อาทิตย์สุดท้ายของผมใน Suwalki นั้นไม่ค่อยดีนักเนื่องมาจากอาการป่วย ระหว่างที่ป่วยนั้น คินก้า โดมินิก และฮันน่าก็ช่วยเหลือผมอย่างดีทุกอย่างถึงจะป่วยแต่ก็มีความสุขดี นอกจากผมแล้วก็มีเอเรน คินก้าและโดมินิกที่อยู่ด้วยกันตลอด น้ำใจของหลายๆคนในอาทิตย์นี้ทำให้รู้สึกยิ่งผูกพันกับที่นี่เข้าไปอีก
ผมจำไม่ได้ว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นแต่ดูเหมือนว่าที่โรงเรียนใหม่ที่เอิร์ทและชีเล้งไปประจำนั้น จะมีปัญหาอะไรซักอย่างทำให้ทั้งสองคนตัดสินใจที่จะกลับมา Suwalki อีกครั้งในวันพฤหัสที่จะมาถึงนี้ ทุกคนก็ต่างดีใจเพราะเหมือนกับการกลับมารวมกลุ่มอีกครั้ง
หลังจากที่เอิร์ทและชีเล้งกลับมาทุกอย่างก็ดูเหมือนกลับไปสู่สภาวะแบบอาทิตย์แรกที่พวกเรามาถึง จะผิดก็แต่ผมมีปัญหากับเอเรนนิดหน่อยเพราะความเข้าใจผิดกัน ทำให้ผมอึดอัดที่จะกินนอนพร้อมกับมัน เลยตัดสินใจจะกลับไป Bialystok ก่อนถึงวันอาทิตย์ แต่เอเรนก็เข้ามาพูดกับผมว่า พวกเราอยู่จนกลับพร้อมกันก็ได้นะ ผมเองก็ได้แต่พูดว่าเดี๋ยวไว้คิดดูก่อน จนสุดท้ายผมก็ทะเลาะกับเอเรนยกใหญ่ในคืนวันศุกร์ ทำให้ผมตัดสินใจได้อย่างไม่ลังเลใจว่ายังไงก็จะต้องกลับ Bialystok ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน
เช้าวันเสาร์ ผมกับเอเรนไม่ได้คุยกันเลยก่อนที่จะไปสถานีรถไฟในช่วงบ่ายผมก็ได้พูดขอโทษกับเอเรน ซึ่งจริงๆแล้วผมว่ามันไม่ใช่ความผิดของผม แต่เพราะไม่อยากจะมีปัญหาในอนาคตก็เลยยอมที่จะขอโทษก่อน สุดท้ายผมกับเอเรนก็คุยกันด้วยดี เอเรนขอให้ผมอยู่ต่อด้วยอีกวัน วินาทีนั้นในใจคือกูไม่อยากอยู่กะมึงล่ะ ห่างกันซักพักแล้วกัน จึงปฏิเสธไป อีกอย่างผมอยากจะไปหาเพื่อนคนอื่นๆด้วย
ถ้าใครจำน้องสองได้นั้น สองก็จะกลับไป Bialystok อาทิตย์เดียวกันนี้แหละ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้มีโอกาสคุยกับสองเท่าไหร่ การกลับไปครั้งนี้ก็จะได้มีโอกาสเจอสองแล้วก็อาจจะเจอเพื่อนคนอื่นในโครงการอีก เป็นโอกาสในการทำความรู้จักคนอื่นๆด้วยเมื่อคิดแบบนี้แล้วก็เลยมีความรู้สึกอยากจะกลับ Bialystok มาอีกนิดหน่อย
เมื่อได้ขึ้นรถไฟและลาทุกคนใน Suwalki เป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ผมก็มานั่งทำใจ ความคิดก็เหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง วิวสวยดี เอ่อแก้เครียดๆ แต่ใจก็อยากอยู่ Suwalki ต่อ คิดต่างๆนาๆ แต่อย่างว่า "คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก" ทำไมจะต้องมาเกิดเรื่องบ้าแบบนี้ขึ้นด้วย สักพักใหญ่ๆรถไปจอดสถานี ณ เมืองแห่งหนึ่ง ไม่นานเสียงหนึ่งก็พูดขึ้นมาใกล้ๆผม
“
ผม
ผู้ชายคนนั้น: “Yes, Where are you going?” เออเรียกมึงอะแหละ จะไปไหน
