สุด
ระหว่างอยู่บนรถไฟมีผู้โดยสารบางคนเข้ามาทักผม (ดูเป็นเรื่องปกติไปเลยที่มีคนมาทัก)แล้วหลักๆก็ยังคงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า
“ยูมาจากจีนใช่ไหม
เอ่อได้แต่ยิ้มและบอกว่า มาจากไทยแลนด์เว้ยยย (เฮ้อออพ่อคู้ณณณณณ สีหน้าเซ็งสุด)
เมื่อถึงสถานีหลักในบอนน์แล้ว ผมจึงรีบเดินไปหาน้องที่จุดนัดพบซึ่งจะบอกว่ามันเป็นความรู้สึกที่โล่งอก โล่งใจแบบบอกไม่ถูกและในที่สุดก็เจอน้องของผม “น้องเกม”
ในแพลนนั้นบอนน์ ถือว่าเป็นเมืองที่ผมเพียงแค่จะมาหาน้องเท่านั้นและบอนน์ก็ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวด้วยดังนั้นการเดินเล่นในบอนน์จึงจบไปอย่างรวดเร็ว
เกมนั้นมาเรียนต่อที่บอนน์เพราะได้ทุนเรียนนอกเกมอาศัยอยู่ที่นี่โดยการเช่าบ้านของครอบครัวไทย-เยอรมันเนื่องจากพี่แอ๋มที่เป็นคนไทยนั้น ได้สามีที่เป็นคนเยอรมันหลังจากที่ตกลงปลงใจกันแล้วจึงได้ย้ายมาอยู่ที่เยอรมันอย่างถาวรถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่น่ารักและมีความเมตตาต่อผมเป็นอย่างมาก ในที่สุดวันที่ต้องเอาตัวรอดคนเดียวก็ผ่านไปอีกวันขอบคุณน้องเกมจริงๆ
คืนแรกที่บอนน์ผมได้นอนหลับอย่างเต็มที่การมาที่บอนน์ก็เหมือนกับการได้มาพักร่างกายระยะสั้นๆก่อนออกเดินทางสำหรับแพลนการเดินทางของผมนั้น ได้แพลนไว้ว่าที่แรกยังไงก็ต้องเดินทางไปปราก เนื่องจากผมมีเพื่อนสนิทชาวฝรั่งเศสทำงานอยู่ที่นั่นซึ่งหลังจากที่ได้ส่งข้อความไปนัดกับเขาเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายยังไงผมก็จะต้องเดินทางไปปรากให้ได้ภายใน2-3
“เมื่อวานเพิ่งจะนั่งรถไฟปู๊นๆมาจากตะวันออก วันนี้กูต้องนั่งรถไฟจากตะวันตกไปตะวันออกอีกรอบ” ทำท่าโปรยเงินแปป “ฝันไปเหอะกูมีตั๋วรถไฟเหมาจ่าย ไม่ต้องเสียเงินอีกแล้วโว้ยยยย” ตอกย้ำความคุ้มในการซื้อตั๋วช่างภูมิใจอะไรเช่นนี้
จากการเช็คตารางรถไฟผมต้องทำการไปเปลี่ยนขบวนรถไฟที่แฟรงก์เฟิร์ตและเดรสเดนตามลำดับ ในเมื่อจะต้องผ่านทั้ง2 เมืองนี้แล้วการแวะเที่ยวนิดๆหน่อยๆก็คงไม่เสียหายอะไร การผจญภัยเริ่มต้นอีกครั้งซะแล้ว
วันถัดมาผมต้องอำลาน้องเกมและเจ้าของบ้าน และขอความกรุณาเป็นที่รับฝากกระเป๋าไว้ซักสองสามอาทิตย์ เมื่อมาถึงแฟรงก์เฟิร์ททุกอย่างก็ดูราบรื่นดี การเที่ยวในแฟรงก์เฟิร์ทไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากสำหรับผมตอนนี้เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ
“กูจะไปที่พักยังไงละเนี่ย
การที่ผมดันไปจองโรงแรมที่อยู่ห่างไปจากสถานีรถไฟอย่างน้อยๆก็5-6 กิโลเมตรครึ่งวันของผมหมดเวลาไปกับการเดินหาโรงแรม
บางทีมันอาจจะดูแพงสำหรับโรงแรมหรือโฮสเทลใกล้ๆ สถานีแต่ถ้าแลกกับความเหนื่อยล้าและการเสียค่าเดินทางเพิ่มเติมการจ่ายแพงกว่านิดหน่อยก็น่าจะดีกว่า... “เชื่อกูเหอะ”
สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีมีเวลาเดินเล่น ตลอดทั้งเย็นจนค่ำ แฟรงก์เฟิร์ทก็มีสเน่ห์อยู่บ้าง โดยเฉพาะแม่น้ำไมน์ที่ไหลผ่านกลางเมืองที่มองไปทีไรก็สดชื่นทุกที
เช้าวันถัดมาผมต้องขึ้นรถไฟไปเดรสเดรนแต่ก่อนที่จะว่ากันด้วยเรื่องเที่ยวที่เดรสเดนนั้นผมมีความพังของรถไฟเยอรมันมาเล่าให้ฟังเอาไว้เป็นแนวทางการเตรียมใจสำหรับคนที่อยากจะเที่ยวเยอรมันโดยรถไฟอย่างที่รู้กันว่ารถไฟเยอรมันเป็นรถไฟที่มีเครือข่ายที่ครอบคลุมอย่างทั่วถึงในตัวประเทศเยอรมันเองและด้วยความใหญ่ของระบบรถไฟนี่แหละที่ทำให้หากรถไฟขบวนใดขบวนหนึ่งในเยอรมันเกิดขัดข้องหรือเลท หรือมีปัญหาอะไรก็แล้วแต่ขบวนนึง มันจะทำให้ขบวนอื่นๆ เกิดปัญหาตามไปด้วยเป็นโดมิโน่เลยจ้าดังนั้นแล้ว
ใช่แล้วครับคาดเดากันไม่ยาก ผมโดนพิษเลทของรภไฟเยอรมันอย่างจังถึงแม้มันจะดูเป็นเรื่องปกติในประเทศไทยด้วยก็ตาม
“แต่ก็นะอยู่ไทยเนี่ยนั่งรถไฟระหว่างเมืองนับครั้งได้เลยครั้งนี้คือประสบการณ์ตรงไม่คิดว่าแม่งจะเลวร้ายขนาดนี้”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in