เมื่อเสร็จสิ้นการชันสูตรศพของจิมมี่ ซัลลิแวน ข้าพเจ้าและจ่ามัสเกรฟออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปหาสารวัตรเจมส์ แบล็คเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการพบศพดังกล่าวและไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ ในขณะที่ นพ. เบนจามิน เวสต์ และ นพ. โทเบียส ฟอล์กเนอร์เขียนรายงานการชันสูตรอยู่ที่โรงพยาบาล โดยฝ่ายหลังนัดหมายให้ข้าพเจ้าไปรับประทานอาหารเย็นกับเขาที่บ้านที่ชานเซอรีเลน
ระหว่างตรวจสถานที่พบศพ ข้าพเจ้านึกชมสารวัตรแบล็คอยู่ในใจที่เขารักษาหลักฐานทั้งหมดในที่เกิดเหตุเอาไว้อย่างครบถ้วน เพราะนี่อาจเป็นเบาะแสสำคัญที่สามารถชี้ไปยังสถานที่ที่เขาพักหรืออาจถูกกักขังอยู่ได้ในภายภาคหน้า
แม้จะมีรายงานการตรวจสถานที่เกิดเหตุจากตำรวจท้องที่ ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าก็ใช้เวลาในการสำรวจห้องเช่าซอมซ่อ ที่เจ้าของซึ่งเป็นคู่สามีภริยาทำท่าเหมือนอยากตีอกชกหัวตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพราะเกรงจะขาดรายได้จากการปล่อยห้องให้คนเช่า แต่เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีสิ่งอื่นใดรอดพ้นสายตาหรือตกหล่นไปได้อีก ตรวจสถานที่จนพอใจแล้ว ข้าพเจ้าก็ทำให้เจ้าของห้องเช่าต้องผิดหวังไปพอดู เพราะข้าพเจ้าขอให้ปิดห้องเอาไว้อีกระยะหนึ่งจนกว่าจะมีคำสั่งจากสก็อตแลนด์ยาร์ดให้เข้าไปได้ แม้ว่าท้องฟ้ายังสว่างอยู่ แต่กว่าจะเสร็จกระบวนการทั้งหมดนี้ก็ล่วงเข้าเวลาย่ำค่ำ ข้าพเจ้าให้จ่ามัสเกรฟกลับไปพักผ่อน ส่วนตนเองซื้อหนังสือพิมพ์กรอบบ่าย และเรียกรถม้ากลับไปหา นพ. ฟอล์กเนอร์ที่โรงพยาบาล
เขายังคงรอข้าพเจ้าอยู่ในห้องทำงานด้านข้างห้องเก็บศพ เมื่อเห็นข้าพเจ้าเข้ามาพบและขอโทษที่ทำให้เขาต้องรอ เขาเพียงแต่เอ่ยว่าไม่ได้รอนานอะไร เพราะเขาเองก็กำลังทบทวนความถูกต้องของรายงานการชันสูตรศพอยู่จนลืมเวลาเช่นกัน
แม้จะยิ้มให้ ทำเหมือนทุกอย่างเป็นปกติ แต่ข้าพเจ้าทราบดีว่า วันนี้เป็นวันที่หนักหน่วงที่สุดของเขาวันหนึ่ง ด้วยหลังจากขึ้นรถม้าโกรวเลอร์ที่เรียกมาจากหน้าโรงพยาบาลรอยัลฮอสพิทัลที่ไวท์ชาเพลไปยังที่พักของเขาที่ชานเซอรีเลนแล้ว สหายหนุ่มของข้าพเจ้าก็แทบจะไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาเลย
การออกรับหน้ากับเรื่องที่ใครต่อใครลำบากใจจะพูดเป็นหน้าที่ของเขาเสมอมา เพราะท่าทีที่เยือกเย็นจนเหมือนเฉยชา ทำให้ใครหลายคนเชื่อว่า เขาจะบอกเล่าเรื่องราวเหล่านั้นได้โดยไม่รู้สึกอะไร ทั้งที่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นเลย มิฉะนั้น เขาคงไม่ใช้เวลากับลิซซี่ ซัลลิแวนมากเท่าที่เป็นอยู่ เพื่อให้เธอปรับตัวปรับใจและฉุกใจคิดว่า คนที่อยู่ภายในห้องเก็บศพอาจเป็นคนใกล้ชิดของเธอเอง และตลอดเวลาที่เด็กสาวอยู่ในห้องนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่า เขาไม่ละสายตาไปจากเธอเลยแม้แต่นิดเดียว