ผมเลยตอบไปว่าจะไป Bialystok
เขาถามผมว่าที่ข้างๆน่ะ กับที่ตรงข้ามพอจะว่างไหม เขาจะขอนั่งด้วยกับเพื่อนอีก 2-3
ในเสี้ยววินาทีพลังแห่งความเผือกนั้นผมได้หันหน้าไปมองผู้ชายคนที่เข้ามาคุยกับผมก่อนหน้านี้
ความเผือก
ผู้ชายคนนั้นค่อยๆเลื่อนสายตามาทางผมด้วยสีหน้าเป็นมิตร (มั้ง กูคิดเองแหละว่าเค้าเป็นมิตร)
ผู้ชายคนนั้น
ความเผือก
หลังจากที่ได้รู้จักเพรซเม็กบนรถไฟ เมื่อถึงสถานี
อาทิตย์นี้มารีอา บอกว่าผมจะมีโจเซ่และเอเรนเป็นรูมเมทซึ่งเอเรนยังอยู่ Suwalki ส่วนโจเซ่น่ะหรอหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ ได้ข่าวว่าไปวอร์ซอ (โจเซ่คือคนบราซิลถ้าใครจำได้) หลังจากที่เปิดประตูห้องเข้าไป ผมก็ต้องพบกับความผิดหวังอย่างแรงโอโห!!! นี่ห้องหรือรูหนู ห้องรกมาก และปริมาณขยะกว่า 80% มันคือของอีโจเซ่
ตอนนั้นคือคิดอยู่อย่างเดียวว่า “กูขนกระเป๋ากลับ Suwalki นี่ทันไหมเนี่ย”
ผมจัดแจงหาเตียงว่างแต่ก็ไม่มีเตียงว่างเพราะทุกเตียงเหมือนมีเสื้อผ้ากองๆสุมๆรวมอยู่ ทำให้รู้สึกว่า มันไม่มีเตียงว่างเลย ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก โจเซ่ปรากฏตัวพร้อมกับด็อกลาส (จากบราซิล) และเอสม่า(จากตุรกี) ทั้งสามคนนี้เหมือนเป็นเพื่อนซี้สนิทกัน
หลังจากเห็นโจเซ่ผมเลยตรงเข้าไปถามเลยว่า พอจะมีเตียงว่างให้บ้างไหม
โจเซ่เดินไปที่เตียงๆนึงที่มีกองผ้าโตๆสุมๆกันอยู่แล้วก็เขี่ยๆ หยิบๆออกให้ แล้วก็หันกลับมาบอกผมว่า
“นี่ไงละเตียงยู”
โอโหอิโจเซ่ นี่ของมึงรกจนต้องมาเบียดเบียนเตียงชาวบ้านเขาเลยหรอเนี่ยนี่ไม่รวมขยะบนโต๊ะข้างๆอีกนะ มึงนี่มันซกมกจริงๆ ส่วนอีกเตียงนึงเป็นของแฟร์รี่ (มาจากอินโดนีเซีย) ซึ่งแฟร์รี่ต้องย้ายออกจากหอวันอาทิตย์นี้ (เอเรนก็จะมาแทนที่)
หลังจากจัดของเสร็จสรรพพวกโจเซ่นั้นต้องเตรียมตัวไปที่วอร์ซอ ส่วนผมเขียนข้อความหาสองเพื่อที่ว่าจะได้นัดเจอกัน ไม่นานก็ได้รับข้อความจากสอง ซึ่งเป็นข่าวร้าย
สองเขียนกลับมาว่า “พี่กัน สองต้องอยู่ที่นี่อีก 1อาทิตย์” วินาทีนั้นทำให้ผมรู้ได้เลยในทันทีว่า
ผมจึงส่งข้อความไปหาเพรซเม็กเพื่อหวังจะไปเที่ยววอร์ซอ เพรซเม็กข้อความกลับมาหาทันทีว่า อาทิตย์นี่ไอไม่ว่างอะยู อาทิตย์อื่นได้ไหมตอนนั้นจำได้ว่าผมข้อความหาทุกคนที่คาดว่าจะได้เจอ รวมถึงมาริอุสด้วย (คนที่เคยเดินมาส่งที่หอในคืนที่ผมเมา) และดูเหมือนว่าทุกคนนั้นจะไม่มีเวลาว่างให้กูเลย Oh Noooo!!! ดังนั้นแล้ว แผนการหาเพื่อนใหม่ใน Bialystok จึงได้เริ่มขึ้นหลังจากนั้นทันที
ในคืนนั้นผมคุยกับมาริอุสผ่านทางเฟซบุ๊คมาริอุสสงสารผมเหมือนกันที่ผมต้องอยู่เหงาๆคนเดียวที่หอ
