เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[Fic] Detroit Become human : SLAVE's blue bloodAsharch
File 01: Wishing
  • | Markus x Connor |

    Spoil ALERT !!

    Rate : PG

    :
    :
    :
    :
    :

    จริงอยู่ที่คนเราต้องการใครสักคนอยู่ในชีวิต
    อาจแค่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น เพียงแค่ยืนอย่างเงียบงัน แค่นั้นก็พอ

    แต่ตัวผมที่เป็น Android ควรมีความรู้สึกเช่นนั้นหรือเปล่า?

    :
    :
    :
    :
    :


         "คอนเนอร์.. เฮ้ !"

         "ครับ?" ผมปรับโฟกัสไปที่ชายวัยกลางคนตรงหน้า หลังจากที่โกนหนวดเคราแล้วดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหลายเปอร์เซ็นต์

         "Android อย่างนายเหม่อเป็นด้วยหรอ"

         "กำลังประมวลผลบางอย่างครับ" ผมตอบอย่างจริงใจ ก่อนจะก้มมองเอกสารที่ต้องจัดการบนโต๊ะ

         หลังจากที่มาร์คัสปฏิวัติด้วยวิธีสันติสำเร็จ ทำให้กระแสของโลกนี้เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน Android ได้รับอิสระ มนุษย์จำนวนมากเข้าใจและสนับสนุนความคิดของมาร์คัส แต่ก็มีอีกหลายคนที่แสดงท่าทีไม่พอใจ กลุ่มคนเหล่านั้นเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ เช่น การเสียแรงงานใช้งาน หรือคนทำความสะอาด ด้วยจำนวนเงินที่ซื้อ Android ไปก็ไม่ใช่น้อยๆ บวกกับต้องเสีย Android ที่ซื้อมาไปฟรีๆอีก

         น่ากลัวที่คนกลุ่มนี้จำนวนไม่น้อยเป็นพวกมีอำนาจ

         Android ทุกคน ได้รับสิทธิในการเปลี่ยนเสื้อที่มีปลอกแขนเรืองแสง และสัญลักษณ์สามเหลี่ยม เป็นเสื้อผ้าธรรมดาได้ ส่วนวง LED ที่ขมับด้านขวาแล้วแต่ความต้องการของเจ้าตัว ถือว่าเป็นการเลิกระบบกดขี่ที่สมบูรณ์แบบ

         มีการสร้างอนุสรณ์สำหรับ Android ที่ Shut down ไปในวันประกาศอิสรภาพ พวกเขาเหล่านั้นได้รับการประกอบพิธีศพอย่างถูกต้องตามศาสนา

         โดยมีมาร์คัสเข้าร่วมไว้อาลัยทุกพิธี

         แผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดตราตรึงในความทรงจำของผม

         ... ต้องเรียกว่า 'หน่วยความจำ' ถึงจะถูก

         ตอนนี้ผมกับผู้หมวดได้เปลี่ยนจากสืบสวนคดีหุ่นผิดปกติ เป็นสืบสวนคดีทั่วไป นั่นทำให้ผมรู้ว่ามีมนุษย์หัวรุนแรงที่ไม่เห็นด้วยกับการปลดหล่อย Android กำลังหลบซ่อนอยู่ และดำเนินการบางอย่างอย่างเงียบงัน

         เพราะแฟ้มคดีตรงหน้าผมคือ Android ที่ถูกฆาตรกรรมหัวมุมถนนถัดไปไม่กี่ช่วงตึก

         "ไปกันเถอะครับผู้หมวด"



         ภาพตรงหน้าคือ Android ที่ถูกทำร้ายอย่างสาหัส แขนขาที่บิดเบี้ยวและลำตัวที่พังเสียหาย ใบหน้าของเขาเหยเก ดวงตาเบิกโพลงราวกับหวาดกลัวความตาย

         บนกำแพงอิฐมี Thirium 310 หรือ Blue blood เขียนด้วยตัวหนังสือของมนุษย์ว่า 'SLAVE' จากการวิเคราะห์แล้วเป็น Blue blood ของหุ่นยนต์ที่ Shut down ตรงหน้า

