:: EP04 ::
“ Life is journey not destination ”
ชีวิต คือ การเดินทาง แต่ไม่ใช่ปลายทาง
เรายังคงชอบสำนวนท่อนนี้นะ
แม้การตีความหมาย จะครอบจักรวาล ไกลไปจนถึงดาวเนปจูน
.. หลายคนออกเดินทาง ไม่ต้องมีเหตุผลซับซ้อน
มีเพียงเหตุผลง่ายๆ ก็เพราะพวกเขาชอบเดินทาง..
ภายใต้คำว่า ‘การเดินทาง ’ ที่เราอาจพบคำตอบบางอย่าง
ที่เหนือความคาดหมาย
ไม่มีบทสรุปตายตัว ว่าทุกการเดินทาง
จะทำให้เราได้พบเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่
“ เพราะสุดท้ายแล้ว
ปลายทางของเป้าหมาย
อาจไม่ใช่คำตอบที่เราตามหา.. ”
สิ่งนี้ ที่บางคนเรียกว่า ‘ กำไรชีวิต ’
และเราก็เชื่อว่า ทุกคนได้พบคำตอบในรูปแบบของตัวเอง
: )
....
“ Life is journey not a destination ”
สำหรับเรานั้น..
มันหมายถึง การที่พระเจ้าได้สร้างมนุษย์หนึ่งคนมาจากดิน พระองค์ทรงให้
มันสมองที่พิเศษ เหนือกว่าสัตว์ใดๆบนโลก ก็เพื่อให้มนุษย์เลือกทางเดิน
ของตัวเองได้อิสระ มนุษย์มีสิทธิ์ตัดสินใจ สิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดี ...
ชีวิตบนโลก‘ดุนยา’ ก็เปรียบกับ การเดินทาง
ที่เราต้องเรียนรู้ แสวงหา และพบกับบททดสอบ อยู่เรื่อยๆ
..เราจึงควรย้ำเตือนใจตนเองเสมอ ว่าท้ายที่สุดแล้ว
‘ดุนยา’ หาใช่ปลายทางของชีวิตไม่...
Day3
ขอRIPตัวเองจริงจัง
วันที่เหี่ยวเฉาที่สุด แล้วต้องขุดพลังให้สดชื่นที่สุด
06.20 ออกมาปิ้งขนมปังทาแยมหน้าบ้าน
ระหว่างรอขึ้นรถคันแรก
ไม่นานนัก คุณป้าเดินมาบอกว่า คันแรกคงไม่มีแล้วละ
น่าจะต้องรอคันเจ็ดโมง
( T-T’ )
ล้องห้ายได้ไหม
ถ้าออกเจ็ดโมง ถึงทองผาภูมิ 9 โมง
ทุกนาทีตอนนี้สำหรับเรามันมีค่ามาก รอๆๆวนไป
เกือบเจ็ดโมง
คุณป้าเดินมาตาม เราเดินไปขึ้นรถสองแถวคันสีเหลือง
คนที่นี่เรียก รถเมล์ รถเวียนรับชาวบ้าน 3หมู่บ้านเต็มคัน
ผู้โดยสารประมาณ 16 - 17 คน เบียดกันได้ยังไงไม่รู้
ตอนนี้เราคือคนแปลกคนเดียว
คนอื่นๆ คือคนท้องถิ่น ทุกคนพูดภาษาที่เราฟังไม่ออก
มีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนแก่ ครบทุกเพศทุกวัย
บนรถคันนี้เราเห็นความหลากหลายทางชาติพันธุ์ของคนที่ปิล็อก
มันบ่งบอกได้ว่า ที่นี่เคยเจริญรุ่งเรือง เป็นแหล่งที่ใครๆ
ต่างเดินทางมาทำงานที่นี่
/
รถเลี้ยวลงเขาไปเรื่อยๆ
เวลาผ่านไป ช้า ช้า
เส้นทางที่คดเคี้ยว รถเลี้ยวไปมา บวกกับถนนที่ไม่ค่อยดีนัก
ให้ตายสิ โรบิ้น! ตอนนี้หน้าซีด พะอืดพะอม
อะไรในหัวผสมปนเปกันหมด เสียงพูดคุยที่จับความไม่ได้
ทั้งสารพัดกลิ่นมาเตะจมูกตอนนี้
จะไม่ไหวก็ไม่ได้ อดทนๆ ต้องไหวนะ
ฮึ่บๆ >,<'
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ~
ใกล้ถึงบ้านไร่แล้ว ใจโล่งขึ้นมาหน่อย
เหมือนชีวิตกำลังจะพบทางสว่าง 555
เกือบเก้าโมง รถจอดหน้ารพ. ชาวบ้านส่วนใหญ่ทยอยลง เรายังนั่งนิ่ง เพราะขามา เราเห็นคิวรถตู้หน้าตลาด ซึ่งก็ต้องนั่งต่อไปอีกระยะ พี่ท็อป
พี่ที่ขับรถ ก็ไม่เห็นบอกให้เราลง
เอาจริง ตอนนี้เรายังลังเล ว่าจะไปสังขละ
หรือต่อรถตู้เข้าเมืองกาญ แล้วกลับ กทม.