แต่มาริอุสช่วยอะไรไม่ได้ ก็ยังดีที่มาริอุสคอยรับฟังตลอดทั้งคืน ตอนนั้นตัวผมเองหงุดหงิดเรื่องทะเลาะกับเอเรนและรู้สึกว่าผมควรอยู่ Suwalki
เช้ารุ่งขึ้นผมเตรียมตัวเพื่อที่จะออกไปเดินเล่นในเซ็นเตอร์ การเดินเล่นวันนี้ถ้าจะให้นับกันจริงๆ มันก็เป็นครั้งแรกในการสำรวจ Bialystok
ไม่นานผมมานั่งพักใกล้ๆลานน้ำพุ ตอนนั้นก็นั่งชิลๆ ซึมซับบรรยากาศ ไกลออกไป 5-6 เมตร มีผู้หญิง 2 คนมองมาที่ผม ตัวผมเองก็หลบๆ สายตาทำเป็นไม่สนใจเพราะคิดว่า พวกนี้คงไม่เคยเห็นเอเชียอีกแล้ว (บางทีก็เหนื่อยนะกับการถูกมองบ่อยๆ) ผู้หญิง 2 คนนั้นก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้ๆพร้อมกับทักทาย จนในที่สุดหนึ่งในนั้นได้เอ่ยปากถามว่า
“Are you from China?” ลื้อมาจากจีนใช่ไม๊
Me :
แม่คู๊ณ หน้ากูไม่ได้จีนโว้ยยย คนที่บ้านกูพอกูแสดงตัวว่ากูมีเชื้อจีนเขายังบอกเลยว่ากูน่ะ จีนเซินเจิ้น ของปลอม อั๊วมาจากประเทศไทยจ้า ม่ายร่ายเป็งคงจีน จริงๆแล้วคนจีนเนี่ยหน้าอีกแบบนึงนะยูว (จำไว้ด้วย)
ผู้หญิงอีกคนนึงก็เริ่มเกริ่นทำนองว่ามาที่นี่สบายดีไหมมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ผมเลยบอกว่า อ่อคิดถึงบ้านนิดหน่อย แล้วเธอก็บอกต่อว่าพวกเราช่วยได้นะพร้อมกับโชว์ใบเล็กๆใบหนึ่งให้ดู วินาทีนั้นผมรู้ได้ในทันทีเลยว่าจะโดนอะไร
หลังจากที่นางอ้าปากพูดอีกรอบเพื่อชวนไปฟังพระธรรมในคริสตจักรหรืออะไรซํกอย่างเนี่ยแหละ เสียงในหัวก็กระซิบเบาๆว่า “ว่าแล้วเชียว” ผมเลยได้แต่ยิ้มแล้วพูดว่าไอเนี่ยเป็นพุทธนะ ตอนนี้มีความสุขดี แต่ถ้ามีเดี๋ยวจะไปหานะ พร้อมตัดบทสั้นๆว่า ขอบคุณนะ กู๊ดบายยย
นอกจากนี้การหาร้านอาหารที่นี่ก็เป็นเรื่องท้าทายเช่นกันเพราะเมนูทุกอย่างมันฃเป็นภาษาโปลิช แถมเมนูไม่มีรูปอาหารโชว์ด้วยนะเออ บ่อยครั้งเข้าไปร้านอาหารแล้วพนักงานก็พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ชีวิตก็จะลำบากๆหน่อย
เมื่อนึกถึงคินก้าสิ่งที่ผมนึกได้อีกอย่างนึงคือพี่สาวของคินก้าที่ชื่อพาเมล่านั้น เธอพักอยู่ที่ Bialystok (ผมมีโอกาสรู้จักพาเมล่า 1
พาเมล่า
ผม
พาเมล่า
ผม: “……OK” มีความงง แล้วอาหารกลางวันล่ะจ๊ะนายจ๋า
เดี๋ยวนะพาเมล่าเธอเข้าใจอะไรผิดละ นี่เพิ่งจะเที่ยง จะให้ฉันรอดินเนอร์เลย คงไม่ไหวมั้ง ตอนนั้นเที่ยงแล้วควรกินข้าวเที่ยงซิ แล้วพาเมล่าก็บอกผมว่าพวกเราจะมากินดินเนอร์ตอนบ่าย 2 เห้ย!!!
ที่ Suwalki ผมก็กินครบ 3 มื้อนะ ถ้าที่นี่ไม่มี Lunch แล้วยูเรียกอาหารตอนเย็นว่าอะไรวะ Super Dinner หรอ Evening Meal หรือ Late Dinner
การกินอาหารของคนโปแลนด์จะแปลกๆนิดนึง (ตามที่ผมเข้าใจ) เขาจะมีมื้อเช้า แล้วมีมื้อที่เรียกว่า Brunch
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in