"I used to dream about escaping my ordinary life, but my life was never ordinary. I had simply failed to notice how extraordinary it was. Likewise, I never imagined that home might be something I would miss."
- Jacob (p. 351)
"Miss Peregrine's Home for Peculiar Children"
ผู้เขียน: Ransom Riggs
Quirk Books, 2013
สิ่งแรกที่เตะตาดึงดูดความสนใจคือหน้าปก ตอนแรกที่เห็นหนังสือเล่มนี้เราเข้าใจว่ามันคือนิยายผี จนมาเห็นตัวอย่างหนังถึงได้รู้ว่าไม่ใช่ โถ ก็เล่นทำปกเป็นรูปขาวดำดูหลอน ๆ แบบนี้ก็น่ากลัวอยู่นะคุณ
"Miss Peregrine's Home for Peculiar Children" หรือในชื่อภาษาไทยว่า "บ้านหลอน เด็กประหลาด" (แปลโดย วิกันดา จันทร์ทองสุข, สนพ. แพรวเยาวชน) กล่าวถึงเรื่องราวของ Jacob เด็กหนุ่มผู้เติบโตมากับเรื่องเล่าและภาพถ่ายของกลุ่มเด็กมหัศจรรย์ในบ้านเด็กกำพร้าที่ปู่ของเขาเคยอาศัยอยู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อครั้งยังเด็กเขาเชื่อเรื่องพวกนี้อย่างสนิทใจ และเฝ้าฝันถึงการผจญภัยของตัวเอง แต่พอโตขึ้นเขาก็ต้องเจ็บปวดเมื่อพบว่ามันเป็นได้แค่นิทานหลอกเด็ก
วันหนึ่งขณะกำลังทำงานพิเศษเขาได้รับโทรศัพท์จากปู่ผู้เริ่มมีอาการเลอะ ๆ เลือน ๆ และมักจะโวยวายถึงอันตรายจากสัตว์ประหลาดที่ตามล่าตัวเขาอยู่ เมื่อ Jacob ไปถึงบ้านพักของปู่ก็พบว่าปู่เขาถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตลงในวันนั้นเอง ก่อนตายปู่ขอร้องให้เขาเดินทางไปยัง "เกาะ" ตามหา "นกในอีกช่วงเวลาหนึ่ง" มีเพียงไปที่นั่นเท่านั้น Jacob ถึงจะปลอดภัย
Jacob เสียใจกับการจากไปของปู่มาก ตำรวจสรุปว่าปู่ของเขาอาจโดนสัตว์ป่าทำร้าย แต่ "บางสิ่ง" ที่ Jacob เห็นในวันนั้นไม่ใช่แค่สัตว์ป่าทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขา Jacob ฝันร้ายทุกคืน พ่อกับแม่ของ Jacob ตัดสินใจพาเขาไปพบจิตแพทย์และตัวเขาเองก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเขาต้องการความช่วยเหลือนี้
เมื่อได้รับคำแนะนำจากจิตแพทย์ให้แก้ปริศนาคำขอสุดท้ายของปู่ซึ่งอาจเป็นปมที่ติดค้างอยู่ในใจของ Jacob เขากับพ่อเดินทางไปยังเกาะซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านพักที่ปู่ของเขาเคยพักอยู่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก บนเกาะแห่งนี้คือจุดเริ่มต้นของเรื่องเล่าและภาพถ่ายของเด็กประหลาดของสะสมของปู่ Jacobตั้งใจค้นหาเรื่องราวและชีวิตอันยากลำบากของปู่ผู้ล่วงลับ เพื่อแก้ไขบางสิ่งบางอย่างที่ติดอยู่ในใจของเขาซึ่งอาจเป็นความรู้สึกผิด และแก้ปริศนาคำสั่งเสียสุดท้าย แต่เรื่องเล่าและภาพถ่ายพวกนั้นจะเป็นเพียงแค่จินตนาการที่ปู่ของเขาปั้นแต่งขึ้นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ หรือ? Jacob กำลังจะได้พบกับคำตอบในไม่ช้า...
