เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
FROM, TOgiftmeme
ตอบฉบับที่ 3
  • 15 พฤศจิกายน


    สวัสดีนิล


    แน่นอนว่าเรารออยู่

    แม่ของเราก็ยังดูออกทั้งที่เรายังไม่ได้พูดอะไร น่าจะเป็นเพราะเห็นเราเปิดกล่องจดหมายหน้าบ้านทั้งตอนก่อนไปโรงเรียนและตอนเย็นเวลากลับมาบ้าน รู้ทั้งรู้ว่าไปรษณีย์ไม่ได้ส่งจดหมายตอนกลางคืน  แต่พอตอนเช้าเราก็อดใจเปิดดูอีกสักหนไม่ได้ นิลคงพอจะเดาออกว่ามันว่างเปล่าเหมือนครั้งสุดท้ายที่เห็น อาจจะเรียกว่าเป็นความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ก็ได้ ที่คิดว่าอาจมีคนเอาจดหมายที่บังเอิญหลงไปกับบ้านอื่นมาใส่ไว้ตอนที่เรายังไม่ตื่น เราทำแบบนั้นอยู่นานเลย จนกระทั่งแม่พูดขึ้นมาว่าของที่เรารอคอยมักจะมาในตอนที่เราลืมไปแล้วว่ารออยู่ ถ้าคิดแบบนั้นแล้ว ต่อให้สิ่งนั้นไม่มีวันมาถึงเลยก็คงไม่เป็นไร ในเมื่อเราไม่ได้คิดอะไรถึงมันอีก แม่คงอยากให้จิตใจของเราสงบลง แต่ก็เหมือนจะบอกให้มีหวังและพร้อมสิ้นหวังไปพร้อม ๆ กันเลย 

    หลังจากนั้นเราก็ลืมไปได้พักหนึ่งจริง ๆ เพราะมีเรื่องกีฬาสีให้คิด จะว่าไปแล้วก็น่าเสียดายที่ไม่ได้อ่านจดหมายของนิลก่อนหน้านั้น อย่างน้อยมันน่าจะทำให้เรารู้สึกว่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวบนโลก เพราะเราเองก็ลองทำอย่างที่นิลเสนอให้ทำไปแล้ว ทั้งต่อรอง ทั้งบอกทุกคนไปตรง ๆ ว่ากำลังเห็นแก่ตัวอยู่ แต่สุดท้ายผลลัพธ์ยังเหมือนเดิม ที่แย่กว่าการรู้ว่าเหตุผลเอาชนะอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้ ก็คือการค้นพบว่าไม่มีใครกล้าแย้ง กล้าสงสัย หรือส่งสัญญาณให้รู้ว่าเราไม่ได้โดดเดี่ยวเลยสักคน พอเราเดินออกจากห้องไปเพราะทนอยู่ต่อไม่ไหวอีกแม้แต่นาทีเดียว ทุกอย่างก็ยังดำเนินต่อไปเหมือนเรื่องราวก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไม่ต่างจากขบวนพาเหรดที่นิลเห็นผ่านตาไปหรอก พอพ้นวันเสาร์อาทิตย์ทุกคนก็ไม่พูดอะไรถึงมันอีกในวันจันทร์ มีแค่รูปภาพติดบอร์ดประชาสัมพันธ์หลังจากนั้นนิดหน่อย โชคดีที่เราดึงรูปตัวเองออกมาได้ทันตอนที่ช่วยฝ่ายโสตฯ ทำงาน ไม่อย่างนั้นมันคงทำให้เราพะอืดพะอมทุกครั้งที่เห็นเพราะเป็นหลักฐานตอกย้ำว่าเราพ่ายแพ้แล้ว ขี้ขลาดกันหมดแบบที่นิลบอกจริง ๆ 

