







แม้ที่โตเกียวซากุระจะร่วงโรยไปบ้าง แต่ที่นี่กำลังบานสะพรั่งตื่นตาตื่นใจมาก เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มีทางเดินสำหรับเส้นทางจักรยาน และสำหรับคนที่ต้องการเดินชมต้นซากุระ เรื่องความสะอาดไม่ต้องพูดถึงสำหรับประเทศนี้ พื้นถนนมีความเรียบ ไม่ต้องกลัวว่าเดินๆอยู่จะสะดุดอิฐที่ใช้ปูพื้นเลย(แซะ55)

มาถึงจุดที่เห็นภูเขาไฟฟูจิประมาณบ่าย 3 ตอนที่เห็นคือตื่นเต้นมาก แม้ว่ายังไม่เห็นเต็มทั้งภูเขา เพราะมีเมฆบังอยู่ เห็นแค่นี้เราก็ใจสั่นแล้ว สิ่งที่ธรรมชาติมอบให้มันยิ่งใหญ่มาก ภูเขาไฟฟูจิมีอัตราส่วนที่สวยงาม สมมาตร รับรู้ถึงพลังเลย เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้เป็นมรดกโลกด้านวัฒนธรรม ขนาดเราไม่ใช่คนญี่ปุ่น มาเห็นยังอิน รู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นแรงบันดาลใจหลายๆอย่าง ให้คนในประเทศนำไปสานต่อ เหมือนสิ่งนี้มอบพลัง เป็นแรงขับเคลื่อนให้กับคนที่นี่ ฟังดูเหมือนเวอร์จัง แต่ตอนที่เห็นรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ 

นั่งรอจนถึง5โมง เมฆค่อยๆเคลื่อนออก คราวนี้แหละขนลุกของจริงเหมือนได้เติมพลังเลยตอนนี้ ได้แต่นั่งนิ่งๆ พยายามเก็บความรู้สึกดีๆนี้เอาไว้เติมพลังเวลาเราเหนื่อย รู้สึกคิดถูกมากที่มา หลงรักภูเขาไฟฟูจิ ชอบจนอยากจะมาซ้ำ ทั้งอากาศ อาหาร ธรรมชาติ และผู้คน ทุกอย่างดูน่ารัก และลงตัวไปหมดเลย รีวิวที่พักเล็กน้อย เพราะค่อนข้างงงๆ แปลกๆ แต่ประทับใจ55


ที่พักที่Kawaguchikoจองก่อนเดินทางประมาณ4เดือนก็ว่าเร็วแล้ว ปรากฎว่าช่วงที่จะไปพักเหลือแต่ที่ราคาแพง แล้วก็ห้องน้ำรวม เลยมาได้ที่นี่ Hotel & Restaurant Yesterday เป็นบ้าน2ชั้น รีวิวก็มีน้อย 5 รีวิวถ้วนในเว็บbooking แถมไกลจากสถานี รถเมล์ที่ผ่านก็ไม่ใช่สายที่วิ่งรอบคาวา แต่เป็นสายที่จะไปทะเลสาปSaiko สตรีทวิวเล็กน้อย เอาวะ อย่างน้อยก็ติดถนนใหญ่ ติดทะเลสาป(แต่ไม่เห็นฟูจิ) พอไปถึง...



ก็เข้าไปcheck-in เอ๊! ทำไมมีแค่รองเท้าเรา เพราะก่อนมาเดือนนึงเข้าไปเช็คในเว็บ บอกช่วงที่มาโรงแรมเต็ม เลยได้แต่คิดว่า โอเค เค้าคงยังไม่มากัน(จนออกจากโรงแรมก็ยังไม่เห็นคนอื่นเลย แล้วทำไมพี่เขียนโรงแรมเต็มคะ) พอถึงเคาท์เตอร์ก็มีพนักงานมาต้อนรับ ไม่มีคอม มีเครื่องถ่ายเอกสารเก่าๆอันนึง พร้อมเอากระดาษตีเป็นตารางมาจดๆ แมนนวลมากๆ


บรรยากาศในโรงแรมก็ตกแต่งสวยงาม สบายๆ อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน
ในรีวิวบอกว่าที่นี่เป็นร้านอาคาร(แต่ติดป้ายClose!) มื้อเย็นเลยสั่งอาหารกับโรงแรม เพราะไปถึงก็เย็นแล้ว และพนักงานต้อนรับบอกเซเว่นต้องเดินไป15นาที(ถ้าคนญี่ปุ่นบอกก็บวกเวลาไปครึ่งนึงเลยค่ะ) และต้องเดินผ่านสุสาน(อันนี้ลองดูทางเองในmap) ระหว่างรอให้มืด เลยตัดสินใจไปเดินเล่นตรงสนามหญ้าหน้าทะเลสาปแทน อากาศดีสุดๆไปเลย มีคนเอาน้องหมามาวิ่งเล่น แล้วก็มีคนมาปิกนิกกันด้วย แถวนี้ดูนักท่องเที่ยวไม่เยอะ คนที่เดินผ่านไปมาน่าจะคนในท้องถิ่นซะมากกว่า



ไปนอนกลิ้งกับสนามหญ้าหน้าทะเลสาปเสร็จก็กลับมากินข้าว คือทั้งโรงแรมมีแค่2คนจริงๆอ่อเนี๊ยะ
ความพีค คือพี่พนักงานต้อนรับตะกี้ ไปเปลี่ยนมาเป็นชุดเชฟแบบเต็มยศมาทำอาหารฝรั่งหน้าตาระดับภัตตาคารให้กิน.....คือคุณรุจ สวัสดีทวีสุข ที่แท้จริง ทำทุกอย่างคนเดียว พอเปลี่ยนหน้าที่ก็เปลี่ยนชุดทีนึง ประทับใจ
มื้อเช้าก็เป็นชุดอาหารเช้าปกติ ขนมปังดีเวอร์ ไม่รู้คุณรุจตีแป้ง อบเองเลยรึป่าว เพราะหน้าโรงแรมมีเตาผิงอันใหญ่ ไว้สำหรับอบขนมปัง เช่นเดิมคือคุณรุจได้เปลี่ยนเป็นชุดเชฟเพื่อทำอาหารเช้าให้เราทาน โอยยย ชอบมาก




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in