ตัดสินใจซื้อฉบับภาษาอังกฤษมาอ่านเพราะตอนที่ลองอ่านหน้าแรก ๆ มันก็พอจะเข้าใจ ศัพท์ดูไม่ยากเท่าไร แต่พออ่านเข้าจริง ๆ ปรากฏว่าศัพท์ที่เราไม่รู้จักมันเยอะ บวกกับขี้เกียจเปิดดิกฯ บทบรรยายก็เยอะเสียด้วยสิ สุดท้ายเลยอ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เดี๋ยวไว้ค่อยหาฉบับภาษาไทยมาอ่านเก็บรายละเอียดอีกทีทีหลัง
แนวทางในการนำเสนอเรื่องแปลกดี ผู้เขียนใส่ภาพประกอบเข้ามาสลับกับเนื้อเรื่อง โดยให้ Jacob เป็นไกด์พาเราตามไปผจญภัยด้วยกัน พอมีภาพประกอบมันก็เลยดูสมจริงมากขึ้นอะนะ (ภาพพวกนี้เป็นภาพถ่ายโบราณจริง ๆ ของสะสมของผู้เขียน) ช่วงแรก ๆ เราว่าเรื่องมันค่อนข้างจะอืด ๆ น่าเบื่ออยู่สักหน่อย แต่ก็อาจจะเป็นเพราะเราอ่านไม่ค่อยเข้าใจด้วยแหละ (อย่างที่บอกว่าติดอุปสรรคเรื่องภาษา) พอเข้าสู่ช่วงที่เดินทางไปเกาะแล้วนั่นแหละ ถึงเริ่มสนุกขึ้นมีปริศนาอะไรให้ลุ้น ให้ประหลาดใจ โดยรวมแล้วเราให้คะแนนอยู่กลาง ๆ อ่านได้เพลิน ๆ อ่อ เรื่องนี้มีภาคต่อนะ ชื่อ Hollow City หรือ เมืองหลอน เด็กประหลาด ในฉบับภาษาไทย ตีพิมพ์โดยสนพ. แพรวเยาวชน (ค่อนข้างตะหงิด ๆ กับการใช้คำว่าเด็กประหลาดของสนพ. แพรวเยาวชนนิดหน่อย ใช้คำว่าเด็กมหัศจรรย์แทนฟังดูรื่นหูกว่ามั้ง)
อ่าน ๆ แล้วก็นึกถึงซีรี่ส์เรื่อง American Horror Story Season 4 Freak Show ฝรั่งเขาจัดกลุ่มคนแบบเด็ก ๆ พิเศษในเรื่องอยู่ในหมวดสยองขวัญเลยแฮะ ไม่รู้ทำไมมันถึงดูน่ากลัวขนาดนั้น แต่เด็ก ๆ ในเรื่องนี่มหัศจรรย์กว่าตัวละครในซีรี่ส์นะ บางคนปล่อยไฟได้ ลอยได้ มนุษย์ล่องหน ฯลฯ ออกแนวมนุษย์กลายพันธุ์ X-Men มากกว่า เราแอบเรียกเล่น ๆ ว่า X-Children ไม่รู้ศาสตราจารย์ X จะมาปรากฏตัวในภาคต่อไหม
ตอนนี้ก็รอดูฉบับภาพยนตร์ Miss Peregrine's Home for Peculiar Children หรือ บ้านเพริกริน เด็กสุดมหัศจรรย์ ผลงานการกำกับของเฮียทิม เบอร์ตันที่กำลังจะเข้าฉายในบ้านเราช่วงสิ้นปีนี้แหละ แต่ตอนนี้เริ่มปล่อยตัวอย่าง กับโปสเตอร์ออกมายั่วน้ำลายกันแล้ว ซึ่งบทของ Jacob นั้นได้ Asa Butterfield มาแสดง ถ้าใครเคยดู Hugo หรือ Ender's Game น่าจะพอคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่ (หล่อขึ้นเยอะเลยอ่ะ ป้าใจคอไม่ดี 55) สีสันในหนังนี่สดใสดีจริงเชียว และน่าจะมีการปรับเปลี่ยนบทไปพอสมควร อย่างในหนังสือเด็กหญิงที่ตัวลอยได้นั้นไม่ค่อยจะมีบทสำคัญมากนัก และแทบจะไม่ได้ใกล้ชิดกับ Jacob เลย แต่เป็น Emma เด็กสาวที่มีพลังไฟที่จะเด่นมากกว่า และสนิทกับพ่อหนุ่มตัวเอกของเรามากกว่า แต่ถ้าดูตัวอย่างหนังกันแล้วจะเห็นว่า The Levitating Girl รับบทนำแทนแม่สาวพลังเพลิงไปเลย (เราแอบดีใจตรงจุดนี้ เพราะเราไม่ค่อยชอบที่ Emma ใกล้ชิดกับ Jacob แบบในนิยายเท่าไร เหตุผลขออุบไว้ เพราะมันสปอยล์ ใครอ่านแล้วอาจจะพอเดาได้ถ้าคุณรู้สึกแบบเดียวกับเรา) ซึ่งบทของ Emma ก็ยังมีอยู่ในฉบับภาพยนตร์นี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าบทจะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in