ไอเดียดีๆ หาจากที่ไหนได้บ้าง... คำตอบคือหาได้ทุกที่เลย ในยุคนี้สมัยนี้สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าความน่าสนใจของเรื่องหรือตีมหลักก็คือความน่าสนใจของการนำเสนอ นำเสนอยังไงถึงจะปังชนะใจผู้เสพงานได้ เรามาดูตัวอย่างจากโปรเจคต์เจ๋งๆ ทั่วโลกกันดีกว่า
เอ๊ะ เรื่องเล่าอะไรจะล่องหนได้ เอาปากกาหมึกล่องหนที่เมื่อก่อนเคยฮิตกันมาเขียนรึเปล่า หรือไปยืมผ้าคลุมล่องหนมาจากแฮร์รี่ คำตอบคือไม่ใช่เลย จริงๆ แล้วมันคือโปรเจคต์การเขียนเรื่องสั้นๆ ประมาณ 15-20 คำผ่านอินสตราแกรมในรูปสีขาวที่มีแค่ชื่อโปรเจคต์ ชื่อเรื่อง ชื่อและอายุคนเขียนเท่านั้น แล้วเจ้าเรื่องสั้นที่ว่าไปอยู่ที่ไหนซะล่ะ? ใครที่จะกดเข้าไปดูในแคปชั่นรูป ขอบอกเลยว่าคุณคิดผิดแล้ว เพราะเรื่องสั้นนี้ก็อยู่ในรูปสีขาวโล่งๆ นั่นแหละ แต่ต้องกดไปที่รูปก่อนนะ เพราะคำที่ใช้เล่าเรื่อง จริงๆ แล้วมันคือชื่อยูสเซอร์ที่ถูกแท็กนั่นเอง!
"น้ำในอ่างเป็นสีฟ้าหม่น ฉันบอกไม่ได้ว่ามันหม่นเพราะผมหรือใจของฉันที่กำลังร้องเพลงบลูส์เหมือนแฟรงก์ ซินาตร้าที่กำลังเป็นหวัด” - เรื่อง Thin Man
ตัวอย่างข้างบนเขียนโดยนักเรียนในโรงเรียน 826 Valencia องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่สอนการเขียนสำหรับเด็กอายุ 6-18 ปี ตั้งอยู่ที่ซานฟรานซิสโก หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับ Dave Eggers 1 ในผู้ที่ตั้งองค์กรนี้เพราะเขาคือคนที่เขียนนิยายดังอย่างเรื่อง The Circle และ A Hologram for the King ที่มีแปลเป็นภาษาไทยและจะมีเวอร์ชั่นภาพยนตร์ออกมาให้แฟนๆ ชมกันทั้งคู่
เห็นมั้ยนอกจาก Eggers จะเขียนหนังสือแล้วยังมีไอเดียทำองค์กรและโปรเจคต์เจ๋งๆ แบบนี้อีก เท่ฝุดๆ ไปเล้ย ความเจ๋งของโปรเจคต์นี้ก็คือการนำฟังก์ชั่นการแท็กกันในอินสตราแกรมมาใช้นี่แหละ จากฟังก์ชั่นปกติที่เราใช้ไว้แท็กเพื่อนกลับเอามาใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องได้
2. Honest Tea = Honesty บางคนที่เป็นขาประจำยูทูปอาจจะเคยเห็นหน้าของสองคนนี้มาบ้างแล้ว คือ Rhett และ Link นั่นเอง ทั้งสองคนเป็น youtuber ที่เริ่มต้นจากการสร้างวิดีโอจนตอนนี้มีบริษัทที่มีพนักงานพอสมควร โดย channel ของ 2 คนนี้มักจะนำเสนอคอนเทนต์สนุกๆ ที่คาดไม่ถึง มาวันนึงก็โพสต์คลิปชื่อ ‘Just being Honest’ ลงบน Youtube
VIDEO