บุคคลอีกผู้หนึ่งที่ข้าพเจ้าจะละเว้นไม่กล่าวถึงเสียคงไม่ได้ คือ แอนน์ ฮิกกิ้นส์ ข้าพเจ้ายอมรับว่า หล่อนเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวสารพัดอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้สามารถดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะลำพังแต่ตัวข้าพเจ้าและจ่ามัสเกรฟคงไม่อาจรับมือกับเด็กหญิงที่ต้องผจญกับชะตาชีวิตที่ยากเข็ญ ไปพร้อมกันกับทำงานตามหน้าที่ไปพร้อมกันได้ การตัดสินใจของหล่อนเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าผู้ชายซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของครอบครัวซัลลิแวนอย่างแอนโธนี เกรเซียนเสียอีก
จริงอยู่ ความเป็นอยู่ของลิซซี่ ซัลลิแวนไม่เกี่ยวข้องกับการทำคดีการหายตัวและการพบศพของจิมมี่ ซัลลิแวน พยานสำคัญปากหนึ่งในคดีอันอื้อฉาวที่ถนนคลีฟแลนด์ แต่ข้าพเจ้าจะนิ่งดูดายอย่างไรได้ เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่า เกิดอะไรขึ้น และตระหนักดีว่า สหายหนุ่มของข้าพเจ้าปรารถนาเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเหลือเธอกับน้อง ๆ ที่ยังเด็กอยู่มากให้พอยืนหยัดอยู่ได้ ในช่วงเวลาที่เสาหลักอย่างมารดาของเธอล้มเจ็บ และพี่ชายของเธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
ข้าพเจ้าไม่ทราบว่า นพ. ฟอล์กเนอร์ และ แอนน์ ฮิกกิ้นส์ รู้จักกันตั้งแต่เมื่อใดและอย่างไร แต่การที่เขาขอความช่วยเหลือจากหล่อน และความใส่ใจของหล่อนในกิจการงานที่ได้รับการไหว้วานจากเขา แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองสนิทสนมกันไม่น้อย
ภาพของหญิงสาวผู้งดงามและมั่นใจในตนเองยามปรากฏตัวบนเวที โดยไม่เกี่ยงงอนที่จะรับบทเป็นหญิงสาวที่ไม่ใช่กุลสตรี และบางทีก็เป็นบทร้ายที่น้อยคนอยากสวมบทบาท ช่างตรงข้ามกับหญิงสาวผู้ใจดีและนุ่มนวลที่อุ้มทารกน้อย โยกตัวไปมาเพื่อกล่อมเขาให้สงบ ไม่งอแง ไม่ใช่ภาพที่คนในแวดวงสังคมของลอนดอนเคยพบเห็นอย่างแน่นอน
ในเวลานั้นเองที่ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ศัลยแพทย์หนุ่มและนักแสดงสาวมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันอย่างประหลาด ไม่ว่าหล่อนและเขาจะมีความสัมพันธ์กันในสถานะใด ข้าพเจ้ายอมรับว่า ข้าพเจ้าประทับใจในตัวหล่อนตั้งแต่แรกพบ และยินดียิ่งหากคนทั้งสองจะมีไมตรีต่อกัน