         "ฉันบอกกี่ทีแล้วว่าอย่าเอาอะไรเข้าปากมั่วซั่ว มันทำให้ฉันอยากอ้วก" ผู้หมวดเดินมาข้างผม ก่อนทำหน้าสะอิดสะเอียนใส่ ผมยิ้มมุมปาก ก่อนจะรายงาน

         "จากการวิเคราะห์ของผม Android ตัวนี้ถูกทำร้ายราวๆตี 2 ครับ มีบาดแผลสาหัสที่เกิดจากการแทง 13 แผล และแต่ละที่ถูกตัวจ่ายพลังงานสำคัญทั้งหมด แสดงว่าผู้ร้ายต้องเป็นคนที่รู้เรื่องระบบ Android เป็นอย่างดี.. อีกทั้งตัวอักษรบนอิฐเหมือนกับคดีที่ 301 ทั้งตัวอักษร และข้อความ คาดว่าฆาตรกรเป็นคนเดียวกันครับ"

         ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ ไม่ได้ทำให้ผมเสียสมาธิแม้แต่น้อย แต่ผู้ที่มาใหม่ต่างหาก ทำให้สมาธิของผมกระจัดกระจาย

         เขายืนกอดอกนิ่งๆอยู่นอกเทปสีเหลืองกั้นพื้นที่ แค่ยืนนิ่งๆ กลมกลืนไปกับผู้คน

         "มาร์คัส..." ผมเรียกชื่อเขาเบาๆ

         ผู้หมวดมองผมสลับกับผู้มาใหม่ ก่อนจะพูดขึ้นว่า "เดี๋ยวฉันเก็บหลักฐานที่เหลือเอง นายไปพักเถอะ เจอกันที่ตึก"

         "ขอบคุณครับผู้หมวด"

         ผมเดินออกจากพื้นที่ หรือซีน อย่างเงียบงัน และระมัดระวัง ระหว่างนั้นผมประมวลข้อความทักทายอย่างไรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด จากหนังสือที่ดาวน์โหลดใส่ฐานข้อมูลมาเมื่อคืน

         ใบหน้าที่ราวกับจ่าฝูงหมาป่า และนัยน์ตาสองสีของเขาทำให้ผมประหม่าและหวาดกลัวไปในเวลาเดียวกัน

         'ทักทายอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความประทับใจในครั้งแรกที่พบ'

         "โยชชี่ มาร์คัส"

         ทำไมผมสังเกตว่าอีกฝ่ายทำหน้าเหวอ...



         "ฉันว่านายต้องพักสักหน่อยแล้วหล่ะ"

         พวกผมนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะประจำเมือง Detroit ฤดูใบไม้ผลิทำให้อากาศเย็นลงเล็กน้อย มาตรวัดอุณหภูมิผมบอกเช่นนั้น แต่ตัวผมไม่ได้เปิดระบบตอบสนองต่อสภาพอากาศ จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ

         ในมือผมมีขนมปังแถวอยู่

         ผมขว้างเศษขนมปังที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ เป็นอาหารนกพิราบ แก้สถานการณ์กระอักกระอ่วนใจ และความรู้สึกบางอย่างที่ผมอธิบายไม่ได้

         "นายทำงานมา 3 กะ ติดต่อกันแล้ว"

         "คดียังไม่ปิดครับ... แล้วก็ดันมีคดีฆาตรกรรม ที่คิดว่าต่อเนื่อง เกิดขึ้นอีกคดี" ผมตอบอีกฝ่าย ก่อนจะโยนเศษขนมปังให้นกพิราบ 10 กว่าตัวตรงหน้า

         "เเล้ว... เย็นนี้"

         ผมละสายตาจากขนมปังในมือ มองอีกฝ่าย

         มาร์คัสทำหน้าแปลกๆ

         "ครับ?" ผมตอบรับเป็นเชิงเร่งให้อีกฝ่ายพูดประโยคถัดไป

         "... เย็นนี้ มีที่ที่อยากไปหน่ะ ...น...นายมาเป็นเพื่อนได้ไหม"

         มาร์คัสชวนผม?

