ผมเป็นคนชอบตั้งคำถามโดยไม่รู้ตัว, ผมจึงชอบคนที่ชอบตั้งคำถามไปด้วย
ผมไม่รู้จักผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มาก่อน บังเอิญว่าบรรณาธิการสำนักพิมพ์ออกปากมาว่าอยากให้อ่าน เขาบอกว่า ‘เผื่อ’ ว่าพี่จะชอบและนึกนิยม
ตลกดีที่ผมไม่ได้เปิดอ่านเรื่องแรกก่อน แต่ได้อ่านเรื่องราวที่เขาตั้งคำถามเกี่ยวกับ ‘หนวด’ ซึ่งโยงใยไปถึงความเป็นชายความเป็นหญิงและเพศสภาพ จากนั้นก็วิเคราะห์ต่อ
เมื่ออ่านเรื่องอื่นๆ ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเรื่องของ ‘ของ’ อะไรบางอย่างที่พาเราไปไกลในเชิงความคิด ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าชะรอยเขาคงตั้งใจจะไม่ใช้ทฤษฎีอะไรจากใครทั้งนั้นมาวิเคราะห์ในสิ่งที่เขาตั้งคำถามกับมัน แต่เลือกที่จะให้การตั้งคำถามนั้นค่อยๆ นำทางไปสู่คำตอบเองมากกว่า จากคำถามหนึ่งสู่คำตอบแบบหนึ่ง และจากคำตอบแบบนั้นย่อมเกิดคำถามถัดมา ซึ่งในที่สุดก็พาเราไปสู่ข้อสรุปบางอย่างที่มักไม่ใช่ข้อสรุป
ส่วนใหญ่ยังคงเป็นคำถาม
แน่นอน—คำถามบางคำถามไม่ได้บังเกิดมาเพื่อมีคู่ มันจึงไร้คำตอบที่แน่นอนสำเร็จรูป จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่บางคำถามหรอก แต่น่าจะเป็นคำถามส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ—ที่ไม่มีใครรู้คำตอบที่แน่ชัด
มนุษย์ไม่เคยหยุดร้องไห้—เพราะพวกเขาไม่เคยได้รับคำตอบ
แต่มนุษย์ก็ไม่เคยหยุดคิด—เพราะพวกเขาไม่เคยหยุดตั้งคำถาม
หนังสือเล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางของมนุษยชาติ ที่ยังคงต้องถาม-ตอบ กับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนการส่องคบไฟเข้าไปในหมอกหนาทึบ
เราอาจไม่เห็นปลายทาง แต่มันทำให้เราพอก้าวเดินต่อไปได้ แม้เมื่อหันหลังไป-เราจะพบว่าหมอกทึบนั้นกลับคลี่ตัวเข้าคลุมอีกครั้งจนทำให้เราไม่รู้แน่ ว่ามนุษย์กำลังอยู่ที่ไหน อยู่ไปเพื่ออะไร และควรทำอะไรหรือไม่อย่างไร
ไม่ว่าคุณจะชอบตั้งคำถามหรือไม่ก็ตาม การอ่านหนังสือเล่มนี้น่าจะทำให้ต่อมตั้งคำถามของคุณทำงานอย่างแข็งขันขึ้นมาได้อีกครั้ง!
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in