เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
/ อ่านวรรณกรรมผ่านสายตาหลังกรอบแว่น /one8octobear
(non-fiction) รถไฟคันนั้นมีหวูดเป็นเสียงคลื่น | บทที่ 4 โลกในกรอบหน้าต่าง
  • วิชาสารคดี (non-fiction) ครูกิ๊บ ปีสอง เทอมหนึ่ง 

    โจทย์: งานสารคดีที่เขียนขึ้นจากประสบการณ์ของเรา :-)







    โลกในกรอบหน้าต่าง






    รถไฟที่พุ่งทะยานไปข้างหน้าทำให้หัวใจฉันพองโต บางครั้งก็รู้สึกเหมือนว่าตัวของฉันกำลังจะลอยขึ้นไปตามแรงลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง ครึ่งชั่วโมงแรกอย่างนั่งอย่างเรียบร้อยในที่ของตัวเอง แต่ครึ่งชั่วโมงถัดมาก็เริ่มทนไม่ไหวต้องขยับตัวยุกยิกทุกสิบนาที และเมื่อเห็นว่าแม่ไม่ว่าอะไรก็ลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งไปตามทางเดินด้วยห่วงยางที่เอวพร้อมกับน้องชายวัยสามขวบที่เดินเซ ๆ ตามมา


    ฉันกางมือปล่อยให้ลมพัดผ่านตัวเหมือนคลื่นที่ซัดเข้าใส่


    น้องชายเดินมาเกาะห่วงยางที่ฉันสวมอยู่ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุขแม้ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่สาวกำลังเล่นอะไรกันแน่


    ไม่นานแม่ก็จูงมือพวกเราให้กลับไปนั่งที่เดิมเพราะกลัวว่าจะเป็นการรบกวนผู้โดยสารคนอื่น ฉันที่เริ่มเหนื่อยรับก๋วยเตี๋ยวแห้งที่แม่ซื้อมาตั้งแต่สถานีหัวลำโพงมาวางไว้บนตัก สูดกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของมันแล้วใช้ตะเกียบจิ้มลูกชิ้นลูกโตเข้าปากอย่างมีความสุข อาหารในห่อกระดาษถูกลิ้มลองไปสองสามคำก็ถูกส่งกลับไปให้แม่ตามเดิม


    ฉันหันมาเลียนแบบพี่สาวที่เท้าแขนกับกรอบหน้าต่างแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ทุ่งนาที่ไม่คุ้นตาปรากฏให้เราเห็นเป็นช่วง ๆ สลับกับป่าไม้ บ้านเรือน และผู้คน โชคดีที่วันนั้นไม่มีแดดแรงทำให้พวกเรามองโลกผ่านกรอบหน้าต่างได้อย่างไม่รู้เบื่อ ทุ่งสีเขียวที่ไกลสุดลูกหูลูกตาตัดสลับกับท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มและเมฆขาวที่ล่องลอยเปลี่ยนรูปร่างเป็นสิ่งต่าง ๆ ให้พวกเราได้ทายเล่น


    วิวทิวทัศน์ที่ไม่มีวันได้เห็นในเมืองทำให้ฉันไม่อาจละสายตาไปจากโลกในกรอบหน้าต่างนี้ได้


    พี่สาวและพี่ชายผลัดกันชี้ชวนให้ฉันมองสิ่งนู้นสิ่งนี้ไปเรื่อย ๆ แต่เมื่อหันกลับไปมองน้องชาย เขาก็หลับคอพับไปในอ้อมแขนของแม่เสียแล้ว ฉันที่โดนลมตีพัดผมจนยุ่งเหยิงจึงหันมาเอนหัวพิงกับไหล่ของแม่แล้วนอนพักเอาแรงอย่างน้องบ้าง


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in