         "ได้สิ" ผมตอบอย่างง่ายดาย

         "นายไม่คิดก่อนหรอ!" มาร์คัสแสดงสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ยังมีความเงียบขรึมน่าเกรงขามกลบท่าทางดังกล่าว

         "ประมวลผลครับ"

         "นั่นแหล่ะ"

         "เรียบร้อยแล้วครับ"

         "งั้น.. ฉันไปทำธุระกับนอร์ธก่อน แล้วเจอกัน 6 โมงเย็นที่นี่" มาร์คัสลุกขึ้นยืน ก่อนจะกระชับเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่แล้วเดินจากไป

         คงเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับคดีมนุษย์สังหาร Android แน่ๆ




         และเป็นไปตามที่ผมคาดจริงๆ

         "น่ากลัวว่าถัดจากนี้จะมี Android ที่ถูกทำร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ" มาร์คัสพูดขึ้นหลังจากได้ฟังข้อมูลบางส่วนจากผม

         ผมไม่สามารถละสายตาออกจากใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยแววตาครุ่นคิดได้

         "หน้าฉันมีอะไรติดหรอ"

         "เปล่าครับ" ผมปฏิเสธด้วยท่าทางเรียบเฉย

         มาร์คัสแสดงสีหน้าเหนื่อยใจกับท่าทีของผม ก่อนจะยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้

         เมื่อผมเปิดดูพบว่าในนั้นเป็นต้นไม้เล็กๆต้นหนึ่ง ในฐานข้อมูลผลบอกว่า สิ่งนั้นคือ บอนไซ พืบที่ถูกดัดแปลงจนมีขนาดเล็ก และมีรูปร่างตามที่ต้องการ

         "นายน่าจะชอบธรรมชาติ..." มาร์คัสให้คำอธิบายต่อการกระทำดังกล่าว

         "ขอบคุณครับ"

         มุมปากผมถูกยกขึ้นตามความรู้สึก

         ความรู้สึก?

         วง LED ของผมขึ้นสีเหลือง แสดงถึงผมกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

         "งั้น ขอแวะที่ห้องพักผมก่อนไปสถานที่ที่คุณอยากไปได้ไหม มาร์คัส.. ที่ที่คุณอยากไปค่อนข้างเร่งด่วนหรืออยู่ในระยะเวลาจำกัดไหมครับ"

         "ถ้าแค่แวะห้องพักนาย ก็ได้อยู่"




         ห้องสีขาวสะอาดเล็กถูกตกแต่งด้วยธีม modern แต่กลับมีกระถางต้นไม้วางเรียงรายขัดกับชั้นวางสีเทารูปทรงประหลาด

         แต่เป็นการขัดกันที่ลงตัว

         "ว้าว..."

         "เชิญตามสบายครับ มาร์คัส" ผมผายมือไปยังโซฟาสีเทาด้านหน้าโทรทัศน์ "ทำตัวให้เหมือนบ้านคคุณครับ"

         ผมวางต้นไม้บอนไซเล็กๆที่ชั้นวางตรงกลาง

         ที่ที่เด่นที่สุด

         มาคัสมองการกระทำของผมอย่างเงียบงัน

         "เด่นดี...."

         "คุณว่ายังไงครับมาร์คัส.. หรือเด่นเกินไป?"

         "ดีแล้ว!!! วางตรงนั้นแหล่ะ เป็นจุดสนใจที่ดี.. ผมแค่ ดีใจ" มาร์คัสก้มหน้าลงเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นตามความรู้สึก

         นี่มันอะไรกัน.. ผมเรียกสิ่งนี้ไม่ถูก

         เรามองหน้ากันสักพักหนึ่ง ก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นด้วยความกระอักกระอ่วนบางอย่าง

         "งั้นไปกันเถอะครับ.. ที่ที่คุณอยากไป"




         มาร์คัสนำผมไปทางตึกร้างแห่งหนึ่ง ใกล้กับนอกเขตเมือง เราโดยสารโดย Taxi บนนั้นเราไม่ได้คุยอะไรกันนอกจากพันธ์ต้นไม้และศิลปะของคาร์ล