ตัวคลิปเป็นเรื่องของเพื่อนสองคนมานั่งคุยกันอยู่ในร้าน Wendy’s ร้านอาหารเฟรนไชส์ใหญ่ในอเมริกาแล้วมีเพื่อนอีกคนโทรมาพอดี สองคนนี้รีบบอกปัดๆ โกหกไปว่าติดธุระ ทีนี้นางผู้หญิงสองคนข้างหลังก็คุยกันว่า เธอๆ ไม่มีอะไรที่ฉันชอบมากไปกว่าความซื่อสัตย์ (Honesty) แล้วล่ะ พอเรทท์กับลิงค์ได้ยินก็ เออ...หรือว่าเราต้องกลับตัวเป็นคนซื่อสัตย์นะ วิดีโอทั้งคลิปก็เป็นการที่ทั้งสองคนไปแรพใส่คนที่เคยพูดโกหกใส่ เช่น "วันก่อนที่ฉันบอกโอเค จริงๆ ไม่โอเคนะ! ที่เรียกว่า man เพราะฉันจำชื่อแกไม่ได้ ก็ไม่ได้อะไรมาก แค่พูดตรงๆ *ยักไหล่*"
ปรากฏว่าตอนจบถึงเพิ่งมารู้ว่าที่ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าอยากได้ไม่ใช่ Honesty แต่เป็น Honest Tea เมนูเครื่องดื่มใหม่ในร้าน (Pun intended นะจ๊ะ)
อ้าว สรุปนั่งดูแรพทั้งคลิป จริงๆ เป็นโฆษณาเหรอเนี่ย แต่ถ้าเทียบดูแล้วเป็นโฆษณาที่สนุกมากนะ เรามักจะเห็นบางโฆษณาที่เป็นการโฆษณาสินค้าเข้ามาตรงๆ จนเสียอารมณ์ บางโฆษณาซาบซึ้งมากแต่ก็ยังหาจุดเกี่ยวเนื่องกับตัวสินค้าไม่ได้ เรียกว่ามาทำให้รู้ชื่อแบรนด์เฉยๆ แต่โฆษณาอันนี้เป็นการเอาตัวสินค้ามาเล่นกับการโฆษณาแล้วครีเอทเป็นวิธีนำเสนอที่น่าสนใจ ดูแล้วรู้สึกสนุก3. บอกยังไงดีว่าเซ็กส์เสื่อม มาที่ของไทยกันบ้าง หลายคนคงเห็นซองบุหรี่อันนี้ตามแผงบุหรี่หลังแคชเชียร์เซเว่นที่อัดแน่นไปด้วยซองบุหรี่กับภาพโทษองบุหรี่อันสยองขวัญ
กระทรวงสาธารณสุขมีบังคับตั้งแต่หลายปีก่อนว่าซองบุหรี่จะต้องมีคำเตือนเรื่องโทษของบุหรี่ สายด่วนเลิกบุหรี่ และภาพเตือนโทษ มีสถิติออกมาบอกว่ารูปน่ากลัวเหล่านี้ทำให้คนอยากสูบบุหรี่ลดลง
กำลังนึกภาพก่อนจะเป็นภาพนี้ คนคิดรูปนี้ว่าได้โจทย์เรื่องภาพเกี่ยวกับโทษของบุหรี่มาคงคิดไม่ยากเท่าไหร่ ก็ใช้รูปผู้ป่วยสิ โรคปอดโรคเปิด แต่ถ้าโทษจากบุหรี่ทำให้เซ็กส์เสื่อมล่ะ...จะใช้รูปไรดี จนออกมาเป็นภาพนี้ เก๋ดีนะ เป็นสัญลักษณ์บอกว่าถ้าสูบบุหรี่แล้วจะเซ็กส์เสื่อมนะ ถึงไม่มีข้อความบอกก็ดูเข้าใจง่ายดี และไม่ต้องใช้รูปน่ากลัวๆ ถึงจะมีก็จริง แต่ไอเดียการใช้ภาพสัญลักษณ์ นำเสนอแทนที่จะพูดออกมาตรงๆ เป็นวิธีที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยในแพคเกจสินค้าไทยๆ ที่ขายทั่วไปตามท้องตลาด
4. ตราบลมหายใจสุดท้าย...จริงๆ **เนื้อหาวิดีโอไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อน** VIDEO
"กายที่เธอมองเห็นว่างาม สุดท้ายความเสื่อมทรามจะมาพรากไป ร่วงโรยลงในสายธาร ยามกาลเวลาหมุนไป ชีวิตต้องแตกสลายไม่มีเที่ยงแท้"
เนื้อเพลงกับเสียงหวานๆ ของพี่ปานดังแว่วมาตามวิดีโอแต่พอมองตัววิดีโอกลับไม่หวานตาม แต่รับรู้ได้ถึงรสขื่นขมของชีวิต เริ่มแรกของวิดีโอเป็นภาพผู้หญิงสวยงาม แต่สักพักก็ค่อยๆ เสื่อม เกิดแก่เจ็บตาย จนร่างกายค่อยๆ เน่าเปื่อย มีหนอนไชและสลายไปในที่สุด
