กว่าที่ใครสักคนจะเขียนหนังสือ หรือทำอะไรสักอย่างให้ประสบความสำเร็จ อย่าคิดว่าจะมีใคร Born to be เกิดมาแล้วเก่ง เกิดมาแล้วเด่น เกิดมาแล้วดี ไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง โน่ว!! มันเป็นไปไม่ได้หรอกเธอ คนเรามันก็ต้องล้มลุกคลุกคลานกว่าจะไปถึงฝั่งฝัน หรือต่อให้ ชีวิตเกิดมาดีเลิศทุกอย่างเข้าขั้นน่าอิจฉา ก็ต้องมีเรื่องที่มาทำให้ท้อแท้ หรือหมดกำลังใจบ้างล่ะ
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มินิมอร์จะบอกว่า เหล่านักเขียนที่เราเห็นว่าเขาประสบความสำเร็จในทุกวันนี้ เขาก็ผ่านเรื่องยากลำบาก หรือความผิดหวังมากันนับไม่ถ้วน แต่เพราะเขายังเชื่อในความฝันของตัวเอง เชื่อว่าต้องมีวันสำเร็จ เขาถึงมีวันนี้ได้ยังไงล่ะ และคำพูดของพวกเขาหลายคน ก็กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ อีกมาก วันนี้ มินิมอร์เลยรวบรวมเอาคำพูดเด็ดๆ ของนักเขียนคนดัง มาเติมไฟให้กับเพื่อนๆ ที่อาจจะอยากได้กำลังใจ หรืออยากได้ไฟในการทำอะไรสักอย่าง มาดูไปพร้อมๆ กันเลย
There are two ways of spreading light : to be the candle or the mirror that reflects it.
(มีสองทางที่จะทำให้แสงสว่างไสวไปทั่ว ถ้าไม่เป็นเทียน ก็เป็นกระจกที่สะท้อนแสงของเปลวเทียนนั้นไง)
Edith Wharton นักเขียนและนักออกแบบชาวอเมริกันคนนี้ เป็นที่ยอมรับกันในเรื่องวรรณกรรมคลาสสิค เรื่องราวที่เธอเขียนขึ้น โดยส่วนมากมักเกี่ยวกับชนชั้นและการใช้ชีวิตในสังคมผู้ดีซึ่งเธอผู้เกิดมาในครอบครัวชนชั้นสูงมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
: มินิมอร์คิดว่า หากคนเรามีความพยายาม ย่อมมองเห็นโอกาส บางครั้งอาจจะมีบางเรื่องที่เราเลือกไม่ได้ แต่หากไม่ละความพยายาม เราย่อมมองหาช่องทางสำหรับตัวเองเจอเสมอ เหมือนคำพูดของ Edith ต่อให้คุณไม่เกิดมาเป็นเทียนที่ส่องแสงเองได้ คุณก็ทำตัวเป็นกระจกที่สะท้อนแสงนั้นให้สว่างไสวไปทั่วได้เช่นกัน
Those who say it can’t be done are usually interrupted by those doing it.
(ใครก็ตามที่บอกว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่มีทางสำเร็จ นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ทำมันอย่างต่อเนื่องจนถึงที่สุด)
James Baldwin เป็นนักเขียนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในช่วง คริสต์ศตวรรษที่ 20 ผลงานส่วนใหญ่ของ James มักตีแผ่ปัญหาที่การเหยียดเชื้อชาติ สีผิว เพศ และยังเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องความเป็นธรรมในสังคมอเมริกา จนได้รับการขนานนามว่า นักเรียกร้องสิทธิที่สำคัญคนหนึ่งเลยทีเดียวล่ะ
: ถ้าได้ลองอ่านงานเขียน หรือประวัติของ James Baldwin ดูสักหน่อย จะรู้ได้เลยว่าเขาคนนี้ ผ่านความลำบากมากมายขนาดไหน ก่อนที่ทั่วโลกจะรู้จักนักเขียนมากความสามารถคนนี้ เพราะไม่เพียงแต่งานเขียนของเขาจะช่วยให้เหล่านักอ่านมีเรื่องดีๆ ไว้อ่านในหนังสือแล้ว อุดมการณ์ของเขายังเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนที่ช่วยเหลือผู้อื่นอีกด้วย มินิมอร์ว่าก่อนที่จะมาถึงตรงจุดนี้ได้ ชีวิตของ James Baldwin ต้องผ่านอุปสรรคมาอย่างที่เรียกได้ว่า " สบักสะบอม " ซึ่งคำพูดของเขาก็ได้สะท้อนตัวตนที่ไม่ยอมแพ้ของเขาออกมาได้อย่างชัดเจน เห็นได้ชัดเลยว่า ในความคิดของ James Baldwin ความสำเร็จจะมาหาคนที่ไม่ยอมแพ้
The meaning of life is to find your gift. The purpose of life is to give it away.
