เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A Pop Culture EditionA'Nikolas
รีวิว/วิเคราะห์ : Little Fires Everywhere | ไฟลามทุ่ง
  • ADVERTISEMENT

    ADVERTISEMENT

    โชติช่วง..

    แดงฉาน...

    โกรธเกรี้ยว....

    นั้นคือ... ไฟ

    เมื่อไฟ ถูกจุดขึ้นแล้วก็ยากจะดับมอดลง

    เหลือไว้เพียงเถ้าถ่าน เขม่าควันสีเทาจางล่องลอยในอากาศ กลิ่นที่ติดจมูก เเละรสชาติขมยามมันลอยมาสัมผัสบนปลายลิ้น

    พลันเมื่อเพลิงมอดดับ ถึงคร่าพฤกษาแตกต้นอ่อน...ทะลุพื้นดิน กระทั่งแผ่นคอนกรีต ชูช่อแตกใบเขียว

    เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
    @joshuanewton

    เรื่องราวในยุค 90's ของสามครอบครัวในเมือง Shaker Heights ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็น Utopia เลยก็ไม่ปาน Shaker Heights เมืองสงบสุขแถบชานเมืองของคนผิวขาว ผู้มีฐานะและประสบความสำเร็จ เมืองที่เต็มไปด้วยภาพของครอบครัวสุขสันต์ สมบูรณ์แบบอย่างที่ใครๆฝันถึง

    เฉกเช่นครอบครัว Richardson ที่มีคุณพ่อ Bill Richardson ทนายผู้ประสบความสำเร็จ คุณแม่เจ้าระเบียบแสนเพอร์เฟค อย่าง Elena Richardson (Reese Witherspoon) ทั้งคู่มีลูกถึงสี่คนพี่ชายคนโต Trip ตามด้วย Lexie ลูกสาวคนโปรดที่ถอดแบบแม่ออกมาเปี๊ยบ ส่วนคนกลาง Moody หนุ่มเงียบๆ นิสัยดี และ Izzy น้องคนเล็กเจ้าปัญหาของบ้าน Elena ภรรยาตัวอย่าง เป็นทั้งนักข่าวและคุณแม่ดูแลสามีและลูกๆ อีกยังเป็นสาวสังคมผู้กว้างขวาง ทุกอย่างในชีวิตของเธอเป็นไปตามกฎเกณฑ์เสมอ

    แต่เมืองที่สงบสุขกลับเปลี่ยนไป เมื่อคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวผิวดำ Mia Warren (Kerry Washington) ย่างก้าวเข้ามาใน Shaker Heights แห่งนี้ Mia เป็นศิลปินที่กระเตงลูกสาว Pearl ย้ายไปเมืองนั้นเมืองนี้มาตั้งเเต่เล็ก หลังจาก Mia ย้ายมาที่ เธอเข้าทำงานที่ร้านอาหารจีนและเป็นเพื่อนร่วมงานกับ Bebe Chow หญิงเอเชียที่เข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย ตัว Mia เองเป็นคนลึกลับ เธอเหมือนเก็บซ่อนง่ำบางอย่างเอาไว้ บุคลิกซับซ้อนและการกระทำของ Mia หลายครั้ง ทำให้ Elena เริ่มตั้งคำถามเเละพยายามหาข้อพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับตัวของ Mia
      
    และครอบครัว McCullough เพื่อนเก่าแก่ของครอบครัว Richardson สามีภรรยาบ้าน McCullough พยายามมีลูกกันอยู่หลายครั้ง ในที่สุดฟ้าก็เมตตา ทั้งคู่ได้รับเลี้ยงเด็กหญิงเอเชียที่ถูกทิ้งไว้หน้าสถานีดับเพลิง จนเกิดเป็นเหตุฟ้องร้องแย่งสิทธิดูแลเด็กระหว่างครอบครัวคนผิวขาวที่ร่ำรวยกับหญิงเอเชียที่เป็นแม่แท้ๆของเด็กหญิง