ณ เวลานี้ เรื่องสำคัญที่สุดของข้าพเจ้า ในฐานะสารวัตรสืบสวนสอบสวนของสก็อตแลนด์ยาร์ด คือ คดีของจิมมี่ ซัลลิแวน พยานในคดีสถานค้าประเวณีชายที่ถนนคลีฟแลนด์ ซึ่งดูจะมีเงื่อนงำมากกว่าที่เคยคิด
จากข้อมูลที่สารวัตรแบล็คแห่งสถานีตำรวจไวท์ชาเพลแจ้งแก่ข้าพเจ้า ร่างของเขาถูกพบในช่วงเช้ามืดของวันนี้ ในห้องเช่าเล็ก ๆ และซอมซ่อแห่งหนึ่งบนถนนดีนสตรีท คนที่แจ้งแก่พลตระเวนว่าพบศพ เป็นตาแก่ขี้เมาคนหนึ่ง ซึ่งเดินสะเปะสะปะมาตามทาง แล้วเซไปชนใส่หน้าต่างห้องนั้นพอดี และด้วยแสงตะเกียงที่สลัวรางจวนมอดดับ ทำให้เห็นว่ามีคนแขวนคออยู่ในห้อง จึงร้องโวยวายออกมาจนคนที่อยู่ในละแวกนั้นแตกตื่น พากันมาดู และเรียกพลตระเวนให้มาดำเนินการต่อไป
ถ้าหากเขามิใช่พยานปากสำคัญรายหนึ่งของคดีที่ครึกโครมที่สุดในเวลานี้ ชายหนุ่มผู้นี้อาจตายเปล่าโดยไม่มีใครเหลียวแล และอาจไม่มาถึงมือศัลยแพทย์ตำรวจ แต่การเป็นพยานปากสำคัญ ก็อาจไม่มีความหมายอะไรเท่าใดนัก เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาก็อาจมีปลายทางเช่นเดียวกับคนยากจนทั่วไปในอีสต์เอนด์ ที่ถูกฝังในสุสานสำหรับคนยากไร้ รวมไปกับศพอนาถารายอื่น ๆ ในหลุมเดียว โดยไม่มีแม้แต่ป้ายสลักชื่อ เพียงเพราะไม่มีเงินจ่ายเป็นค่าธรรมเนียมให้กับที่ว่าการเมือง หากไม่มีใครช่วยเหลือครอบครัวของเขาด้านการเงิน หรือการจัดพิธีศพให้ถูกต้องตามแบบแผน
แม้จะมีความเป็นไปได้ที่ชายหนุ่มจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาสารพัดที่รุมเร้า แต่ก็มีอะไรอีกหลายอย่างที่ทำให้ยังทิ้งประเด็นอื่นอย่างการฆาตกรรมไปไม่ได้
นพ. เบนจามิน เวสต์ ศัลยแพทย์ตำรวจอาวุโส ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของ นพ. ฟอล์กเนอร์ และเป็นแพทย์ที่ออกไปตรวจศพในที่เกิดเหตุบอกกับจ่ามัสเกรฟและข้าพเจ้าว่า จิมมี่ ซัลลิแวนเสียชีวิตมาแล้วประมาณสิบสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย นั่นเป็นเรื่องที่น่าคิดอยู่ไม่น้อยว่า ก่อนหน้านั้น เขาไปอยู่ที่ไหน และได้พบกับใครหรือไม่ ก่อนที่จะถูกพบเป็นศพอยู่ที่นั่น
นั่นเป็นเพียงข้อสงสัยประการหนึ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้น เพราะในการชันสูตรศพของเขา มีข้อค้นพบที่เป็นปริศนายิ่งกว่า
หากไม่นับรอยแผลถลอกจากเชือกที่รัดคอของเขาอยู่ บนร่างกายเปลือยเปล่า ขาวสะอาด และบอบบางของชายหนุ่มมีรอยช้ำ รอยถลอก และรอยแผลถูกขบกัดกระจายอยู่ทั่วร่าง โดยเฉพาะช่วงลำคอ หน้าอก หน้าท้อง ต้นขาด้านใน รวมถึงที่ต้นคอด้านหลัง และหัวไหล่