เนื้อเพลงอาจจะพูดตรงๆ ให้ถึงสัจธรรมของพุทธศาสนาที่ว่าไม่มีอะไรเที่ยง แต่จะมีงานกี่ชิ้นที่นำเสนอภาพเน่าเปื่อยของมนุษย์ประกอบกับเพลงแบบนี้ มิวสิควิดีโออันนี้จัดทำขึ้นโดย บัวลอย ทีมเวิร์ค องค์กรไม่แสวงผลกำไร เป็นกลุ่มจิตอาสาภายใต้การดูแลของโครงการปทุมมามหาสิกขาลัย วัดปทุมวนารามร่วมกับ ปาน ธนพร
มนุษย์เราบางทีก็มองความตายเป็นเรื่องไกลตัว แม้จะผ่านหูผ่านตาแทบทุกวัน มิวสิควีดีโอนี้มาช่วยเตือนให้รู้ว่าความตายมันไม่ได้ไกลขนาดนั้นนะ การนำเสนอคอนเซปต์ด้านความตายสอดคล้องกับทุกศาสนา ไม่ใช่แค่ศาสนาพุทธ ทำให้วิดีโอชิ้นนี้กระจายตัวเร็วมาก ก็ถือว่าประสบความสำเร็จนะ
5. S by J. J. Abrams and Doug Dorst
มินิมอร์มาแนะนำหนังสืออีกแล้วหรอ ใช่จ้ะ แต่นี่ไม่ใช่หนังสือธรรมดานะ นี่คือนิยายซ้อนนิยาย! อาจจะคุ้นชื่อ J.J. Abrams กันบ้างในฐานะผู้กำกับ แต่ S คือเรื่องราวเกี่ยวกับนักศึกษาชื่ออีริคและเจนนิเฟอร์ กับหนังสือเรื่อง Ship of Theseus โดย V.M. Straka (รูปเล่มหนังสือในกล่อง) ในแพคเกจของ S มีโน้ตและข่าวแทรกตามหน้าต่างๆ โดยทุกอย่างจะเชื่อมโยงกันและผู้อ่านมีหน้าที่เชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน (ฟีลโคนันก็มา)
ในยุคสมัยที่อีบุ๊กกำลังมาแรงขนาดนี้ คนมักจะพูดว่า "หนังสือตายแล้ว" ไม่จริงหรอก ตราบใดที่ยังมีคนคอยสร้างสรรค์ผลงาน และใช้วิธีนำเสนอที่ต้องอาศัยหนังสือ หนังสือไม่มีวันตายหรอก แล้วยิ่งหนังสือที่เรามีส่วนร่วมด้วยแล้ว ยังกับเกมไขคดีอย่างไงอย่างงั้นเลย
6. อะไรในรูป hiderin5star
เวลาเลื่อนหน้าไอจี (instragram) ไปเรื่อยๆ เราก็ชอบมองอะไรสวยๆ งามๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพคน ภาพสถานที่ ภาพเพื่อน ภาพดารา พอกดเข้าไปไอจีใครเห็นคนนั้นมีการคุมโทน คุมตีมก็รู้สึกตื่นเต้น...พอมินิมอร์เห็นไอจีของคุณ hiderin5star ชาวญี่ปุ่นหลังจากเพื่อนในออฟฟิศแนะนำมาก็เป็นแบบนั้น เพราะทุกๆ รูปในนี้จะต้องมีแอปเปิ้ลประกอบอยู่ด้วยตลอดพร้อมกับผู้หญิงน่ารักๆ และฉากโทนสีสวย
พอดูแล้วก็รู้สึกมีอินสไปเรชั่นให้ลองทำอะไรแบบนี้บ้างเลย อยากลองซ่อนตีมอะไรไว้สักอย่างแล้วรอดูว่าจะมีคนมาเห็นอะไรในภาพ ในงานเขียนของเรารึเปล่า
ในภาพธรรมดาที่เรามองอยู่ทุกวัน อาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้นะ
7. คนสร้างเรื่อง Building Stories By CHRIS WARE
