การค้นหาไอเดียหรือแรงบันดาลใจใหม่ๆ เป็นปัญหากับคนทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้ว่าจะไปหามาจากที่ไหนดี วันนี้มินิมอร์เลยมาเสนอตัวช่วยที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม แล้วก็เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว (ท้าดา) เสียงเพลงยังไงล่ะ!
มีการศึกษาอยู่เสมอ ในประเด็นที่พูดถึงเสียงเพลงมีผลต่อมนุษย์อย่างไร ตัวอย่างเช่น ผลการวิจัยที่พบว่าเพลงคลาสสิกอย่าง Bach และ Mozart มีส่วนช่วยเพิ่มไอคิวขึ้นมาได้ ก็เลยกลายเป็นหนึ่งในคำแนะนำสำหรับเด็กน้อยๆ ให้เปิดเพลงเหล่านี้ให้พวกเขาฟังอะไรแบบนี้
แล้วก็ไม่ใช่เท่านั้นนะ ยังมีการศึกษาที่ค้นพบอีกด้วยว่า ไม่ใช่แค่เพลงคลาสสิกเท่านั้นที่มีผลกับสมองของมนุษย์ แต่เป็นเพลงอะไรก็ได้ แนวไหนก็ได้ ที่คุณสนใจ เพลงเหล่านี้สามารถทำให้เราค้นพบไอเดียใหม่ๆ หรือแรงบันดาลใจได้อย่างที่คิดไม่ถึงเชียวล่ะ เพราะอะไรน่ะเหรอ? มา มินิมอร์จะอธิบายให้ฟัง
ปรับโฟกัสในการทำงานด้วยเสียงเพลง
(อันนี้ไม่รู้จะโฟกัสที่ตรงไหนดี)
บางครั้ง เวลาทำงานในที่เงียบๆ ก็อาจจะทำให้มีสมาธิมากก็จริง แต่สำหรับบางคนความเงียบที่เงียบเหมือนโลกร้างไปแล้ว ยิ่งทำให้เสียสมาธิมากกว่าเดิมซะอีก มีนักเขียนบางคนที่ต้องมีการเล่นดนตรีก่อนที่จะเริ่มเขียนอะไรสักอย่างได้ (อารมณ์ประมาณว่าบิ้วตัวเอง) สมมติว่าถ้าคุณโตขึ้นในบ้านที่มีเสียงอยู่ตลอดเวลา (ไม่ชินกับความเงียบ) การนั่งฟังเพลงก็เป็นหนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้คุณรู้สึกคุ้นเคย และเป็นบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายก็ได้นะ แล้วอีกเรื่องหนึ่งก็คือว่า การฟังเพลงที่คุณชอบ อย่างเช่นเพลงร็อคนุ่มๆ หรือคลาสสิกเบาๆ แม้กระทั่งฮิปฮอป (โย่วๆ ) สามารถช่วยให้คุณโฟกัสไปกับงานตรงหน้าได้ด้วยนะ
หดหู่เหรอ? อยากให้สดใสลองจัดไปสักเพลง
(ปล่อยให้ไหลไป ไหลไปลงสู่ทะเล)
ไม่ว่าที่กำลังเขียนอยู่จะเป็นแค่บทความเฉยๆ หรือนิยายสุดมหัศจรรย์ อารมณ์ในขณะที่เขียนนั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก เพราะหากขาดไปมันย่อมสะท้อนออกมาในงานเขียนนั่นแหละ แต่บางเวลาก็มีบ้างที่มันเกิดอาการหดหู่ เบื่อหน่าย เศร้าใจไปกับฝนที่ตก หรือแม้แต่คางคกตัดหน้ารถยังเสียใจอะ ถ้าอยากรู้สึกดีขึ้น มินิมอร์มีตัวช่วยให้ลองดูนะ ลองเลือกเพลงโปรดขึ้นมาสักเพลง เอาที่มีจังหวะสนุกๆ สดใส ซาบซ่า เปิดมันให้สุด แล้วปล่อยตัวเองให้ลอยไปกับเสียงเพลง เท่านี้ล่ะจากที่ขุ่นๆ อยู่ ก็จะสดใสขึ้นมาเลยก็ได้นะ!