ใครเป็นคนอุทานออกมาว่า “คุณพระช่วย” เมื่อเห็นร่องรอยเหล่านั้น ข้าพเจ้าก็ลืมไปเสียแล้ว แต่คำอุทานดังกล่าวก็สามารถใช้แทนอารมณ์ของคนในห้องชันสูตรได้อย่างครบถ้วน
เราต่างรู้ว่า จิมมี่ ซัลลิแวน หารายได้พิเศษจากการขายร่างกายให้กับสุภาพบุรุษที่มาใช้บริการ โดยมีแฮมมอนด์และนิวเลิฟเป็นนายหน้า แต่ไม่มีใครจินตนาการหรือคาดเห็นมาก่อนว่า เขาจะต้องพบกับเจอกับใครและสิ่งใดบ้าง หากโชคดี เขาอาจพบเจอกับบุคคลที่ปฏิบัติต่อเขาอย่างดี แต่หากโชคร้าย เขาอาจพบกับสถานการณ์ที่คนในสถานะเช่นเขาต้องตกเป็นเบี้ยล่างอย่างไม่มีทางเลือกและไม่มีทางสู้
รอยขบกัดบนผิวเนื้อของเขา ไม่ว่าจะที่หน้าอก หลังคอ และไหล่ด้านหลัง ดูจะเป็นรอยที่ใหม่ที่สุด และแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงที่เขาถูกกระทำจากอีกฝ่ายหนึ่งอย่างชัดแจ้ง นอกจากร่องรอยเหล่านั้นแล้ว บนแขนและหน้าขาของเขายังมีรอยถลอกและรอยช้ำคล้ายกระแทกกับของแข็งไม่มีคมอีกจำนวนหนึ่ง โดยบาดแผลและรอยช้ำทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนแต่อยู่ในร่มผ้าทั้งสิ้น
ภายในห้องเช่าที่พบศพ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ เตียงนอนที่อยู่ภายในห้องอยู่ในสภาพเรียบร้อย สิ่งเดียวที่บอกว่า ห้องดังกล่าวมีอาชญากรรมบางอย่างเกิดขึ้น คือ เก้าอี้ที่ล้มอยู่กับพื้น ทุกอย่างดูสงบเกินไปเสียจนเป็นพิรุธ แต่ในเวลานั้น ข้าพเจ้าบอกไม่ได้ว่า มีสิ่งใดที่ทำให้ห้องนี้มีความผิดปกติบางอย่าง จนกระทั่งในเวลานี้ ที่ผลการชันสูตรศพภายนอกของชายหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายชี้ว่า อาจมีการต่อสู้เกิดขึ้น และเขาอาจถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งขัดกับสภาพภายในห้องโดยสิ้นเชิง แต่ข้าพเจ้ายังไม่อาจสรุปได้ว่า คนที่ทำให้เกิดร่องรอยเหล่านั้นบนร่างกายของเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับความตายของเขาหรือไม่
ระหว่างการตรวจร่างกายภายนอกของจิมมี่ ซัลลิแวน ข้าพเจ้าสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่หลากหลายจากศัลยแพทย์ตำรวจและเจ้าหน้าที่ห้องเก็บศพ เช่นเดียวกับจ่ามัสเกรฟที่แม้จะทำหน้าที่จดบันทึกตามปกติ แต่ใบหน้าของเขาแดงก่ำสลับซีดขาวด้วยความรู้สึกหลากใจและอิหลักอิเหลื่อกับข้อมูลที่ได้จากการชันสูตร
ประสบการณ์ที่ชายหนุ่มผู้นี้ต้องพบเจอที่ถนนคลีฟแลนด์ก่อนที่จะมาพบจุดจบดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่นอกเหนือไปจากจินตนาการหรือความรับรู้ของเราไปมาก
เวลาที่ใช้ไปในการชันสูตรศพจะเนิ่นนานกว่าปกติ แต่ นพ. ฟอล์กเนอร์ดูจะลืมอาการเจ็บปวดจากการยืนผ่าตัดคนไข้อย่างยาวนานติดต่อกันไปจนหมดสิ้น เขาจดจ่ออยู่กับการตรวจศพของชายหนุ่มตรงหน้าและบอกให้เจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลอย่างละเอียด และดูจะเป็นคนเดียวที่ยังคงสีหน้าเรียบเฉยเอาไว้ได้ตลอดเวลา