มาแนะนำหนังสืออีกเล่ม คงจะสงสัยกันว่ามันเป็นหนังสือยังไง เห็นแต่อะไรแยกส่วนกันเต็มไปหมด ทำไมในรูปหน้าหนังสือดูไม่ปะติดปะต่อกัน คำตอบคือ เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ปะติดปะต่อกันน่ะสิ! (นี่ตอบแล้วหรอ)
หนังสือเล่มนี้ชื่อ Building Stories ก็ตรงตัว คือการสร้างเรื่องจริงๆ และเป็นเรื่องใน Building (อาคาร) จริงๆ เพราะเรื่องนี้เป็นการ์ตูนเกี่ยวกับชีวิตคนที่อาศัยในอพาร์ตเมนต์ที่ชิคาโกของ หญิงวัย 30 กว่า คู่รัก รวมถึงหญิงชราเจ้าของอพาร์ตเมนต์ โดยเรื่องจะเริ่มหรือจบที่ตรงไหนก็ได้แล้วแต่ผู้อ่าน
เห็นมั้ย หนังสือไม่จำเป็นว่าจะต้องมีไว้แค่อ่านก็ได้นะ เอามาต่อเล่น เรียงร้อยเรื่องเองก็ได้ ใครบอกหนังสือตายแล้ว ไม่จริ๊ง!
8. ชอบกดไลค์ใช่กดแชร์นี่ Cyberbullying นะรู้เปล่า
หลายๆ คนคงจะเห็นวิดีโอที่คนแชร์กันกระหน่ำของ Dtac ที่ออกมารณรงค์ให้คนตระหนักถึงภัยของ Cyberbullying หรือการกลั่นแกล้งรังแกกันทางอินเตอร์เน็ตมากขึ้น เป็นหนังสั้นที่กำกับโดยเต๋อ นวพล ผู้กำกับหนังเรื่องฟรีแลนซ์เกี่ยวกับการแชร์เรื่องราวในอินเตอร์เน็ต และนิสัยความอยากรู้อยากเห็นของคนทั่วไป
กิมมิกของวิดีโอนี้คือ วิดีโอนี้ไม่ใช่หนังทั่วไปนะ เพราะไม่ต้องดูจนจบก็ได้! ในคลิปจะมีฉากที่กรกระทำของตัวละครจะสามารถเปลี่ยนอนาคตของตัวละครอีกตัวและเนื้อเรื่องได้เลย ขึ้นอยู่กับคนดูว่าจะเลือกแบบไหน กดหยุด แล้วคลิกเพื่อเลือกตอนจบอีกแบบ หรือดูต่อไปจนจบในคลิปเดิม
(มินิมอร์ดูทั้งสองคลิปจ้า มีเท่าไหร่เอามาให้หมด)
การกระทำของเรากับในคลิป ก็เหมือนกับนิสัยการเสพสารทั่วไปในอินเตอร์เน็ต จะกดหยุด กดปิด หรือกดแชร์ให้เป็นเรื่องสนุกสนานของตัวเองและเพื่อนๆ ในไทม์ไลน์ อยากได้แบบไหนถามใจตัวเองดู
นอกจากนี้ยังมีคนรวบรวมบรรดาคลิปโฆษณาไทยที่น่าสนใจอีกนะ ใครลองไปตามได้
9. รูปเก่าเล่าเรื่องใหม่ Miss Peregrine’s Home for Peculiar Children
แนะนำหนังสืออีกเล่มก่อนจากกัน คราวนี้หนังสือไม่ได้ตัดได้ต่อได้ มาพร้อมโน้ตแต่อย่างใด แต่หนังสือเล่มนี้มาพร้อมรูป! อะ คงสงสัยว่าแล้วจะตกใจทำไม หนังสือปกติก็มีรูปประกอบเยอะจะตาย ลองมาตัวอย่างรูปในเล่มก่อน
พอพูดชื่อเรื่องแล้วคงจะ อ๋อ หนังสือที่กำลังจะเป็นหนังไง หรือ อ๋อ หนังสือที่มีคนรีิวิวใน Makers เมื่อวันก่อนไง (
บ้านพักพิงของเหล่าเด็กกลายพันธุ์ โดย menalin) อาจจะมีคนคุ้นรูปสองแฝดจากเทรลเลอร์ Miss Peregrine’s Home for Peculiar Children กันมาบ้าง แต่รู้รึเปล่าว่ารูปพวกนี้ไม่ได้ทำขึ้นเพื่อนิยาย แต่เป็นรูปที่มีอยู่จริงมาก่อนแล้ว?
