มาร์ค
เรื่องนี้สยองขวัญ
เมื่อถึงเวลาที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว นายมาร์ค
ซัคเคอร์เบิร์ก จึงเปิดคอมพิวเตอร์แล้วกดปุ่มทำลาย
โปรแกรมเฟซบุ๊กทั่วโลก เพื่อดูว่าโลกจะเป็นอย่างไร
นิดา
นายดนูหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า นิดา แต่นาง
นิดานั้นมีอายุแก่กว่าเขามาก อีกทั้งนางนิดาเองก็มีครอบครัวแล้ว ความรักที่นายดนูมีให้หล่อนนั้นจึง
เป็นเรื่องที่ไม่อาจเกิดขึ้นจริงได้ แต่ถึงอย่างนั้นความรัก
ของนายดนูที่มีให้นางนิดาก็ยังคงอยู่ นายดนูเชื่อว่า
นางนิดาทำให้ตนเติบโตจากเด็กวัยรุ่นเลือดร้อน
และออกจะวู่วามกลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขุม
และสงบนิ่งมากขึ้น นายดนูจึงนับถือนางนิดาเป็นทั้ง
ครู, พี่สาว ส่วนความรักฉันหนุ่มสาวนั้นเขาจัดลำดับ
ไว้ท้ายสุด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา นายดนูก็อดสงสัย
ไม่ได้ว่านางนิดาเติบโตมาแบบไหน ไยหล่อนจึงเป็น
คนที่เข้าอกเข้าใจชีวิตในแง่มุมที่แตกต่างออกไป
ได้มากเพียงนั้น เขาเคยถามนางนิดาหนหนึ่ง หล่อน
ยิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบว่าตนก็ไม่ได้เก่งกาจมาจาก
ไหน เธอก็ไม่ต่างกับเขาในวัยเยาว์ นั่นคือเธอมีชาย
คนรักที่แก่กว่าเป็นแรงบันดาลใจและครูผู้สอน
ความหมายของชีวิต คำตอบของนางนิดาเพียงเท่านี้
ไม่อาจทำให้นายดนูหายคลางแคลงใจได้
จนกระทั่งเช้าวันหนึ่งเมื่อนายดนูตื่นขึ้นมาและ
พบว่า ด้วยสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้ เขาได้เดินทางย้อน
กลับมาเมื่อ 17 ปีที่แล้ว และได้พบกับนางสาว
หรืออาจเป็นได้ถึงเด็กหญิงนิดา นายดนูอยู่ที่นั่น
ในช่วงเวลานั้น จนผูกพันกับนิดาในวัยเยาว์และ
มันกลายเป็นความรัก
ถึงที่สุดนายดนูจึงพบคำตอบว่าชายผู้เป็นครู
ในโลกนอกโรงเรียนของนางนิดานั้นหาใช่ใครอื่น
มันคือตัวเขานั่นเอง นายดนูสับสน เขาไม่อาจค้นพบ
คำอธิบายที่ทำความเข้าใจง่ายๆ ว่าใครควรเป็นครู
ใคร ใครเป็นศิษย์ใครก่อนหลังกันแน่
สิ่งเดียวที่นายดนูรู้แน่ก็คือ เขาไม่อาจอยู่ในโลก
ที่กาลเวลาบิดเบี้ยวนี้ได้อีกต่อไป เขาจึงเฝ้ารอว่า
เช้าวันหนึ่งเมื่อตื่นขึ้นมา ตนเองจะกลับมาสู่ช่วงเวลา
เดิมตามปกติที่ควรเป็น และเมื่อถึงวันนั้นนายดนู
จะเป็นอิสระจากนางนิดาที่อยู่ในความคิดของตน
นางนิดาจะเป็นอย่างที่หล่อนเป็น เช่นเดียวกับเขา
ที่ก็จะเป็นอย่างที่เขาเป็น
นายดนูเชื่อว่าโลกจะเดินไปในห้วงเวลาที่ถูกต้อง
หากเขาปล่อยให้สิ่งต่างๆ ดำเนินไปในทางนี้
ศิลา
นายศิลาเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายมากกว่าคน
มองโลกในแง่ร้ายทั่วๆ ไป คือนอกจากจะมองโลก
ในแง่ร้ายมากๆ แล้ว นายศิลายังเกลียดสิ่งสวยงาม
อีกด้วย เขาไม่ชอบเห็นดอกไม้ผลิบาน ชิงชังรอยยิ้ม
และแววตาสดใสของเด็ก ไม่เชื่อเรื่องความมุ่งมั่น
ในการทำตามความฝันอันยิ่งใหญ่ ปฏิเสธความรัก
หรือเรื่องโรแมนติกทุกประเภท นายศิลาเชื่อว่ามนุษย์
สกปรกตั้งแต่เกิด ร่างกายคนเราเต็มไปด้วยเมือก
และคราบเลือดของคนที่ให้กำเนิดเรามา เราเพียร
ทำความดี รักษาจิตใจให้ผ่องแผ้วเพื่อปฏิเสธ
สัญชาตญาณหยาบช้าที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่ต้อง
สงสัยเลยว่านายศิลาจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกสวยงาม
ใบนี้อย่างหดหู่ใจเพียงใด เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ
เลยแม้แต่เพียงหนึ่งวัน กระนั้นเขาก็ยังหวาดกลัว
เกินกว่าจะฆ่าตัวตาย
แต่วันมรณะของนายศิลาก็เกิดขึ้น เมื่อเขา
ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเข้าอย่างจังขณะกำลัง
เดินข้ามถนน ความแรงของการปะทะทำให้นาย
ศิลากระเด็นออกไปไกล หัวของเขากระทบพื้นถนน
อย่างแรงจนเลือดไหลออกมาอย่างน่ากลัว
ขณะที่นายศิลากำลังจะหมดสติ เขารู้ได้ทันทีว่า
ตนนั้นถึงแก่ฆาตแน่นอน นาทีนั้นนายศิลาเห็นแสง
เรืองรองที่เปลี่ยนสีไปมาได้อยู่ตลอดเวลา เขาได้ยิน
เสียงอันไพเราะ สัมผัสได้ว่ามีลมเย็นโบกโบยทำให้
รู้สึกสบายตัว จมูกได้กลิ่นหอมสดชื่น
“นี่คือความตาย” นายศิลาบอกกับตัวเอง “มัน
ช่างสวยเหลือเกิน ความตายสวยงามเกินไป ฉันไม่
ต้องการความสวยงามนี้” นายศิลารำพึงและสิ้นใจ
ตายไปในที่สุด
น่าเศร้าที่แม้แต่การตาย นายศิลาก็หนีความ
สวยงามที่ตนชิงชังไปไม่ได้ //
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in