ในการตรวจศพ เขาจับมือแข็งทื่อของผู้ตายขึ้นมาพินิจพิจารณาอยู่พักใหญ่ ก่อนจะเรียกเอาแผ่นกระจกจากวิลคินสัน และใช้ปลายเข็มเขี่ยเศษหนังออกจากเล็บไปใส่ไว้ที่นั่น และจดบันทึกสิ่งที่พบเอาไว้ เพื่อที่จะตรวจดูในภายหลัง แต่เท่าที่ข้าพเจ้าสังเกตด้วยตาเปล่า บนร่างกายของพนักงานส่งโทรเลขผู้นี้ ไม่มีรอยแผลเหมือนถูกเล็บข่วน จึงเป็นไปได้อย่างมากว่า สิ่งที่เจ้าของเศษหนังในเล็บของเขาจะมีบาดแผลอยู่บนร่างกายด้วย
“บอกได้แค่ว่า เป็นผิวหนังของมนุษย์หรือไม่เท่านั้น น่าเสียดายที่เรายังไม่สามารถตรวจเศษผิวหนังเพื่อที่จะระบุตัวเจ้าของของมันได้” นพ. ฟอล์กเนอร์เอ่ยกับข้าพเจ้า เมื่อเห็นว่าข้าพเจ้ากำลังจ้องมองการกระทำของเขาอย่างสนใจ “หากทำเช่นนั้นได้ การสืบสวนสอบสวนน่าจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากทีเดียว”
“คราบนี่ก็เช่นกัน” เขากล่าว น้ำเสียงเจืออารมณ์หงุดหงิดและขัดข้องใจกับการที่พบเจอร่องรอยและหลักฐานมากมายจากศพ แต่กลับหาทางพิสูจน์ในทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ให้เป็นประโยชน์แก่คดีไม่ได้ ขณะใช้แว่นขยายช่วยส่องดูคราบที่แห้งติดอยู่บนต้นขาด้านในทั้งสองข้างของชายหนุ่ม “จากลักษณะ สี และกลิ่นบอกได้แค่ว่า นี่เป็นคราบอสุจิ แต่ไม่มีทางบอกได้เลยว่า หลั่งมาจากตัวเขาเองหรือคนอื่น…”
“แต่อย่างน้อยที่สุด มันก็บอกให้รู้ว่า มีคนอยู่กับจิมมี่ ซัลลิแวน และอาจร่วมประเวณีกับเขาก่อนที่เขาจะตายไม่ใช่หรือ คุณหมอ” ข้าพเจ้าว่า
“เป็นไปได้ครับ สารวัตร” หัวคิ้วสองข้างของเขาขมวดมุ่นเข้าหากัน
ศัลยแพทย์หนุ่มเม้มปากแน่นกับสิ่งที่ค้นพบในเวลาต่อมา เพราะคำตอบของรอยเลือดบนกางเกงที่เขาถอดออกจากตัวของชายหนุ่มอยู่ที่ด้านหลังของศพเปลือยเปล่าของจิมมี่ ซัลลิแวน รอยเลือดที่เปรอะเปื้อนบนกางเกงชั้นในนั้นเป็นเลือดที่มาจากการฉีกขาดของทวารหนัก และร่องรอยนั้นบ่งบอกถึงสิ่งที่เขาถูกกระทำก่อนตายได้เป็นอย่างดี
เมื่อสำรวจร่างกายของผู้ตายถี่ถ้วนดีแล้ว นพ. ฟอล์กเนอร์ก็ลงมีดโดยเริ่มจากกรีดจากใต้คาง ซึ่งข้าพเจ้าจดจำได้ดีจากคดีแรกที่ทำร่วมกับเขาว่า เขาต้องการสำรวจหาร่องรอยการบาดเจ็บภายในของลำคอ และสิ่งที่เผยออกมาก็ทำให้ปริศนาข้อที่ว่าเขาฆ่าตัวตายหรือไม่เริ่มมีคำตอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
รอยช้ำในแนวขนานที่ปรากฏบนกล้ามเนื้อด้านในลำคอของจิมมี่ ซัลลิแวนไม่ตรงกับแนวเชือกที่รัดคอของเขาแขวนกับขื่อกลางห้อง ซึ่งคล้องรัดจากใต้คางเฉียงขึ้นไปด้านบน โดยปมเชือกกดแนบอยู่ด้านหลังกกหู และพบว่ากระดูกกล่องเสียงหัก
