“คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้” เป็นวลีที่เรามักได้ยินเป็นประจำตั้งแต่เป็นเด็กเป็นวลีที่ผู้ใหญ่มักใช้ปลูกฝังว่า แม้ว่าต้นทุนชีวิตคนเราไม่เท่ากันแต่เราก็สามารถกำหนดทิศทางอนาคตตัวเองได้
แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ใหญ่ทั้งในสังคมเมืองไทยและในครอบครัวเราเองนั้นยอมให้เรากำหนดอนาคตตัวเองกันแค่ไหนเชียว ?
ในรายการทีวีเกาหลีรายการหนึ่งพิธีกรได้สัมภาษณ์เด็กมัธยมปลายคนหนึ่งว่า โตขึ้นอยากทำอาชีพอะไรเด็กชายคนนั้นตอบกลับมาอย่างภูมิใจว่า “อยากเป็นตลก”คำตอบที่ดูเหมือนเป็นคำตอบธรรมดานั้น ทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่า เออถ้าเราลองไปถามเด็กมัธยมบ้านเราในคำถามเดียวกัน คงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครตอบกลับมาว่า “อยากเป็นตลก”
มีอาชีพอีกมากมายในสังคมไทยที่แม้จะเป็นอาชีพที่สุจริต ไม่เสียหาย และเป็นทางเลือกให้กับคนรุ่นใหม่แต่กลับไม่ได้เป็นที่ยอมรับ และเชิดชูเหมือนอาชีพที่เป็นกระแสหลักในสังคม อย่างที่เราจะเห็นได้ทั่วไป ตามหน้าโรงเรียนมัธยมต่างๆที่มักจะเชิดชูนักเรียนที่สอบติดในมหาวิทยาลัยเพียงแค่บางสาขาอาชีพและเพิกเฉยอีกหลายๆสาขาอาชีพไป ซ้ำร้ายเพราะเพียงแค่ไม่ใช่อาชีพในค่านิยมกระแสหลักทำให้ต้องพบเจอกับการถากถาง และดูถูกในอาชีพนั้นๆจากผู้ใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองของเราเองเสมอไป
ความถนัดของมนุษย์นั้นมีหลากหลายและยิบย่อยเกินกว่าที่เราจะจัดประเภทง่ายๆถ้าเรามองว่าการใช้ชีวิตให้มีความสุข คือการที่เราได้ทำงานที่เรารักและอยากทำจริงๆการยอมรับ เปิดใจ เลิกยึดติดกับค่านิยมกระแสหลักเดิมๆเปลี่ยนเลนส์แว่นตาที่เราเคยมองแต่อดีต มามองโลกปัจจุบันก็คงเป็นวิธีนึงที่ช่วยแก้ปัญหาการมองโลกแคบ ปัญหาใหญ่ที่มักบั่นทอนจิตใจจากผู้คนรอบตัว และการกำหนดกรอบอาชีพของสังคมไทยที่ให้ความสำคัญกับแค่อาชีพเดิมๆมาเป็นการยอมรับที่หลากหลายขึ้น
บางทีผู้ใหญ่เองก็ต้องย้อนกลับมาคิดว่าเราให้อิสระลูกหลานในการเลือกที่เค้าจะเป็น เลือกทำในสิ่งที่พวกเค้ารักจริงๆหรือให้เลือกแค่ในกรอบความคิดของเรา เลือกทำในสิ่งที่เรารักกันแน่
cover photo by. wassachon
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in