กลางดึกสงัด ในห้วงเวลาที่คนทั้งในและนอกบ้านต่างตกอยู่ในความฝัน บางครั้งเราออกมาจากห้องนอน เดินฝ่ากลางความมืดและความเงียบ เราเลือกเปิดไฟดวงที่เล็กที่สุดเพื่อรีบทำสิ่งที่ฉุดเราออกจากเตียง อาจเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ เปิดตู้ควานหาขนมแก้หิว หรือแค่อาจลืมของเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง
ในวินาทีที่แสงจางๆ ทอดออกมาเราจะสัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าภายในบ้าน เราพบตัวเองยืนอยู่เพียงลำพังท่ามกลางข้าวของมากมาย ข้าวของที่ต่างสงบนิ่งอยู่ในที่ของมัน
ในห้วงเวลาแห่งความเงียบ เราจะกวาดสายตามองพวกมันด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไป มันเป็นความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นภายในบ้านของเราเอง เรามองเงาของเราในกระจกหน้าต่าง มองกรอบรูป เสียงลานของนาฬิกาดังชัดขึ้นในเวลาดึกสงัดแบบนี้
รอบตัวเราขณะนี้คือสิ่งของที่หยิบใช้อยู่ทุกวัน แต่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเราอย่างจริงจัง
‘สิ่งของ’ ที่ดูจะเป็นเพียงแค่สิ่งของ แน่นิ่งอยู่ตรงนั้นและเราต่างเป็น ‘เจ้า/ของ’ เป็นเจ้านายและเป็นเจ้าของพวกมัน
สิ่งของทั้งหลายรอบตัว สำหรับเราแล้วมันเป็นเพียงวัตถุที่ไม่มีความรู้สึกรู้สาอะไร
ก็แหง พวกมันเป็นแค่วัตถุสิ่งของ ในภาษาอังกฤษถึงได้เรียกมันว่า Object เป็นเพียงวัตถุ เป็นเพียงกรรมของประโยคที่ไม่มีชีวิต เป็นวัตถุที่อยู่นิ่งๆ เฉยๆ รอให้มนุษย์อย่างเรา (ที่ีมีหน้าที่เป็นประธาน—Subject—ของประโยค) เป็นผู้ทำโน่นทำนี่กับมัน เป็นผู้สร้างมันซื้อมัน ใช้มัน เก็บรักษามัน และครอบครองมัน
แต่เมื่อเรามองมันอย่างรอบด้าน เราจะพบว่า สิ่งของมากมายที่เราคิดว่ารู้จักและใช้มันจนถนัดมือพวกนี้ ล้วนเก็บงำความหมายอะไรบางอย่างเอาไว้ พวกมันต่างมีเรื่องราวของมันเอง พวกมันถูกบรรจุไว้ด้วย ‘ความหมาย’ ต่างๆ ความหมายที่ไม่ปรากฏบนฉลากหรือข้อบ่งใช้บนตัวมัน
แต่เป็นความหมายที่เราต่างรับรู้เข้าใจตรงกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in