เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Abysspiyarak_s
Day 27-28 : Flip and Forget
  • 27. ตีลังกา


    “ดร. แอปเปิลบี้อยู่หรือเปล่าครับ นี่ตำรวจจากแผนกคดีอาชญากรรมพิเศษตำรวจนครบาลลอนดอน”


    เสียงของพีท โดเฮอร์ตี้ดังมาจากหน้าประตู หลังจากเสียงกริ่งดังขึ้น ทำให้เจ้าของชื่อปล่อยมือจากผม


    “กรุณาเปิดประตูให้เราด้วย เรามีเรื่องที่ต้องการขอความร่วมมือจากคุณเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้น”


    ตำรวจนครบาลลอนดอน แม้จะเป็นตำรวจในทีมสืบสวนคดีฆาตกรรมอย่างเรา ก็ไม่มีอำนาจพกปืน
    การเข้าจับกุมคนร้ายที่มีอาวุธหรือผู้ก่อการร้าย หรือกรณีอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องใช้อาวุธในการควบคุม
    ต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ SCO19 หรือ หน่วยปฏิบัติการพิเศษติดอาวุธ (Specialist Firearms Command)
    นั่นหมายความว่า แผนการทุกอย่างต้องมีการประสานงานภายในและได้รับอนุมัติเรียบร้อยแล้ว


    ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทันทีที่สัญญาณโทรศัพท์ของผมขาดหาย นั่นเป็นสัญญาณให้พีทเตรียมพร้อม
    ผมเดินทางมาที่ไบรตันตามลำพัง แต่ไม่ได้หมายความว่า จะไม่มีใครในทีมสืบสวนตามมาทีหลัง


    อย่างไรก็ตาม พีทที่เป็นคนรับหน้าคนแรกก็มีความเสี่ยงที่สุด เพราะไม่อาจรู้ว่า คนในบ้านมีอาวุธหรือไม่
    เท่าที่ผมใช้โอกาสที่โอบกอดเขาคลำสำรวจไปตามร่างกายของเขาโดยพยายามไม่ให้ผิดสังเกตมากนัก
    วินเซนต์ แอปเปิลบี้ไม่ได้พกปืนหรือมีอาวุธอื่นใด รวมถึงเครื่องช็อกไฟฟ้าที่เขาเคยใช้กับผมมาครั้งหนึ่ง


    วินเซนต์มองผมด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม แต่ผมพยายามทำหน้าเหมือนกับผมไม่รู้เรื่องนั้นด้วย


    “ดร. แอปเปิลบี้ คู่หูของผม ฮัล... ฮารุ ชิมาดะหายตัวไป และครั้งสุดท้ายมีคนพบเขาอยู่กับคุณ”


    “เขาอยู่กับผมนี่ละ” วินเซนต์ตอบกลับไป และหันมาทางผม “ฮารุ คุณเปิดประตูให้เขาหน่อย”
    น้ำเสียงของเขาเจือด้วยอารมณ์บางอย่างที่ทำให้ผมไม่อยากจะวางใจนัก แต่ไม่มีทางอื่น


    “ให้ผมบอกพีทก่อนเปิดประตูด้วยไหมว่า ผมอยู่ที่นี่กับคุณ และปลอดภัยดี ไม่มีอะไร”
    คำถามของผมทำให้เขาหยุดคิดครู่หนึ่ง สายตาของเขาดูหวาดระแวงมากขึ้นกว่าเดิม
    แต่ความรู้สึกนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขากลับมาสบตากับผมด้วยท่าทางที่เป็นปกติ
    “ไม่ต้องหรอก แค่เปิดประตูให้เพื่อนของคุณเข้ามาก็พอ ให้เขาเห็นคุณจะได้สบายใจ”


    ผมไม่อยากหันหลังให้เขาเลย แต่ถ้าทำอย่างนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมเดิมพันเอาไว้อาจล้มเหลว
    ผมบอกตัวเองว่า ในเมื่อผมกล้าที่จะเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงอย่างที่ทำอยู่ในตอนนี้แล้ว
    และผมใช้ทุกอย่างที่ผมมีเพื่อให้เจ้านายของผมเชื่อว่า คราวนี้เราจะจับฆาตกรตัวจริงได้
    ลีโอกับพีทยอมตัดใจและทิ้งความห่วงใยผมเอาไว้ และยอมเชื่อใจว่าผมจะต้องทำสำเร็จ


    อีกแค่อึดใจเดียวเท่านั้น ทุกอย่างก็จะจบ


    ผมรับกุญแจบ้านมาจากวินเซนต์ แอปเปิลบี้ และเดินไปที่ประตูเพื่อไขกุญแจที่ล็อกไว้
    ตลอดเวลาที่ผมก้าวไปทีประตูโดยพยายามไม่หันหลังกลับหรือเหลือบตามองคนข้างหลัง
    เป็นไม่กี่วินาทีที่เหมือนเดินไปตามปากทางสู่นรกนานนับชั่วโมงโดยไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้น


    ผมสูดลมหายใจเข้า เสียงกลอนที่คลายล็อก และลูกบิดที่มือของผมหมุนเปิดประตู
    ทำให้ผมเกือบเผลอถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก แต่ก็เป็นเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น