    ตอนนี้เราโตเกินจะร่วมขบวนหนูน้อยนพมาศแล้ว ไม่อย่างนั้นเหตุการณ์แบบตอนกีฬาสีก็คงเกิดขึ้นอีก ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่เมื่อก่อนเราเป็นเด็กไม่รู้ประสาและปล่อยให้ครูจับแต่งตัวตามใจชอบ ถ้าหลับตาทำแบบนั้นต่อไป คงไม่ต้องฟังเขาพูดว่า "นลินของครูโตแล้ว" ซึ่งมีความหมายเท่ากับ "นลินของครูไม่ยอมทำตามคำสั่งอีกแล้ว" พวกเขาคิดว่านี่คืออาการต่อต้านตามวัย เหมือนที่หนังสือสุขศึกษานิยามช่วงวัยรุ่นว่าเป็นวัยขบถที่เดี๋ยวเวลาผ่านไปก็หาย เพราะอย่างนั้นหรือเปล่า คนที่โตกว่าเลยไม่เคยถือความคิดเห็นของเราเป็นจริงเป็นจัง 

    ขอโทษนะที่เอาแต่ระบายอารมณ์อยู่ฝ่ายเดียว ในย่อหน้าก่อน เราบอกใช่ไหมว่าลืมเรื่องจดหมายของนิลไปได้พักหนึ่ง แต่ว่าช่วงเวลาหลังเจอเหตุการณ์ทำนองนี้แหละที่เราจะคิดถึงมัน เพราะรู้สึกว่าไม่มีใครสามารถรับฟังเราจากใจจริงได้เท่ากับคนที่ไม่เคยเจอหน้ากันอีกแล้ว เราอาจเข้าข้างตัวเองจนเผลอคาดหวังว่านิลจะคิดแบบเดียวกันหมดก็ได้ แต่อย่างน้อยโครงการเขียนจดหมายนี้ก็ยกผลประโยชน์ให้พวกเราเป็นคนสื่อสารทางเดียวได้เต็มที่ในช่วงเวลาหนึ่ง ยิ่งได้มาอ่านจดหมายของนิลที่เฉลยทุกอย่างว่าทำไมถึงใช้เวลานานกว่าจะมาถึง เราก็ยิ่งมั่นใจในความเชื่อนั้นเข้าไปอีก จากนั้นก็รู้สึกขอโทษที่ทำให้นิลต้องกระวนกระวาย จากนั้นก็รู้สึกขอบคุณจากใจจริง การเขียนจดหมายกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างที่นิลบอกเพราะว่าเราเคารพกันและกัน อาจฟังดูยิ่งใหญ่อลังการไปหน่อย แต่เราคิดแบบนั้นจริง ๆ

    เรื่องก่อนหน้านั้น เราไม่ได้โกรธนิล แต่เราแค่กลัว ถ้านิลจะผิดหวังกับคู่เขียนจดหมาย เราก็อยากให้นิลผิดหวังเพราะตัวเราในจดหมาย ซึ่งพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเป็นตัวเราอย่างที่เป็นจนถึงที่สุด เพราะอย่างนั้นนิลไม่จำเป็นต้องขอโทษเราเลย ไม่อย่างนั้นก็คงต้องขอโทษกันไปมาทั้งคู่ อีกอย่าง เราไม่คิดจะลงโทษนิลด้วยการปล่อยให้รอจดหมายนานด้วย รู้สึกว่าความคลุมเครือของเราทำให้เสียเวลาไปมากเลย ถ้าได้อ่านคำปรึกษาของนิลหรือฟังแผนการวันลอยกระทงก่อนหน้านั้น มันจะดีแค่ไหนนะ 

    เราไม่ได้ไปลอยกระทง แต่เพราะบ้านอยู่ริมแม่น้ำก็เลยเห็นงานที่วัดและแสงเทียนวูบวาบไหลไปตามน้ำ ถึงพระจันทร์วันนี้จะไม่กลมโตเท่ากัน แต่วันนั้นเรากับนิลมองพระจันทร์ดวงเดียวกันแน่นอน

    ยังคงอยากรู้จักนิลเสมอ จะรอจดหมายฉบับถัดไปนะ



    ด้วยความขอบคุณ
    นลิน





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
verywhalee (@verywhalee)
ความคิดลินละเอียดอ่อนและลึกซึ้งมากค่ะ ได้อ่านแล้วก็ได้ฉุกคิดหลายๆเรื่องเหมือนกันy__y