         บรรยากาศที่วังเวง และหนาวเย็นจากมาตรัดอุณหภูมิผม ทำให้ผมรู้สึกหวั่นเล็กน้อย

         หวังว่ามาร์คัสจะไม่ Shut down ผมนะ

         "ที่ที่จะพานายไปอยู่ด้านบนสุด" มาร์คัสชี้ไปยังยอดตึกร้าง "อาจจะต้องมุดเข้าไปหน่อย นายไม่ได้ตัวใหญ่ไปกว่าฉัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง"

         เขากระชับโค้ทสีดำ

         ผมสังเกตท่าทางเขาเงียบๆ ก่อนจะตามเขาไป

         เหล็กที่ถูกตัดพอเป็นทางเข้า กว้างพอที่จะทำให้คนตัวใหญ่อย่างมาร์คัสเข้าไปได้ แน่นอนว่าคนที่ตัวเล็กกว่าเขานั่นคือผม สามารถลอดผ่านได้อย่างง่ายดาย

         ซากปรักหักพังของสถาปัตยกรรมมนุษย์ เข้ากับ Graffiti ของวัยรุ่น และตัวอักษร rA9 บนกำแพงอย่างลงตัว ผมเดินตามมาร์คัสขึ้นบันไดที่แข็งแรงพอในการรับน้ำหนัก Android 2 คน

         ผมเดินตามเขาไปเรื่อยๆจนถึงขึ้นบนสุด หรือชั้นดาดฟ้า

         บันไดพังเล็กน้อยตามกาลเวลา ทำให้เวลาขึ้นไปชั้นดาดฟ้าต้องอาศัยการปีนป่ายกำแพง และมุดรอยโหว่ของเพดานขึ้นไปชั้นดาดฟ้า

         มาร์คัสปีนขึ้นไปก่อน ตามด้วยผม

         เมื่อใกล้ถึง ผมสังเกตเห็นมือยื่นมาตรงหน้าผม

         "จับไว้" เขาพูดสั้นๆ

         ความจริงผมสามารถปีนขึ้นไปเองได้อย่างง่ายดาย

         แต่...

         มือของเราประสานกัน ด้วยจุดประสงค์ที่คล้ายคลึงกัน เขาอาจจะต้องการช่วยผมจริง ส่วนผมอาจจะ...

         "บนนี้เป็นที่ที่ฉันมาเป็นประจำ เวลา..."

         มาร์คัสมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ไม่มีความสิ้นสุด กลุ่มดาวผลัดกันทอแสงระยิบระยับ

         "เวลา?" ผมทวนคำ

         "... โชคดีที่วันนี้ไม่มีเมฆ แล้วก็วันนี้พระจันทร์ข้างแรม แสงเลยไม่บดบังดาวเท่าไหร่" มาร์คัสเปลี่ยนเรื่อง ก่อนจะนั่งลง

         ผมนั่งลงข้างๆเขา

         มาร์คัสกระชับเสื้อโค้ทสีดำ

         "คุณมีระบบตอบสนองต่อสภาพอากาศหรอครับ" ผมถามออกไปโต้งๆหลังจากสังเกตพฤติกรรมของเขามาสักพักใหญ่ๆ

         "ใช่ นอร์ธเปิดมัน" เขาตอบ "นอร์ธบอกว่า แบบนี้จะได้ชื่นชมธรรมชาติได้ดีกว่า สัมผัสบรรยากาศรอบตัวได้.. นายสนใจไหม"

         ชื่นชมธรรมชาติได้ดีกว่าหรอ.. น่าสนใจ

         "ก็ดีครับ"

         มาร์คัสยื่นมือใหญ่ก่อนสัมผัสบนใบหน้าผมอย่างแผ่วเบา ลำตัวที่โน้มเข้าใกล้ กับใบหน้าที่กระชั้นชิดเข้ามาทำให้ผมได้กลิ่นน้ำหอม Guy laroche drakkar noir จางๆจากตัวเขา

         เขาจัดการเปิดระบบตอบสนองต่อสภาพอากาศของผม แต่สายตาผมกลับโฟกัสที่นัยน์ตาสองสีของเขา ก่อนความรู้สึกปั่นป่วนในท้องเล่นงานจนผมต้องเบนสายตาไปทางอื่น