    ในจังหวะเดียวกับจังหวะที่ผมเปิดประตูรับพีท และผมเห็นหน้าเขาผ่านช่องว่างของประตู
    เข็มฉีดยาในมือของวินเซนต์ แอปเปิลบี้ก็แทงทะลุผ่านเสื้อของผมและทิ่มเข้าไปในกล้ามเนื้อที่หลัง
    ความรู้สึกเจ็บแปลบเกิดขึ้นอยู่เพียงเสี้ยวนาที ก่อนที่โลกทั้งใบของผมจะหมุนเหมือนใครจับตีลังกา


    ความคลื่นไส้วิงเวียนถาโถมเข้าใส่พร้อมกับอาการปั่นป่วนรุนแรงในท้องจนแทบอาเจียน
    ผมพยายามหายใจเข้าลึก แต่กลับไม่สามารถหายใจเข้าได้เต็มปอด และมึนงงจนยืนไม่อยู่
    สองหูของผมได้ยินเสียงของความวุ่นวายเกิดขึ้นรอบตัว แต่ตาของผมพร่ามัวจนมองไม่เห็น


    ก่อนที่สำนึกสุดท้ายจะดับวูบลง สิ่งเดียวที่ผมจดจำได้ และทำให้ผมยิ้มออกมาในที่สุด
    คือ เสียงของลีโอ... ไม่ว่าเสียงนั้นจะมาจากลีโอจริง ๆ หรือมาจากเสียงของลีโอในความฝัน
    แต่อย่างน้อยที่สุด ถ้าหากผมต้องจากโลกนี้ไป ผมก็ยังมีลีโออยู่ในความทรงจำสุดท้ายของตัวเอง


    จะว่าไป วินเซนต์ แอปเปิลบี้ได้ก็ทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้กับผมแล้ว...









    28. หลงลืม

    ผมจำเหตุการณ์หลังจากเปิดประตูรับพีทไม่ได้เลย และหลงลืมเรื่องก่อนหน้าไปบางส่วน
    เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ทั้งนีลและคอนสแตนติน่าเสียชีวิต เพราะได้รับโรฮิปนอลเกินขนาด
    ฤทธิ์ของยากดประสาทให้หายใจช้าลง หัวใจทำงานช้าลง และทำให้เกิดอาการหลงลืม
    ถ้าหากผมหยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้นนานเกินไป สมองของผมอาจเสียหาย หรือตายได้


    ผมโชคดีที่รอดมาได้ในสภาพ ‘เสียหายเล็กน้อย’... อย่างน้อยก็ตอนนี้ ถ้าไม่มีผลข้างเคียงอะไรอีก


    เพราะการฉีดโรฮิปนอลเข้าสู่ร่างกายเป็นวิธีการที่ให้ผลรุนแรงกว่าการกิน
    และไม่สามารถกำจัดยาที่ตกค้างในร่างกายโดยการทำให้อาเจียนหรือล้างท้อง ทางเดียวที่มี คือ รอ


    ผมไม่แน่ใจว่า ผมหมดสติไปนานเท่าไหร่ แต่เท่าที่รู้ ผมอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่สองสามวัน
    ก่อนที่สติของผมจะกลับคืนมา ตลอดระยะเวลานั้น ผมได้ยินเสียงของคนที่มาเยี่ยม แต่ไม่แน่ใจว่า
    ผมตอบอะไรใครไปบ้าง ผมรู้ว่าพีทกับลีโอและแม่ คนใดคนหนึ่ง จะอยู่ใกล้ ๆ ผมทุกครั้งตอนที่พอรู้ตัว
    แต่ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า พ่อจะมาอยู่ที่นี่ด้วย พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่ผมรู้ว่าแม่คงบอกหมดแล้ว


    ตอนนั้น ผมอยากขอโทษทุกคนมากพอ ๆ กับที่อยากจะขอบคุณ แม้จะรู้ว่าทั้งสองคำนั้นไม่เพียงพอ
    แต่สิ่งที่ผมพูดออกมาเป็นคำแรกกลับกลายเป็นการถามทุกคนที่อยู่ที่นั่นว่า วินเซนต์ แอปเปิลบี้อยู่ไหน


    พีทเลิกคิ้วมองผมอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ลีโออุตส่าห์วิ่งมาจากภาควิชาแต่กลับได้ยินผมถามหาคนอื่น
    แต่แล้วเขาก็หัวเราะออกมา เช่นเดียวกับแม่ของผมที่ยิ้มกว้างทั้ง ๆ ที่น้ำตาไหล และจับมือของพ่อไว้แน่น
    แม่โบกมือห้ามไม่ให้ผมพูดอะไรต่อ สายตาของแม่ที่มองพ่อไม่เหลือความวิตกกังวลอะไรอีกต่อไปแล้ว
    ก่อนที่คำพูดของแม่จะทำให้พ่อที่สงวนท่าทีมาตลอดถึงกับส่ายหน้า แล้วหัวเราะออกมาจนได้


    “ฮารุ ลูกรู้ไหม นั่นละ คือสาเหตุที่แม่หย่ากับพ่อ”


    และนั่นก็เป็นสาเหตุที่แครอลหย่ากับลีโอ แล้วแต่งงานกับคนที่มีเวลาให้มากกว่า และเข้ากันมากกว่า


    มือของลีโอเลื่อนมาจับมือของผมเอาไว้ เราลอบยิ้มให้กันอย่างที่ต่างคนต่างเข้าใจความหมาย
    ไม่มีอะไรลงตัวยิ่งกว่าคนบ้างานสองคนที่อยู่ในสายงานเดียวกันมาอยู่ด้วยกันอย่างนี้อีกแล้ว 



    To be continued >>>> Day 29-30: Notebook and Death (ตอนจบ)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in