บางครั้งความหนักหนาสาหัสสากรรจ์ของชีวิตก็มาจากสิ่งที่เรียกว่าความพกเพ้อพเนจรของสังคมที่ไปไกลด้วยค่านิยมที่ริดรอนสิทธิมนุษยชนอย่างสุดโต่ง เต็มไปด้วยสภาวะที่ผลักดันการปรุงแต่งความนึกคิดจนไม่พอดี ปะนู่นติดนี่จนกลายเป็นสายระโยงระยางผูกขาเราติดกับบางสิ่งบางอย่างจนขาดอิสระภาพในสุนทรียะแห่งชีวิต
หากถูกย้อนถามว่า ถ้าเธอไม่ยึดถือสิ่งเหล่านี้ แล้วไหนล่ะหลักยึดของเธอ คุณค่าชีวิตของเธอและการประสบความสำเร็จที่เธออวดอ้างคืออะไรกันแน่
ฉันไม่มีคำตอบเท่ๆหรอก
แต่ที่พอจะให้คำตอบได้คือ ในภาวะที่ชีวิตชะโงกลงมามองพื้นด้านล่างขณะที่ดำรงอยู่บนความเสี่ยงอย่างธรรมดาสามัญนั้น ทำให้ชีวิตไม่ยึดเกาะการสวดมนต์ ไม่อ้อนวอน ไม่จงรักภักดีต่อใครทั้งนั้น คนเดียวที่ฉันสามารถซื่อตรงด้วยคือตัวเอง เหตุผลกลใดไม่เท่า 'เพราะฉันต้องการใช้ชีวิตของตัวเอง' อยู่กับสิ่งที่จะทำให้ฉันมีความสุขเพราะชีวิตมันแสนสั้น หลักยึดในการใช้ชีวิตในสังคมนี้มันมากมายและฉาบฉวย บางความคิดความเชื่อตั้งตระหง่านเกินกว่าควร ทำให้ฉันไม่มีความสุข เหมือนโดนขังอยู่ในอวนที่มองไม่เห็น นุ่มหยุ่นพลิ้วไหวไปตามแรงกระเพื่อมของสังคม คนอื่นกลุ่มอื่นอยากให้ฉันมี อยากให้ฉันเป็นในสิ่งที่ฉันไม่รู้จัก
ดังนั้นฉันแค่ไหลไปตามกระแสของความเป็นไปในโลก วิพากษ์ตั้งคำถามต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รับมือและรู้เท่าทันทุกสิ่งที่เป็นมายาคติเคลือบแฝงและใช้ชีวิตไปบนทำนองของการเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมดา
ในวัยนี้ฉันก็แค่มีสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ ได้ทำงานก็ทำ พอไม่มีโอกาสก็แสวงหาหนทางอื่นๆ หยุดพักบ้างวิ่งตามบ้าง หยุดมองวิวรอบตัวบ้างว่าเราอยู่ตรงไหนแล้ว ไม่เห็นเป็นไรเลย วิ่งหนีไปหาที่หลบภัยบ้างยามเจอมรสุมซัดมา
คนอื่นจะใช้ชีวิตยังไงก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของคนอื่น ฉันจะไม่แข่งขัน ฉันจะลงมือทำในส่วนของฉัน ฉันแวะซื้อดอกไม้จากร้านข้างทาง ฟังเพลง Yiruma และเดินตากฝนกลับบ้าน ซื้อไก่ทอดกลับไปกิน ฉันด่าถนนที่รถติด ยิ้มให้แมวที่หลบฝนกับลูกๆเดินบนทางเท้าเปียกๆ ที่มีมอเตอร์ไซค์วิ่งสวนมาฉันแกล้งทำป็นไม่ได้ยินเสียงบีบแตรไล่ฉัน ฉันได้ยินแต่เสียงเพลงเมทัลในหู
ชีวิตนี้มันไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมากหรอก ถ้าทำแล้วมันจะริดรอนเสรีภาพ ริดรอนความสุข ไม่เห็นต้องมีเครื่องรางของขลังที่ต้องหามาครอบครอง ฉันเป็นแค่เด็กที่ฟังนิทานก่อนนอนแล้วเชื่อเรื่องของมังกรมากกว่าเรื่องความยุติธรรม เวลาที่ได้นั่งรถไฟให้ลมโกรกหน้า ฉันรู้สึกว่ามันพาฉันไปพบกับโลกอีกใบที่สงบสุข โลกที่ฉันนอนลอยคออยู่ในทะเลในมือมีขวดเบียร์ที่อุ่นจากแสงอาทิตย์ส่องตกต้องวัตถุล่องลอย
ฉันตระหนักรู้เมื่อเติบโตขึ้นว่าชีวิตที่ไม่ใช้เงินมันดี แต่ถ้ามีเงินก็มีเบียร์ดีๆให้กิน มีทะเลไว้ให้นอนตีขาแบบนี้
ฉันติบ้าง ชมบ้าง มีอารมณ์ร่วมกับประเด็นต่างๆ บ้าง แต่ไม่เห็นต้องใส่ใจทุกเรื่องไปหมด แค่วันหนึ่งเจอร้านก๋วยเตี๋ยวน้ำตกที่อร่อยและราคาไม่แพงวันนั้นก็มีความสุขแล้ว ประเด็นความสุขและความสำเร็จของฉันอาจแค่นี้พอมั้ย ?