(ความหมายของชีวิต คือการตามหาของขวัญของคุณ จุดประสงค์ของการมีชีวิต คือการให้ที่ไม่สิ้นสุด)
William Shakespeare ถ้าเอ่ยชื่อนี้ แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะผลงานอมตะที่เลื่องชื่ออย่าง Romeo and Juliet ทำให้ Shakespeare กลายเป็นกวีเอกคนหนึ่งของโลก ผลงานของเขา ไม่เพียงแต่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนคนสำคัญของโลกคนอื่นๆ อย่าง Charles Dickens เจ้าของผลงาน Oliver Twist หรือแม้แต่ William Faulkner ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี ค.ศ. 1949 แต่ยังคงมีอิทธิพลต่อวงการวรรณกรรมจนถึงทุกวันนี้
: ในยุคของ Shakespeare เขายังมีชื่อเสียงน้อยกว่ายุคหลังจากยุคของเขาซะอีก มินิมอร์ว่าเป็นเพราะผู้คนชื่นชมผลงาน และสนใจชีวิตส่วนตัวที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยปริศนา แต่ถึงอย่างนั้น ก็มีข้อคิดไม่น้อย แฝงมากับผลงานในแต่ละเรื่อง รวมไปถึงคำพูดของ Shakespeare ที่มินิมอร์หยิบยกมานี้ ก็เป็นแรงบันดาลใจที่ดี ที่จะทำให้เราก้าวผ่านวันที่ท้อแท้ไปได้เหมือนกันนะ
Be yourself.Everyone else is taken.
(จงเป็นตัวของตัวเอง เพราะเป็นแบบคนอื่น มีคนเป็นไปหมดแล้ว)
Oscar Wilde ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในศิลปินทางด้านวรรณกรรมและกวีระดับตำนานที่มีคารมคมคายและวาจาจับใจเป็นอย่างมาก ผลงานที่มีชื่อเสียง คือนิยายหนึ่งเดียวของเขา The Picture of Dorian Gray นวนิยายสุดอื้อฉาวแห่งยุค ที่เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์มาแล้วหลายครั้ง แต่ถึงแม้ว่างานด้านนิยายจะมีออกมาไม่มาก (ทั้งชีวิตมีแค่เรื่องเดียว) แต่ยังมีผลงานอื่นๆ ที่ผู้คนให้การยอมรับ รวมไปถึงคำพูดของเขาที่กลายมาเป็นแรงบันดาลใจอีกมาก บางคำพูดก็ซึ้งกินใจ บางคำพูดก็เจ็บจี๊ดบาดใครต่อใครได้อย่างชาญฉลาดเชียวล่ะ
: มินิมอร์ชอบคำพูดนี้ของ Oscar Wilde เป็นพิเศษ พอๆ กับประโยคที่บอกว่า ทุกคนเป็นพระเอกนางเอกในนิยายชีวิตของตัวเอง ในชีวิตคนเรา อาจจะมีบางอย่างที่ขาดไป แต่ก็มีบางอย่างที่คนอื่นไม่มีเช่นกัน เพราะฉะนั้น การเป็นตัวเราจึงดีที่สุด เพราะไม่มีใครเป็นแทนได้ และเราคนเดียวเท่านั้น ที่สามารถเป้นได้ เป็นประโยคที่พออ่านแล้วทำให้รู้สึกดี และรักตัวเองขึ้นมากๆ เลย เห็นด้วยมั้ยจ๊ะ
If you have good thoughts they will shine out of your face like sunbeams and you will always look lovely.
(เมื่อคุณมีความคิดดีๆ เกิดขึ้น สิ่งเหล่านั้นจะฉายประกายออกมาผ่านใบหน้าของคุณดังแสงตะวันและคุณจะดูน่ารักอยู่เสมอ)
ในแวดวงวรรณกรรมเด็กและเยาวชน Roald Dahl ถือเป็นที่รู้จักไปทั้งวงการ ด้วยผลงานหนังสือเด็กที่โด่งดังจนนำไปสู่การดัดแปลงเป็นภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น Matilda หรือ Charlie and the Chocolate Factory หนังสือของ Roald โดยส่วนใหญ่มักดำเนินเนื้อเรื่องผ่านตัวละครเด็ก และสะท้อนในสิ่งที่ผู้ใหญ่หลงลืมไปแล้ว ทำให้ได้รับการตอบรับอย่างมากทั้งจากเหล่าวัยรุ่นและเยาวชน ไปจนถึงผู้ใหญ่ที่ได้อ่าน
: มินิมอร์ชื่นชอบผลงานของ Roald หลายเล่มเลย และเวลาได้เห็นรูปของนักเขียนคนนี้ มักจะคิดถึงคุณตาผู้ใจดีนั่งอ่านนิทานให้หลานๆ ฟัง ข้อคิดของ Roald แม้ว่าจะไม่ได้เกี่ยวกับงานเขียนโดยตรง ก็สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองชีวิตที่ Roald มีให้กับเรื่องราวของเขา เพื่อนๆ เอง ก็สามารถเปล่งประกายออกมาจากภายในได้ จากความคิดในเชิงบวกที่จะทำให้เรามีความสุขนั่นเอง
Rock bottom became the solid foundation on which i rebuilt my life.