    เชื้อชาติและระดับทางชนชั้น

    **Spoilers**
    what if...

    หากพวกเขาผิวสี "ขาว" หล่ะ

    ใน Little Fires Everywhere เล่าถึงตัวละครผิวขาวที่มี privilege โดยตัวละครเหล่านี้สร้างโลกที่สนับสนุนการกระทำของพวกเขาว่าพวกเขาเป็นคนจิตใจดี โดยตัวละครผิวขาวมักจะลืมไปว่า ในสังคมคนผิวสีอื่นไม่ว่าจะดำหรือเหลือง พวกเขาได้รับการปฏิบัติที่ต่างออกไป และทางเลือกในชีวิตของคนผิวสีอื่นนั้นไม่ได้มีมากเท่ากับคนขาวที่ร่ำรวย ตัวละครผิวขาวกระทำสิ่งต่างๆโดยที่ไม่รู้หรือใส่ใจเลยว่า ที่พวกกำลังทำอยู่นั้นก็ เป็นการเหยียดเชื้อชาติ และทำให้คนสีผิวต่างจากพวกเขารู้สึกด้อยค่าลง 

     " You didn’t make good choices. You had good choices. Options that being rich, and white, and entitled gave you"   

    Mia

    ในเอพพิโซดแรก Elena เห็น Mia และ Pearl นอนหลับอยู่บนรถ เธอโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที่ โดยประโยคที่เธอพูดกับเจ้าหน้าที่คือ "I think they're African American." เพราะลักษณะภายนอกของพวกเขาเป็นคนผิวดำ ซึ่งดูเป็นภัยต่อตัวเธอและชุมชน การกระทำที่ฉาบหน้าว่าเป็นหน้าที่พลเมืองที่ดีของ Elena แท้จริงแล้วเป็นการตัดสินคนอื่นจากรูปร่างภายนอก โดยเฉพาะสีผิวที่แตกต่างกันระหว่างพวกเขาเเละตัวเธอ ในทางกลับกันถ้าสองคนที่อยู่บนรถคันนั้นเป็นผู้หญิงและเด็กสาวผิวขาว เหตุการณ์แบบนี้ก็จะเป็นเพียงแม่และลูกผิวขาวนอนอยู่บนรถ

    หรืออย่างเรื่องที่ Elena ให้ Mia เช่าบ้านโดยที่เธอไม่รู้จัก Mia ด้วยซ้ำ เพราะเธอเห็นใจที่ Mia เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวผิวดำ ที่ดูไม่มีอันจะกิน แถมต้องย้ายเมือง บ่อยๆ เธอตีตราเลยว่า Mia และลูกเป็น "homeless" การกระทำนี้เป็นสิ่งที่เธอเรียกมันว่า "helping" เพราะมันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอเป็นคนดี และเธอรู้สึกดีที่ได้ช่วยแม่เลี้ยงเดียวผิวดำกับลูกสาวผิวดำจากการต้องไปนอนข้างถนน ร่วมถึงการกระทำคล้ายๆกันอย่างเช่น การเสนองานแม่บ้านให้ Mia ผู้ซึ่งในทางเทคนิคเเล้วเป็นผู้จ่ายค่าเช่าบ้านให้เธอด้วยซ้ำ หรือการพยายามเลี่ยงการเรียกกลุ่มคนผิวดำว่า "African American" แทนที่จะเรียกพวกเขาว่า "Black" เพราะคิดว่าสุภาพและฟังสบายหูมากกว่า
    โดยการกระทำเหล่านี้ตัวละครผิวขาวไม่คิดว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติแต่อย่างใด แต่มันเป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือ

    และอย่างการจัดปาร์ตี้วันเกิดอายุครบ 1 ปีให้เด็กหญิงเอเชีย โดยเสริฟ์ Fortune Cookie เป็นของทานเล่น นั้นเป็นสิ่งชี้ชัดถึง "การไม่สนใจผลของการกระทำ โดยเอาความตั้งใจดีเป็นที่ตั้งแทน" ทั้งๆเจ้าคุกกี้เสี่ยงทาย นั้นไม่ได้มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมจีน ซึ่งเป็นเชื้อชาติโดยกำเนิดของเด็กหญิงเอเชียคนนี้เลย

    อีกหนึ่งตัวอย่างของการใช้อภิสิทธิ์ที่ตัวละครผิวขาว อย่าง Elena ชอบกระทำคือการติดสินบนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ อย่างเช่นการให้ขนมคัพเค้กกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเสมียนของมหาวิทยาลัยเพื่อเอาข้อมูลของ Mia ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยและประวัติอาชญากรรม แทนที่จะเคารพความเป็นส่วนตัวของ Mia และสอบถามกับ Mia อย่างตรงไปตรงมา หรือการที่ Elena พยายามจะจ่ายเงินเพื่อซื้อตัวเด็กหญิิง May Ling กับ Bebe ผู้เป็นแม่

    ในส่วนตัวลูกสาว Lexie ของ Elena ทั้งเธอๆเดทกับหนุ่มผิวดำ Brian แต่เธอกลับไม่ได้เข้าใจถึงเรื่องการถือสิทธิพิเศษเพราะเธอเกิดมาเป็นคนขาวและโลกนี้ปฏิบัติกับคนสีผิวอื่นต่างออกไป รวมถึงทั้งครอบครัว Richardson ก็ปฏิบัติต่อ Brain อย่างแตกต่างออกไป เพราะเขามีสีผิวที่ไม่เหมือนคนในครอบครัว Richardson  มิหนำซ้ำ Lexie ยังขโมยเรื่องราวการเลือกปฏิบัติของบุคลากรในโรงเรียนที่มีต่อ Pearl มาเขียนรายงานเพื่อสมัครเรีียนต่อที่มหาวิทยาลัยเยล และที่แย่ไปกว่านั้นเธอยังใช้ชื่อของ Pearl ในการเข้ารับการยุติการตั้งครรภ์ เพราะเธอรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของตัวเธอเอง

    การกระทำของ Lexie ก็ไม่ต่างกับการ "เหยียดเชื้อชาติ" เธอเดทกับ Brain เพื่อต้องการเพิ่มฐานะทางสังคมระหว่างตัวเธอและกลุ่มคนผิวดำ และเพื่อตะโกนบอกโลกนี้ว่าที่ไม่ได้เป็น พวกเหยียดเชื้อชาติ ทั้งที่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้ให้เกียรติกับกลุ่มตัวละครผิวดำในเรื่องเลย

    Linda McCullough เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของ คนขาวชนชั้นสูง ที่สวมบทคนดีและแม่ที่ดี Linda และ Elena คล้ายกันในเรื่องเป็นอภิสิทธิ์ชน ในขณะที่มีการฟ้องร้องกรณีของผู้ปกครองเด็กหญิงเอเชีย ของเธอและแม่ชาวเอเชียที่แท้จริง Linda มักจะพูดเสมอว่า เด็กหญิงเอเชียคนนั้นเป็นลูกของเธอ ทำไมต้องมาแย่งลูกของเธอไปด้วย ทั้งๆที่การยื่นเรื่องรับเลี้ยงเด็กยังไม่สมบูรณ์และยังไม่มีคำตัดสินจากศาล ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง White Supremacy ที่มีต่อเด็กผิวสีดำหรือน้ำตาล ซึ่งถูกพรากจากท้องแม่ที่แท้จริง ให้กับชนผิวขาวที่ต้องการมีลูกแต่ไม่สามารถมีลูกเองได้ และเธอยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์โดยกำเนิดของเด็กหญิงอีกด้วย โดยที่เด็กหญิงมีหน้าตาไปในทางเอเชียอย่างชัดเจน แต่ Linda ได้ตั้งชื่อใหม่กับเด็กน้อยว่า Mirabelle ทั้งๆที่เธอมีชื่ออยู่แล้วว่า May Ling อีกทั้ง Linda ยังปฏิเสธการเกี่ยวข้องระหว่างเชื้อชาติของเด็กหญิงและตัวเด็กหญิง โดยเธอต้องการเลี้ยง May Ling ในแบบ "เด็กผู้หญิงผิวขาวธรรมดาคนนึง" และในที่สุดผลตัดสินจากศาลเห็นชอบให้ครอบครัว McCullough เป็นผู้ปกครองอย่างถูกกฏหมาย ด้วยอนุมานเหตุผลที่ว่า McCullough เป็นครอบครัวคนขาวที่ร่ำรวย ไม่เหมือนกับแม่ชาวเอเชีย ซึ่งเป็นพลเมืองชั้นสองและเป็นเเค่คนหาเช้ากินค่ำ