ติดตามข่าวสารบ้านเมืองบ้าง สนใจใยแมงมุมในห้องน้ำและก็ไถสมาร์ทโฟนเพื่ออ่านบทความวิจารณ์รัฐบาลสักสิบนาทีแล้วเสียบหูฟังฟังเพลง K-pop กินราดหน้าฟรีที่ออฟฟิศ
วาดรูปและก็กินชาเย็นสูตรหวานปกติ ซิทอัพบ้างไม่ให้มีพุง แต่เพื่อนนัดกินชาบูก็ไป เสร็จจากชาบูไปกินเหล้า แล้วดูดบุหรี่สัก2ตัว ตอนลูบหัวน้องหมาที่เจอข้างทางก็เอาบุหรี่ออกห่างๆ หมาหน่อย
คิดถึงความสำเร็จในจินตนาการสักวันละ15นาที พร้อมๆกับที่สั่งป๊อบคอร์นหน้าโรงหนังกินกับเพื่อนแล้วออกจากโรงมาก็เขียนรีวิวนิดหน่อยพอให้ระบายความคิดหนักๆ ในหัว
เครียดก็กินเยอะหน่อยไม่เครียดก็ลดข้าวในมื้อเที่ยง อ่านสเตตัสเฟสบุ๊คที่ดึงดูดและก็เปิดทวิตเตอร์หวีดนักร้องที่ชอบ ตัดพ้อเรื่องงานเยอะนิดหน่อย และก็ด่าทรัมพ์
คิดถึงพ่อแม่บ้าง บ่นถึงน้องบ้าง โทรหาทางโทรศัพท์บ้างไลน์บ้าง มีความตั้งใจเล็กๆ ว่า เก็บเงินซื้อมือถือให้แม่ แล้วก็ชอบผู้หญิงบ้าง ชอบผู้ชายบ้างชอบตุ๊ดชอบเพื่อนที่เป็นเบี้ยนบ้าง
เดิน Bacc ตอนที่มีอารมณ์ ไปร้านหนังสือในวันหยุด เดินห้างบ้างแล้วซื้ออะไรเล็กๆน้อยๆให้ตัวเองและคนที่รัก ให้เงินบริจาคการกุศลหรือให้นักร้องตาบอด
ถ้าเหงาหน่อย ไม่มีแฟนก็อ่านนิยาย อ่านฟิคเอา แอบดูเพื่อนพิมพ์แชทคุยกับแฟนแล้วลอกมาเป็นไดอาล็อกในฟิคตัวเองบ้าง ฟังเพลงรักและก็ยิ้มให้ป้าขายหมูปิ้งตอนเช้า ฟังเพลงฮิปฮอปเพื่อจรรโลงชีวิตส่วนที่มืดบอดสร้าง inspiration ของการขบถบ้าง เพื่อดันตัวเองออกนอกกรอบที่ขังความคิดสร้างสรรค์ของเรา
พอเหงาอีกก็อ่านมูราคามิให้รู้ว่าชีวิตรักมันเนิบนาบและชวนให้อยากดิ่งลงแม่น้ำเจ้าพระยาแค่ไหน อยากมีแฟนก็เดินลงไปซื้อชาเขียวคุณลุงนักชง กินข้าวให้อิ่มและก็เปิดรูปยองเคดู อืม ไม่มีแฟนก็ไม่เห็นเป็นไรนี่นา พอจะลาออกก็คิดถึงหน้าเด็กๆ คิดถึงทะเลที่จะไปนอน คอนเสิร์ต the gazette ที่ฝันจะไปดูที่ญี่ปุ่นสักครั้ง บุฟเฟ่ต์ที่จะได้กิน บ้านและบั้นปลายชีวิตแบบที่อยากมี และก็ฟังเพลงคุณ Dean และทำงานต่อไป
ชีวิตที่ผกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือจากการก้าวเข้าสู่วัยทำงาน นับเป็นการเติบโตที่ปวดร้าวเหมือนกระดูกซี่โครงถูกหักออกไปทีละท่อน จากการนั่งงอก่องอขิงทำงานเช้าจรดเย็นโดยมีเป้าหมายเป็นการทำงานให้เสร็จเท่านั้น ไม่มีอะไรมากจากนี้ เมื่อความต้องการเติบโตไม่ใช่ที่ใจแต่เป็นจุดอื่นๆ เกาะกุมจิตใจจากการเสพสื่อและมองเห็นหน้าฉากของความสำเร็จที่คนอื่นสร้างขึ้นและสถาปนามันให้เป็นอนุสรณ์สถานหน้าตาคล้ายๆ กันไปหมด มีคนกำหนดกะเกณฑ์ นิยามการประสบผลสำเร็จและช่วงวัยที่ต้องเจริญงอกงามออกมาให้เหมือนเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สิ่งที่ต้องเพื่อจะสำเร็จมีเพียงการเติมน้ำร้อนลงไปแล้วกระเดือกกินลงคอ อร่อยบ้างขมขื่นบ้าง ผงชูรสเยอะไปหน่อย แต่เจ็บปวดสิ้นดี ไหนล่ะคุณค่าทางโภชนาการที่ฉันเองก็มองหาเพื่อการเจริญเติบโตทั้งร่างกายและจิตใจ?
สูตรสำเร็จของการปีนเขาสูงนั้นทำให้กระดูกแขนขาของเรางอกยาวแทงขึ้นมาจากเนื้อหนัง แล้วพยายามตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นไปหาที่สูง แต่ยิ่งพยายามอยากป่ายขาแขนขึ้นสูงเพียงใด พอยึดถือความสมบูรณ์แบบของชีวิต ความต้องการเอาชนะหรือค่านิยมการประสบความสำเร็จที่เรากระเดือกกลืนเข้าไปเหมือนน้ำทะเลรสเค็มที่สาดซัดเข้าจมูกปากจนที่สุดแล้วก็ทำให้สำลัก นี่มันเป็นเรื่องปกติจริงหรือ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in