แรงบันดาลใจในเนื้อเพลง
(อารมณ์จัดเต็ม)
คุณเคยฟังเนื้อร้องของเพลงแล้วรู้สึกเหมือนมันกำลังพูดกับคุณบ้างไหม? บางครั้ง คำพูดเด็ดๆ หรือเสียงเพลงโดนๆ ก็ทำให้เราเกิดไอเดียบรรเจิดในการสร้าง Story หรือ ตัวละครในงานเขียนของเราขึ้นมาได้อย่างไม่น่าเชื่อเลยเชียวล่ะ มีนักเขียนบางคนเคยบอกไว้ว่า พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างฉากหรือเหตุการณ์ในงานเขียนก็จากเนื้อเพลงโดนใจที่พวกเขาฟัง แนวเพลงที่ฟังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยสร้างอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความน่ากลัว ความเศร้า สุข สดใส เลือกอัลบั้มเพลงในอารมณ์ที่คุณต้องการแล้วเก็บแรงบันดาลใจจากงานเพลงกันเถอะ
เป็นสื่อกลางที่ช่วยให้เข้าใจได้ลึกซึ้ง
ขยับขยายต่อจากข้อข้างบน ในเมื่อเนื้อเพลงสามารถสื่อสารกับเราได้ ทำไมจะสื่อสารกับคนอื่นไม่ได้ล่ะ? ถ้าหากว่าเราอยากจะอธิบายความรู้สึกของตัวละครในงานเขียนของเราโดยที่ไม่อยากจะให้พูดมาก หรืออยากให้มันโดนใจสุดๆเลยล่ะก็ ลองใส่เนื้อเพลงลงไปแทนก็ได้นี่นา! เนื้อเพลงสามารถบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ถ้าเคยอ่านงานเขียนในหลายๆเล่มโดยเฉพาะนิยายของวัยรุ่น จะเห็นได้ว่า เพลงถูกนำมาใช้อธิบายความรู้สึกหรือแม้แต่เสริมลักษณะนิสัยของตัวละครด้วยล่ะ นอกจากนี้เพลงยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่เรียกอินเนอร์ไม่เก่ง ก็ให้เพลงช่วยทำหน้าที่นี้ได้อย่างสบายเลย
พาคุณย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่ต้องการ
เคยได้ยินมั้ยว่า เวลาฟังเพลงแล้วคิดถึงวันเก่าๆ แต่ละคนก็มีเพลงในใจที่เป็นจุดยึดเหนี่ยวระหว่างวันในอดีตที่ฝังใจ หรือประสบการณ์ที่พบเจอมาแตกต่างกัน อย่างบางคนอาจจะเลิกกับแฟนในวันปีใหม่งี้ พอได้ยินเพลงพรปีใหม่ก็เลยหวนนึกถึงวันที่เลิกกันอะไรแบบนั้น (เศร้าไปอีก) หรือแม้แต่ แนวเพลงก็สามารถพาให้เรารู้สึกย้อนเวลากลับไปได้เหมือนกัน อย่างเวลาฟังเพลงของวงโมเดิร์นด็อก ก็เหมือนย้อนเวลากลับไปกระโดดในยุค 2538 อัลเทอร์เนทีฟกันเลยทีเดียว ซึ่งหลักการพวกนี้ก้สามารถนำมาใช้ในงานเขียนได้เหมือนกันนะ อยากเช่น ลองเปิดเพลงเพื่อฟังบรรยากาศของยุคสมัยที่เราต้องการ เพื่อกระตุ้นจินตนาการให้เราเข้าใจความเป็นไปในยุคนั้นได้มากขึ้น หรือจะเอาเนื้อเพลงใส่ลงไปเลยอย่างที่บอกไปกับข้อเมื่อครู่นี้ ก็จะช่วยให้คนที่เคยอยู่ในบรรยากาศแบบนั้น อินขึ้นได้มากเชียวล่ะ
ปรับจูนคลื่นสมองของมนุษย์ได้
(หมุนวนกันเข้าไป)
แรงบันดาลใจที่มาจากเสียงเพลงไม่ใช่สิ่งที่คิดไปเอง มีหลักฐานว่าที่จริงแล้วคลื่นสมองของมนุษย์เรานี้ได้รับผลกระทบจากเพลงที่เราฟังจริงๆ นะ ยกตัวอย่างเช่น
- ปกติแล้วสมองของคนเราจะสร้างคลื่น beta อยู่ในช่วงระหว่าง 14 ถึง 20 hertz
- แต่เมื่อได้ฟังเพลงที่อยู่ในช่วง 60 beats สมองจะมีคลื่น alpha อยู่ในช่วงระหว่าง 8 ถึง 13 hertz
- และเมื่อถึงจุดสูงสุดของความคิดสร้างสรรค์ สมองของจะสร้างคลื่น theta ระหว่าง 4 ถึง 7 hertz
สิ่งนี้แหละที่แสดงให้เห็นว่า เมื่อมนุษย์เราผ่อนคายมากขึ้น ก็จะทำให้สมองเกิดความคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น เป็นเหตุผลว่าทำไมดนตรีคลาสสิกถึงเป็นหนึ่งในประเภทของเสียงเพลงที่ได้รับความนิยมสูงสุดสำหรับการสร้างแรงบันดาลใจ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก vorongo ที่ช่วยให้มินิมอร์มีอะไรสนุกๆ มาฝากเพื่อนๆ เสียงเพลงสามารถนำมาใช้เพื่อความบันเทิงและความสนุก และเมื่อใช้อย่างถูกต้องก็ยังสามารถช่วยให้คุณเกิดไอเดียและความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วย เมื่อใดก็ตามที่ต้องการแรงบันดาลใจในการเขียนนิยายบทความสคริปต์ หรืออะไรก็แล้วแต่ ลองเปิดเพลงฟัง แล้วจะรู้ว่าไอเดียไม่ได้ต้องหาจากที่ไหนไกลๆเท่านั้น แต่มันอยู่ใกล้เราแค่เอื้อมนี่เอง
ก่อนจะไป มินิมอร์มีเพลงน่ารักๆ มามอบให้กับเพื่อนๆ ก่อนจะไปปั่นต้นฉบับที่ทำค้างไว้กันต่อ ลองฟังดูนะ
เขียนโดย Minimore Trainnee : Little Swan
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in