หันหน้าออกหน้าต่าง เห้ย นี่คิวรถตู้ไปสังขละ อยู่นี่
“ พี่ค่ะ ลงด้วยๆ ”
“ พี่ท็อป ไปสังขละ ขึ้นรถตรงนี้ใช่มั้ยคะ ขอบคุณมากนะคะ ”
ยกมือไหว้ อำลา แทนคำขอบคุณ ด้วยท่าทางเร่งรีบ
.....
“ ไปสังขละ รอเด๋วนะ เด่วรถมา คันนี้เต็มแล้ว ”
เราจะต้องรอรถตู้ ที่มาจากเมืองกาญ-ทองผาภูมิ-สังขละบุรี-ด่านเจดีย์
ซึ่งถ้าไม่มีผู้โดยสารลงระหว่างทาง เราก็ต้องรอคันต่อไป
หรือไม่ รถบางคันอาจไม่เข้าสังขละ แต่ไปด่านเจดีย์
เราก็ต้องรอรถคันต่อไปอีก
ส่วนรถตู้ไปเมืองกาญ ก็ขึ้นที่หน้า รพ. ได้เลย
ซื้อตั๋วก่อนจ๊ะ ค่ารถ 80฿
รอๆ 20 นาทีผ่านไป ~ เย้ รถมาแล้ว
9 . 2 0
รถออกจากอำเภอทองผาภูมิ เส้นทางคดเคี้ยว
แต่ถนนดี สองเลนบ้าง สี่เลนบ้าง สัญญาณดีแทคใช้ไม่ได้เลยจ้า
นั่งมานานพอสมควร หลับไปหลายตื่น รถยังคงเลี้ยวขึ้นเขา ลงเขา
/
10.50 ถึงสังขละบุรี รถตู้จอดให้ผู้โดยสารลง
เราเดินลงจากรถตู้ ยังไม่รู้จะต้องเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา
หรือเดินตรงไปทางไหน นี่ก็กะจะเนียนๆเดินไปพร้อมผู้โดยสาร
อีกสองคน แต่เค้าไม่สนใจเราอะจ๊ะ 555
โอเคจ๊ะ มั่นใจไว้ สะพายกระเป๋า
เดินไปไสยๆ กับใจหนึ่งดวง มองหาป้าย..
. . แล้วสะพานไม้ต้องต่อรถไปอีกไหมหว่า
แล้วจะไปไหนต่อหว่า แล้วจะยังไงดี
ถามเผื่อไว้ละ ว่ารถจากสังขละไปเมืองกาญ คันสุดท้ายสี่โมง
เหมือนตอนนี้ใจจะอยู่ที่บ้านละ
ในหัวนี่ก็ไม่ได้ทำการบ้านมาอีก ไม่มีแผนการล่วงหน้า
อยู่กับปัจจุบัน เดินหน้าอย่างเดียว
ทันใดนั้น ลุงวินขับผ่านพอดี โบกเลยจ้า ~
“ พี่ค่ะ ไปสะพานไม้กี่บาทค่ะ ”
“ 20บาทน้อง ” กระโดดขึ้นเลยจ้า แสดงว่าไม่ไกล
ฟิ้วววว ~ มอเตอร์ไซต์คุณลุงแล่นไป
ในใจก็กำลังนึกว่าจะต้องนอนค้างที่นี่ไหม
ถ้ากลับคันสุดท้าย 4โมง ถึงเมืองกาญ 2 ทุ่มแน่ๆ
แล้วจะมีรถกลับ กทม.อีกไหม
..มีแต่คำถามที่ไม่มีคำตอบ..