จากผลการชันสูตรเบื้องต้น เรามีปริศนาที่จะต้องไขให้กระจ่างอีกไม่น้อยทีเดียว และข้อสงสัยหลายประการที่พบระหว่างการชันสูตรศพของชายหนุ่มเป็นเหตุผลข้อหนึ่งในการที่เราต้องนัดพบเพื่อพูดคุยกันเพิ่มเติม โดย นพ. โทเบียส ฟอล์กเนอร์เป็นผู้เสนอให้ใช้บ้านของเขาเป็นที่สนทนาเช่นเดียวกับทุกครั้ง หากในเวลานี้ อาการของเขาทำให้ข้าพเจ้านึกห่วง ด้วยสังเกตเห็นเขาเริ่มทิ้งน้ำหนักลงที่ขาขวาและไม้เท้ามากกว่าปกติในขณะเดินออกมารอรถม้า
“คุณหมอยังเจ็บเข่าอยู่อีกไหม” ข้าพเจ้าเอ่ย “การพูดคุยกันเรื่องคดีและรับประทานอาหารค่ำจะเว้นไปก่อนก็ได้”
เขายิ้มน้อย ๆ กับคำถามของข้าพเจ้า “หากสารวัตรจะสละเวลาเพื่ออยู่ดูว่า คนเจ็บรับประทานอาหารได้หรือไม่ จะเป็นความกรุณาอย่างยิ่งครับ”
คำตอบของเขาทำให้ข้าพเจ้าเลิกคิ้ว และย้อนถามเขาขัน ๆ “พูดอย่างนี้ได้ แสดงว่าไม่เจ็บแล้วกระมัง”
เขาส่ายหน้าแทนคำตอบว่าไม่เป็นไรแล้ว ก่อนที่รอยยิ้มจะค่อยจางหายไปจากริมฝีปาก “ตอนนี้ อาการเจ็บเข่าไม่รบกวนผมเท่ากับเรื่องการเขียนรายงานการชันสูตรศพของจิมมี่ ซัลลิแวน”
ศัลยแพทย์หนุ่มยอมรับอย่างตรงไปตรงมา และหันมามองยังข้าพเจ้าด้วยท่าทีที่จริงจังมากขึ้น หากแต่เต็มไปด้วยความหนักใจในเวลาเดียวกัน ใต้เบื้องหน้าที่ดูเรียบนิ่งนั้น ข้าพเจ้าอดรู้สึกไม่ได้ว่า มีความขุ่นมัวและความหวาดหวั่นลึก ๆ บางประการอยู่ในแววตาของเขา
“ผมไม่เคยตรวจศพของผู้ชายที่ถูกกระทำทางเพศแบบนี้มาก่อน... ถึงแม้ว่า...”
เขากล่าวเพียงเท่านั้นแล้วก็ส่ายหน้า แม้จะหยุดพูด แต่ข้าพเจ้ากลับรู้สึกว่ามีบางอย่างที่เขาอยากเอ่ยออกมา ทว่ายังไม่แน่ใจว่าสมควรพูดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาไม่อยากกล่าวในเวลานั้น ข้าพเจ้าก็ไม่คิดจะบังคับใจ
“เข้าบ้านเถอะ คุณหมอ” ข้าพเจ้าจับต้นแขนของเขา ประคองให้เข้าไปภายในบ้าน “สีหน้าคุณไม่ดีสักเท่าไหร่ เข้าบ้านไปแล้วจะได้นั่งพักให้หายเหนื่อย”
To be continued...
-----------------------------------------------
เสียดายตามคุณหมอเลยค่ะเรื่องเทคโนโลยีพิสูจน์หลักฐาน คุณหมอจะมีโอกาสรู้ไหมนะว่าในอีกหลายปีผ่านมาวิทยาศาสตร์ได้ช่วยทำในสิ่งที่คุณหมอต้องการแล้ว
ขอบคุณนะคะ
แอบสารภาพว่าพออ่านเรื่องนี้ของคุณแล้วเราก็กลับไปดูดิเอเลี่ยนนิสในเนตฟลิกที่ค้างไว้นานแล้วต่อได้จนจบเลยค่ะ 5555 ดูแล้วอินทั้งเรื่องนี้อินทั้งเรื่องนั้น แงงง สนุกมากๆๆๆๆ ทั้งคู่เลย
แง ดีใจที่เรื่องนี้ทำให้ดูดิเอเลียนนิสต์ได้จนจบค่ะ บรรยากาศยุคนั้นลึกลับน่าค้นหาจริงๆ
เรื่องนี้ยังมีอะไรที่รอการเฉลย ไว้ติดตามกันต่อนะคะ