(ความล้มเหลวจะกลายเป็นรากฐานที่แข็งแรงเมื่อฉันเริ่มใหม่ทุกครั้ง)
เจ้าแม่นิยายแฟนตาซีผู้สร้างโลกเวทย์มนตร์ของพ่อมดน้อย Harry Potter เป็นอีกหนึ่งสาวแกร่งที่มีคำพูดโดนๆ มาสร้างแรงบันดาลใจให้สาวกทั่วโลกให้เกิดแรงฮึบที่จะทำตามความฝัน ไม่เพียงเท่านั้น J.K. Rowling ยังเป็นอีกหนึ่งคนที่ใช้ชื่อเสียงที่มี เปิดมุมมองด้านลบในหลายๆ เรื่อง ให้กลายเป็นมุมมองด้านบวก ไม่ว่าจะเป็นประเด็นต่างๆ ที่เธอสอดแทรกในงานเขียน (ตัวอย่างเช่น ประเด็นการเหยียดเชื้อชาติและสีผิว ผ่านตัวละครใน Harry Potter) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ สะท้อนความคิดที่สุดยอดของเธออยู่ตลอดเลยล่ะ
: หลายคนอาจจะมองว่า ความล้มเหลว หรือความผิดหวัง ทำให้เกิดความท้อแท้และเหนื่อยที่จะทำตามความฝัน แต่มินิมอร์ชอบความคิดของ J.K. Rowling ที่นำพลังด้านลบเหล่านั้นมาพลิกให้เป็นแรงสู้จนประสบความสำเร็จ คนเราเมื่อผ่านความล้มเหลวมาหลายครั้ง ย่อมรู้วิธีรับมือที่ดีมากกว่าคนที่ไม่เคยผิดพลาด จริงมั้ย?
If we wait until we’re ready, we’ll be waiting for the rest of our lives.
(ถ้าเรารอจนกว่าเราจะพร้อม เราก็คงจะต้องรอไปจนวันตาย)
Lemony Snicket เป็นหนึ่งในนักเขียนที่ทำตัวลึกลับซับซ้อนหาตัวยากคนหนึ่งในแวดวงวรรณกรรม เขาก็เหมือนกับหนังสือของเขานั่นแหละ เพราะวรรณกรรมเยาวชนชุด Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events ที่แปลเป็นไทยว่า อยากให้เรื่องนี้ไม่มีโชคร้าย ก็เป็นนิยายแนวปริศนาตามหาความจริงต้นเหตุของโชคร้ายที่เด็กกำพร้าสามคนต้องเจออยู่ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่อง
: ถึงแม้ว่า Lemony Snicket จะชอบทำตัวลึกลับ ชวนให้สงสัยว่าเรื่องของเขาเขียนขึ้นมาจากจินตนาการหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่ แต่ข้อคิดจากเขาหลายๆ อย่างก็กลายเป็นแรงบันดาลใจ ช่วยปลุกไฟสู้ในตัวเองได้หลายครั้งเช่นกัน อย่างเช่นตัวอย่างที่มินิมอร์เลือกมาให้กับเพื่อนๆ มินิมอร์เองก็เชื่อว่า ณ ขณะที่เราอยากจะทำอะไรสักอย่างนั่นแหละ คือช่วงเวลาที่เราพร้อมที่สุดแล้ว เพราะหากเรารอต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันที่เรา (คิดว่า) พร้อมจริงๆ เราอาจจะต้องรอจนไฟมอด หรือรอไปจนหมดแรงก็ได้ เพราะฉะนั้น หากมีเรื่องที่อยากทำ อาจจะลองเก็บเล็กผสมน้อย เริ่มทำวันละนิด จนถึงที่สุด มันก็จะต้องสำเร็จลงในสักวันหนึ่ง แต่ถ้าหากเรารั้งรอต่อไปเรื่อยๆ ความสำเร็จย่อมไม่มาถึงเราอย่างแน่นอน
ข้อคิดคำคมจากนักเขียน หลายข้ออาจเป็นเพียงแค่แนวทางในการดำเนินชีวิต แน่นอนว่า ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไปหรอก เพราะฉะนั้นเวลาที่ได้พบกับความสำเร็จจึงเป็นช่วงเวลาที่มีค่าและหอมหวานมากๆ ซึ่งนักเขียนเหล่านี้ได้เผชิญมาแล้ว เพื่อนๆ ล่ะ ได้อ่านข้อความพวกนี้แล้วไฟสู้ลุกโชนบ้างหรือยัง มาเริ่มเดินตามความฝันของตัวเองตั้งแต่ตอนนี้กันเถอะ! มินิมอร์เป็นกำลังใจให้ทุกคนเลยจ้า
เขียนโดย Minimore Trainnee : Little Swan
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in