    การเป็นอภิสิทธิ์ชนของตัวละครผิวขาวฝ่ายหญิงในเรื่อง ทำให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถนิยามการเป็น "แม่ที่ดี" ได้ โดยการเป็นแม่ที่ดีนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆ ทองๆ และความสามารถในการเลี้ยงลูกๆไม่ให้อดยากได้ แต่อย่างตัว Elena และ Linda ไม่เคยใส่ใจเรียนรู้เกี่ยวกับตัวลูกพวกเขาเลย แถมยังปรามาสการทำหน้าที่แม่ของตัวละครสีผิวอื่นๆ ในเรื่อง โดยไม่แม้แต่จะคำนึงที่ถึงเรื่องที่ Mia นั้นทำงานถึงสามงานเพื่อหารายได้สำหรับจ่ายค่าเช่าบ้าน หรือ Bebe ที่ทำงานอย่างยากลำบากเพื่อที่จะซื้อเพียงนมผงมาให้ทารกประทังชีวิต อีกทั้งยังสะท้อนถึงค่านิยมการมีลูกของคนขาว เหมือนเป็นสิ่งที่ต้องทำเพียงเท่านั้น  Elena ในวัยสาว ทิ้งความฝันของตัวเอง เพื่อกลับมาแต่งงานและมีลูกตามที่ครอบครัวเธอวางแผนเอาไว้ ในขณะตัว Linda เกิดความอยากจะมีลูกเพราะเธอเห็นว่า Elena นั้น ได้ทำหน้าที่ของเพศหญิงได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั้นคือการมีลูกและได้เป็นแม่คน แต่ Linda กลับไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้

    "They Always Win"

    Moddy

    ในซีรีส์เราจะได้เห็นฉากที่ Bebe แม่เอเชียที่ทำงานอย่างหนักเพื่อต้องการเลี้ยงปากท้องของตัวเองและลูกน้อย เธอตัดสินหยุดที่ร้านสะดวกซื้อ ต้องการซื้อนมผง ซึ่งเธอมีเงินเพียง 70 cent แต่เธอกลับโดนดูถูกและทิ้งให้หิวกลางความหนาว ในขณะที่ Izzy ต้องการจะขึ้นรถเมย์โดยเธอมีเงินเพียงเเค่ 70 cent เหมือนกัน แต่เธอกลับได้ขึ้นรถฟรี โดยสิ่งเหล่านี้มักเกิดขึ้นคนที่มีความหลากหลายทางสีผิวซะมากกว่า โดยการเป็นคนผิวขาวนั้นเหมือน ได้รับ "free pass" ไม่มีคนตั้งคำถามกับการกระทำของพวกเขาและพวกเขาสามารถเดินผ่านไปอย่างง่ายดาย