         มาร์คัสมองผมอย่างเงียบงัน

        ระบบจัดการเสร็จเรียบร้อย แต่เขากลับยังไม่ถอนตัวออก นั่นทำให้ผมรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

         "ครับ? ยังเหลืออะไรอีกหรือเปล่าครับ" ผมเอ่ยถามออกไปโต้งๆ

         "จะโกหกว่ายังไม่เสร็จก็ไม่ได้" มาร์คัสหัวเราะ ก่อนจะถอนตัวออก

         ผมรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ถามแบบนั้นออกไป

         เสียดาย?

         "จะมีดาวตกตอนประมาณ...  4 ทุ่ม คาร์ลเคยบอกฉันว่า ถ้าอธิษฐานสิ่งที่ต้องการผ่านดาวตก สิ่งนั้นจะเป็นจริง.. เลยอยากพานายมาด้วย"

         "ความรู้ใหม่เลยนะครับนั่น.." ผมตื่นเต้นกับสิ่งใหม่

         "ตอนนี้ 2 ทุ่ม นายเข้าโหมดประหยัดพลังงานไปก่อนก็ได้ ถ้าถึงเวลาเเล้วฉันปลุกนายเอง"

         "ครับ"

         หลังจากที่เปิดระบบตอบสนองต่อสภาพอากาศ ร่างกายผมผิดแปลกไปจากปกติ นั่นคืออากาศที่เย็นลง และอุณหภูมิร่างกายของมาร์คัส

         นับว่า Cyberlife ออกแบบระบบผิวหนังของ Android ออกมาใกล้เคียงกับปกติจริงๆ

         รู้ตัวอีกทีผมก็เข้าสู่ระบบประหยัดพลังงานไป




         "คอนเนอร์.. คอนเนอร์"

         ร่างกายของผมถูกเขย่า

         ผมออกจากระบบประหยัดพลังงาน และพบว่าตัวผมพิงอยู่กับคนข้างๆ

         เดี๋ยว!!!

         "ข..ขอโทษครับ!" ผมเด้งตัวออกมา ก่อนบางอย่างจะร่วงลงพื้น

         เมื่อผมหันไปมองพบว่าเป็นเสื้อโค้ทสีดำคุ้นตา

         เพราะนั่นคือเสื้อโค้ทของมาร์คัส!
     
         "คุณ...คุณไม่หนาวหรอ" ผมรีบเก็บเสื้อโค้ทบนพื้นยื่นให้กับเจ้าตัว พร้อมกับใบหน้าที่ถ้ามีกระจกคงเห็นว่าผมเลิ่กลั่กขนาดไหน

         "ไม่ครับ..." มาร์คัสดันมือผม "นายอาจจะหนาว เลยห่มให้"

         มิน่า.. สบาย

         "อีก 4 นาที ดาวตกจะมาครับ รีบอธิษฐานเร็ว" มาร์คัสหัวเราะ

         "... ขอได้มากกว่า 1 ข้อหรือเปล่าครับ" ผมถามคำถาม

         ราวกับเด็กไร้เดียงสา

         "ได้สิ" มาร์คัสหัวเราะ

         ผมเตรียมตัว ประสานมือเข้าหากันเหมือนที่มาร์คัสทำ

         แสงดาวบนท้องฟ้าเคลื่อนที่

         ผมตื่นเต้นราวกับเด็กๆที่ฝึกอธิษฐานครั้งแรก..

         ซึ่งนั่นก็เป็นความจริง ... ผมเพิ่งถูกผลิตเมื่อไม่นานมานี้ และนี่คือคำอธิษฐานแรกของผม

         'ขอให้ผมไขคดีฆาตรกรรมต่อเนื่องได้เร็ววัน และขอให้ผมกับมาร์คัส...'

         "อ๊าก!!!!!!"

         ผมหลุดออกจากคำอธิษฐาน

         เสียงกรีดร้องของชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านล่าง แสดงให้เห็นว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีเป็นแน่

    :
    :
    :
    :
    :
    ... To be continued

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in