เอาเหอะ ค่อยว่ากัน
—
ถึงแล้วว สะพานไม้ มอญ แดดดีเลยจ้า ร้อนมาก 555
—
มีคุณลุงเดินเข้ามาโฆษณาชวนเชื่อ ให้นั่งเรือ
ล่องแม่น้ำแควน้อย ชมวัดกลางน้ำ
“ ลุงคิด200บาท เห็นหนูมาคนเดียว ”
คิดในใจ สองร้อยล่องเรือตอนเที่ยง แดดเปรี้ยง คุ้มไหม
จริงๆก็ไม่แพงละ แต่ร้อนไง 555
ลุงขา 150 ได้ไหม -0-“
งั้นขอนั่งพักดื่มน้ำก่อน
?
สั่งเสาวรสปั่น ชื่นใจ
เราว่า ตะกี้เรายังไม่ได้ตอบลุงว่า จะไปหรือไม่ไป
แค่บอกว่า จะไปนั่งดื่มน้ำก่อน
พอดื่มน้ำเสร็จ ลุงกวักมือเรียก อ่า มาๆๆ
เออ ไปก็ได้นะ ถ้าไม่นั่งเรือ แล้วจะไหนอีก
ซ้อมวิ่งเก็บระยะบนสะพานไปมาก็ไม่ใช่ละ -..-“
เราฝากกระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่ร้านขายน้ำ
แล้วลงเรือ พร้อมลูกชายวัย10ขวบ ของคุณลุง ที่จะเป็นไกด์อธิบายให้เรา
:: วัดสมเด็จ วังบาดาล ::
ขากลับ คุณลุงพาเราไปดูที่พัก เรากลัวจะเสียน้ำใจ
ไม่กล้าตอบว่า จะกลับเมืองกาญวันนี้เลย
คือเพิ่งมาถึงตะกี้เนี่ย ถือกระเป๋ามาซะใหญ่
เราให้คุณลุงส่งที่ฝั่งพม่า แล้วจะเดินเล่นบนสะพานตอนเที่ยงนี่แหละ
เดินข้ามสะพานไม้มาก็ไม่เหงา มีเพื่อนมาเดินคุยด้วย
ตั้งแต่หัวสะพานจนถึงฝั่งไทย
แถมช่วยถ่ายรูปให้ ไม่ได้ขอเรียกค่าเสียเวลาจากเราด้วย
ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายโมง
น้องผู้หญิงที่เราเพิ่งทักทายกัน ช่วงที่เราเดินถ่ายรูปเล่น
น้องเห็นเรานั่งรอวินมอไซต์อยู่ เลยชวนเรานั่งมอไซต์เข้าไปตลาดด้วยกัน
ขอบคุณนะคะ : )
/ /
เวลาอันยาวนานแห่งการนั่งรถมาอีกแล้ว
บ่ายโมงครึ่ง รถตู้ออกจากสังขละ ไปเมืองกาญ ค่ารถ 175 บาท
คิดว่ายังไงวันนี้ก็น่าจะทันกลับกทม. แม้เรายังไม่แน่ใจเรื่องเวลารถ
คันสุดท้ายไป กทม.จะมีถึงกี่โมง
บ่ายสาม ถึงทองผาภูมิ รถรับผู้โดยสารต่อ
ในใจตอนนั้นลุ้นตลอดทาง ว่าจะถึงเมืองกาญกี่โมง
ถ้าถึง 6 โมง เราจะมีรถกลับกทม.ไหม
มันไม่โอเค ถ้ามีเราต้องเดินหาที่พักในเมืองกาญ
แบบกระทันหันตอนนี้
____
เกือบห้าโมง ถึงเมืองกาญแล้ว เย้ๆ
รีบหาตั๋วต่อรถกลับกทม.ทันที
ไปถึงเมืองกาญ ไม่ต้องห่วงเรื่องรถเข้ากทม.เลยค่ะ
เพราะมีหลายคิวมากๆ รถบัสก็มี
17.10
รถออก จากเมืองกาญ เราเลือกคิวหมอชิต
19.00
ถึง กทม. เย้ !
สรุปเวลา วันนี้ใช้ชีวิตบนรถตั้งแต่เจ็ดโมง
เดินอยู่บนบกสองชั่วโมง นอกนั้นอยู่บนรถ
แบตน่าจะ error ตั้งแต่นั่งรถลงจากปิล็อกแล้วละ
เป็นอีกวันที่เหนื่อยจริงๆ
จบทริปแล้วจ้า
___________
ไม่ตั้งคำถาม ก็ไม่ได้คำตอบ
จบคาบวิชา สปช. สลน. แล้ว
จะเก็บเป็นความทรงจำไว้คิดถึง
: )
#
EP00 รีวิวการเดินทาง แนะนำที่พัก ค่าใช้จ่าย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in