    แล้ว


    ใคร เป็นคน จุดไฟ ของเรื่องราวทั้งหมด

    @Jen Theodore

    ในซีนเปิดเรื่อง จะเป็นฉากหลังจากเพลิงไหม้ และในซีนปิดตัวซีรีส์ได้เฉลยว่าเป็นบ้านที่อยู่ในกองเพลิงนั้นคือบ้านของครอบครัว Richardson ซึ่งเด็กบ้าน Richardson นั้นแหละที่เป็นคนเผาบ้านของตัวเอง อาจจะตีความได้จากชื่อตอนที่ว่า "Find a Way" ลูกๆของบ้าน Richardson ต่างอัดอั้นจากการเลี้ยงดูของ Elena และพวกเขาต้องการทางออกจากสิ่งเหล่านี้ นั้นคือการวางเพลิง เผาสิ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางที่พาพวกเขามาถึงจุดที่กำลังเผชิญอยู่นี้ บ้านหลังนี้กำลังเปลี่ยนพวกเขาให้ไม่ต่างจากแม่ของพวกเขาเอง

    หลังจากการระเบิดอารมณ์ระหว่าง Elena และ Izzy ซึ่งเป็นผลพวงมาจาก Elena ไล่ Mia และลูกให้ไปจากเมือง Izzy พยายามบอกความในใจของเรื่องที่เธอรักในเพศเดียวกัน และอึดอัดที่ต้องเป็นคนที่แม่อยากให้เป็น แต่ Elena กลับไม่เคยฟังสิ่งที่ลูกกำลังบอกเธอเลย สิ่งที่ Elena พูดในตอนท้ายกับ Izzy ต่อหน้าลูกทุกคนว่า  "I never wanted you in the first place." มันคือการจุดไม่ขีดไฟ ในห้องที่ราดน้ำมันก๊าซไว้อยู่แล้ว สะเก็ดไฟเพียงเล็กน้อยได้ก่อให้เกิดเป็นกองเพลิงลุกลามแผดเผาในใจทุกคน

    ในตอนก่อนปปิดซีนของครอบครัว Richardson นักสืบเจอหลักฐานว่าเป็นการวางเพลิงและได้สอบถามกับ Elena ว่ารู้ตัวผู้วางเพลิงไหม แต่ Elena ตอบกลับว่า ตัวเธอเองนั้นหล่ะ ที่เป็นคนทำ

    การเข้ามาของ Mia อาจเป็นแค่ตัวเร่งปฎิกิริยาที่เร่งการเกิดเพลิงไหม้เท่านั้น แต่การกระทำของ Elena ที่ส่งผลต่อตัวละครทั้งหมดนั้นเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี Elena เองนั้นแหละเป็นคนยื่นน้ำมันก๊าซและไม้ขีดไฟให้กับลูกๆของเธอเอง

    และในเมื่อไฟมันถูกจุดขึ้นหนึ่งกองเเล้ว มันก็ลุกลามไปเรื่อยๆ จนเกิดไปกองไฟกองใหญ่ที่ยากจะดับ

    ไฟกองเเรกคือการรู้สึกไม่เป็นที่ต้องการต่อคนในครอบครัวของ Izzy

    ไฟกองที่สองคือการทรมาณจากแรงกดดันของแม่ที่มีต่อ Lexie

    ไฟกองที่สามคือการทำลายความสัมพันธ์ของ Trip และ Moody ที่มีต่อ Pearl

    และไฟกองสุดท้ายคือการที่เธอหมกมุ่นกับการหาความจริงของ Mia จนสูญเสียครอบครัวของเธอไป

    จนในท้ายที่สุดทุกอย่าง ทั้งครอบครัวของเธอและตัวเธอเองก็พังทลาย

     

    Little Fires Everywhere
    ประเภท : ดราม่า
    ช่องทางการรับชม : Hulu
                                                                      นำแสดงโดย : Reese Witherspoon และ Kerry Washington                                                                                                                                                                         จำนวน : 8 ตอน                                                                                                                ออกอากาศ : 18 มีนาคม - 22 เมษายน 2020


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in