เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ห้องตรวจหมายเลข 5นักเล่าเรื่อง
โลกซึมเศร้า
  • เมื่อไม่นานมานี้หลังจากที่ฉันไปใช้ชีวิตอยู่ใกล้หมอมาประมาณ 2 เดือน ฉันและแม่จึงตัดสินใจกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ฉันได้กลับเข้าไปขลุกอยู่ในร้านหนังสือเล็กๆขนาดครึ่งห้องพาณิชย์ ฉันใช้เวลาทั้งวันไปกับการทำ Scrapbook และจัดการกองดองที่ฉันเหลือเอาไว้ ประมาณเศษหนึ่งส่วนห้าของกองนั้นเป็นหนังสือเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าและจิตวิทยา นอกนั้นก็เป็นงานของเคโงะและเจ เค โรวลิ่ง นานแล้วที่ฉันพักตัวจากการอ่านนิยายของฮิงาชิโนะ เคโงะมาเป็นหนังสือ non-fiction มากมาย และแน่นอนว่าหนังสือเกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามันเป็น non-fiction "โลกซึมเศร้า" เป็นชื่อหนังสือที่ฉันตัดสินใจหยิบมาอ่านและได้เปิดโลกใหม่ๆให้กับหนังสือเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือที่มาบอกข้อมูลทั่วๆไปของโรคที่ใครๆก็รู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุเอย การรักษาเอย การบำบัดเอย หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่รวบรวมงานวิจัยทั้งเก่าใหม่แล้วนำมาย่อยเป็นข้อเท็จจริงที่อ่านง่ายและชวนเชื่อ ตัวอย่างชื่อบทในหนังสือก็เช่นว่า ตัดขาดความสัมพันธ์: สาเหตุเก้าประการของโรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวล แต่ในบทแทบไม่กล่าวถึงความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมองเลย แต่จะไปพูดถึงการถูกตัดขาดจากสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น ตัดขาดจากงานที่มีความหมาย, ตัดขาดจากผู้อื่น, ตัดขาดจากธรรมชาติ นอกจากจะพูดถึงการตัดขาดจากสิ่งต่างๆที่เป็นสาเหตุของโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลแล้วยังมีอีกบทใหญ่ๆที่ว่าด้วยการเชื่อมต่อความสัมพันธ์หรือยาต้านเศร้าอีกประเภทหนึ่ง บทใหญ่ๆบทนี้แบ่งออกเป็นบทย่อยๆ เช่น เชื่อมโยงกับผู้คน, การจ่ายยาทางสังคม, เชื่อมโยงกับงานที่มีความหมาย เอาเป็นว่าเหมือนหนังสือพยายามจะบอกวิธีการรักษาโดยไม่ต้องพึ่งยาต้านเศร้า ซึ่งในหนังสือได้กล่าวถึงไว้ว่า ยาต้านเศร้าในปัจจุบันเป็นยาที่ได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากบริษัทยา และได้นำเอาผลทดลองจากความสำเร็จเพียงน้อยนิดมาเป็นตัวโฆษณาให้กับโรงพยาบาลต่างๆ แต่นักวิจัยที่พยายามรักษาโรคซึมเศร้าและวิตกกังวลด้วยวิธีการธรรมชาติกลับไม่เป็นที่แพร่หลายและมีไม่มากนัก เนื่องจากไม่ได้รับทุนวิจัยจากองค์กรไหนเลย อ่านไปแล้วดูเหมือนหนังสือพยายามด้อยค่ายาต้านเศร้าและสนับสนุนการรักษาแบบธรรมชาติมากกว่า ฉันคิดว่านี่ีคืออิทธิพลที่อันตรายอย่างมากต่อคนที่เป็นโรคซึมเศร้าและคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกับคนที่เป็นโรคดังกล่าว จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนมาอ่านหนังสือนี้แล้วตัดสินใจหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้มีความรู้สึกไม่ไว้ใจแพทย์แผนปัจจุบันและไม่อยากไปหาหมออีกต่อไป ทั้งหมดทั้งมวลนั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของฉันตอนที่อ่านหนังสือจบ ฉันถึงกับคิดไปถึงว่า ถ้าตอนนี้ฉันกำลังเป็นหนูทดลองให้กับพวกหมออยู่ล่ะ ยาที่หมอให้กินมันอาจจะเป็นยาปลอมเพื่อทดสอบการรับรู้ภายในสมองของฉันก็ได้ หลังจากปิดหนังสือหน้าสุดท้ายลงฉันตัดสินใจแอบทิ้งยามื้อเช้าและมื้อเที่ยงลงชักโครกทุกวันๆ แน่นอนว่าผลกระทบมันต้องมีมากอยู่แล้ว ยามื้อเช้าที่ฉันกินไม่เพียงแต่ยาต้านเศร้า แต่มันรวมถึงยาความดันของฉันด้วย ตอนกลางคืนหัวใจของฉันจึงเต้นแรง แรงซะจนฉันคิดว่าเตียงมันสั่นตามไปด้วย เมื่อหลับตาลงก็ได้ยินเสียงขาเตียงลั่นเหมือนมีคนขึ้นมาบนเตียงและนอนลงข้างฉัน หัวใจของฉันยิ่งเต้นแรงขึ้นๆจนนอนไม่หลับ ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้านความง่วงของตัวเองไม่ไหว ก็ต้องเคลิ้มหลับลงไปและฝันถึงเรื่องเลวร้ายต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้กับตัวฉัน ฉันสะลึมสะลือตื่นจากฝันหนึ่งและไปหลับใน ีกฝันหนึ่ง เป็นอย่างนั้นวนเวียนไปตลอดทั้งคืน ด้วยปัญหาการนอนที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ฉันใช้เวลาทั้งวันในตอนกลางวันไปกับการนอนพักผ่อน แต่ก็ยังไม่วายรู้สึกไม่อยากหลับ เพราะไม่อยากฝันร้ายอีก Side effect เหล่านี้เกิดขึ้นทุกวันทุกคืนและยิ่งเพิ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งนักจิตบำบัดรู้เรื่องของฉันเข้า จนถึงวันนั้นฉันก็ขาดยามา 1 อาทิตย์ได้แล้ว ตอนที่เราคุยกันเราตัดสินใจเลือกหัวข้อหนังสือที่ฉันอ่านมาเป็นหัวข้อหลักของวันนั้น ฉันยิ่งรู้สึกโง่มากขึ้นๆๆเมื่อคิดได้ว่าตัวเองเชื่อข้อมูลจากหนังสือเพียงเล่มเดียว แทนที่จะเชื่อหมอที่อดทนเรียนมาตั้งหลายปี ฉันร้องไห้และร้องไห้จนกระดาษทิชชู่หมดม้วน น้ำมูกน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย ณ วันนี้ฉันกลับมากินยาอีกครั้งตามที่นักจิตบำบัดร้องขอ และคิดซะว่ามันคือการทดลองอย่างหนึ่งของชีวิต ทดลองไม่กินยา ทดลองเริ่มกินยาหลังหยุดยามานาน จนถึงตอนนี้ผลการทดลองกินยาของฉันมันยังไม่ชัดเจน แต่การนอนของฉันก็สงบสุขขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจริงๆ
    ทั้งหมดที่เขียนมานี้ฉันไม่ได้ต้องการโจมตีหนังสือหรือผู้เขียน แต่ฉันอยากจะเตือนคนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ว่าให้อ่านอย่างมีวิจารณญาณ มีสติ และถ้าคนอ่านเป็นโรคซึมเศร้าหรือต้องอาศัยอยู่กับคนที่เป็นโรคนี้ ก็อยากจะให้ปรึกษาจิตแพทย์ประจำตัวซะก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไปเหมือนที่ฉันทำก็เท่านั้นเอง

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in