Ransom Riggs คนเขียนเล่าไว้ใน
Huffingtonpost ว่าพวกรูปเก่าๆ พวกนี้ก็มาจากรูปที่เขาสะสมนั่นแหละ ซื้อมาจากร้านขายบ้าง ตามตลาดนัดบ้าง โดยนิยายเรื่องนี้เลือกจากรูปที่ "รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าแปลกตรงไหน รูปที่ต้องกลับไปมองซ้ำรอบสองแล้วก็รอบสามจนแทบจะพาให้ฝันดีก็ไม่ใช่ร้ายก็ไม่เชิง ภาพที่เหมือนจะ
จ้อง เราจากอีกฝั่งหนึ่งของห้อง"
ฟังแล้วน่าสนใจเลยใช่มั้ย บางทีงานใหม่ๆ ที่เกิดอาจจะไม่ได้มาจากอะไรที่ใหม่เลยก็ได้นะ หนังสือเล่มนี้สร้างเรื่องราวน่าสนใจจากภาพที่เคยเห็นผ่านตาใครมาบ้างสิบปียี่สิบปี แต่มีความหมายใหม่พอถูกสอดคล้องกับพล็อตเรื่องที่น่าสนใจ
10. แชร์สายรุ้งกับ Skittles
เอ๊ะ ทำไมเจ้า Skittles ลูกกวาดหลากสีคล้าย m&m ถึงมีแต่สีขาวดำ มีรสใหม่ออกวางขายในตลาดรึเปล่า จริงๆ แล้ว Skittles สีขาวที่เห็นเป็น Skittles พิเศษเฉพาะสำหรับงานพาเหรดขบวน LGBTQ ในลอนดอน พร้อมกับวิดีโอโปรโมตที่ว่า สีรุ้งที่ควรเป็นที่สนใจและสำคัญที่สุดในงานน่าจะมีอยู่ที่เดียวเท่านั้น ก็คือสีรุ้งของเหล่าขบวนพาเหรดนั่นเอง
VIDEO
หลายคนออกมาแสดงความเห็นว่านี่เป็นการตลาดไง เพราะเทรนด์ตอนนี้กำลังพูดถึงคนกลุ่มเพศหลากหลายมากขึ้น Skittles จะมาเกาะกระแสล่ะสิ
เป็นเรื่องปกติที่แบรนด์ต่างๆ จะใช้กระแสเพื่อเพิ่มกำไรให้สินค้าตัวเอง สินค้าหลายชนิดติดสีรุ้ง แต่ก็เป็นเรื่องดีนะที่แม้แต่พื้นที่การตลาดก็เริ่มให้ความสำคัญกับคนกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่คนกลุ่มใหญ่ เป็นการช่วยกระตุ้นการรับรู้เรื่องการมีอยู่ของกลุ่มคนเพศหลากหลาย
การนำเสนอแบบนี้เลยมองได้ว่าได้กำไรทั้งสองฝั่ง ทั้งตัวสินค้าเองและกลุ่ม LGBTQ เอง เป็นการใช้กิมมิกที่ครีเอท คนสนใจกันเพียบเพราะพอเห็นคนก็ต้องอยากรู้ว่า เอ๊ะ สีรุ้งหายไปไหน
การนำเสนอ การเชื้อชวนคนให้เข้ามาสนใจงานของเราไม่ได้มีแค่วิธีใช้ clickbait นะ ใครอยากเขียนหรือสร้างโปรเจคต์อะไรอาจจะไม่ต้องคิดถึงเรื่องไกลตัวเลย เรื่องใกล้ตัวที่เราเห็นจนชินตาอาจจะกลายเป็นเรื่องน่าสนใจไม่จำเจก็ได้ถ้าลองใช้กิมมิกที่คนอื่นคาดไม่ถึง เพื่อนคนไหนดูแล้วไฟแรง อยากเขียน อยากถ่าย อยากวาด พื้นที่ Makers กำลังรอให้มาแต่งแต้มสีสันกันนะ มาเล่นกันเถอะ มาเล่นกันเถอะ :>
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in