1
"ตื่นเต้นหน่อยสิ" เพื่อนบอกเมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเดินทางเข้ามาทุกทีแต่เราก็ยังไม่กระตือรือร้นจัดกระเป๋า
"แกไปอยู่ 1 ปีนะ ไม่ใช่ 1 อาทิตย์" อันนี้พี่ด่า
คำตอบที่เราให้ทุกคนเหมือนกัน
"ก็ดูตื่นเต้นแทนกันหมดแล้ว นี่เลยไม่ตื่นเต้นเลย"
2
คนอื่นๆ บนเครื่องเริ่มหลับเมื่อหนังเรื่องแรกที่เราดูจบลง ที่จริงก็เริ่มเข้าวันใหม่ตามเวลาไทยมาสองชั่วโมงแล้ว
ส่วนเวลาของจุดหมายปลายทางที่ห่างจากไทย 4 ชั่วโมงก็คงเช้าตรู่พอดี
เรายังไม่หลับ...
เปล่าๆ ไม่ตื่นเต้น บอกแล้วไงว่าคนอื่นตื่นเต้นแทนไปหมดแล้ว
เพียงแต่โดยปกติเราเข้านอนตอนเช้าของเวลาไทย
นอนไม่หลับมือก็เลื่อนเปิดมีเดียในเครื่องวนดูไปเรื่อยๆ เบื่อหนังก็ฟังเพลง จนสายตาปะทะเข้ากับ Playlist เพลงญี่ปุ่น
เลื่อนมาเรื่อยๆ จนสายตาหยุดอยู่ที่เพลงเพลงหนึ่งของศิลปินโปรด コブクロ (Kobukuro)
何故、旅をするのだろう (naze, tabi wo suru no darou)
"ทำไมเราถึงออกเดินทางกันนะ?"
ท่ามกลางความเงียบงันและเสียงกรนเบาๆ จากที่นั่งข้างๆ
คำถามจากชื่อเพลงดังก้องอยู่ในหัว
3
"Far away from home, there is another sky tells all"
...ห่างไกลบ้าน อีกฝืนฟ้าหนึ่งบอกเราทุกสิ่ง...
จะมีคำตอบให้ทุกสิ่งจริงเหรอ?
ไม่...เราไม่รู้หรอก
หลังจากออกจากงานเดิมมาเป็นฟรีแลนซ์อยู่ได้สักสองปี เราเริ่มเบื่อ
เราว่าความเบื่อเป็นสิ่งหนึ่งที่ฟรีแลนซ์หลายๆ คนต้องเจอ คือเบื่อหางาน เบื่องานเร่ง เบื่อลูกค้าเบี้ยวทั้งงานและเงิน (เรื่องเบี้ยวเงินเราโดนมาจนเพลียจิต)
แต่ที่น่าเบื่อมากที่สุดสำหรับเราคือการไม่ได้เจอคนใหม่ๆ
ฟรีแลนซ์ต้องทำงานกับตัวเองมากกว่าทำงานกับคนอื่น โอกาสในการได้พบปะเจอะเจอคนใหม่ๆ หรือแม้แต่เจอเพื่อนจึงค่อนข้างน้อยจนน่าตกใจ อย่างหลังนี่ได้เจอกันทีแทบจะจุดพลุฉลองกันเสียที
เบื่อๆ เลยหาทางหนีออกจากประเทศ
ไปเดินทาง...มันก็อยู่ได้แป๊บเดียว
จะเรียนต่อ...ยังเลือกไม่ได้ว่าจะเรียนอะไร
งั้นเรียนภาษาก็ได้...โดนพี่กับเพื่อนเบรกด้วยเหตุผลว่า 'ไม่ต้องเรียนแล้วภาษา เท่านี้พอแล้ว'
ไม่มีใครเข้าใจความอยากหนีออกนอกประเทศของเราเท่าไหร่
จนรุ่นพี่คนหนึ่งโยนสิ่งหนึ่งมาให้
'Work and Holiday' ที่ออสเตรเลีย
เรื่องแบบนี้เราใจง่าย
เพียงรุ่นพี่ส่งเว็บไซต์ให้ดูและไซโคสักหน่อยเราก็ตกลงกับตัวเองว่า "ไป"
ไหนๆ ก็จะหนีออกนอกประเทศทั้งที ก็ขอไปแบบยาวๆ หนึ่งปีที่ได้ทั้งเที่ยวและหางานทำให้ได้เงินก็คงดีไม่น้อย
ไปเจอสถานที่ใหม่ๆ ฝังตัวเองกับผู้คน สถานที่ สังคม ในประเทศที่ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอน
ดังนั้นหลังจากจัดการเอกสาร ต่อสู้ฝ่าฟันด่านต่างๆ มาเป็นเวลา 2 ปี จนได้วีซ่าและมีตั๋วเครื่องบินในมือ
เราตัดสินใจไป "เมลเบิร์น"
เห็นไหม...เราใจง่าย
4
เสียงเพลงยังดังต่อไป
เนื้อเพลงโบยตีเราด้วยคำถามและความรู้สึกหลากหลาย
ทำไมเราถึงเดินทาง...
เราเบื่อ เราใจง่าย เราออกเดินทางมาโดยที่ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย
ไม่คาดหวังอะไร เพราะคิดอยู่เพียงแค่ไปจากที่เดิมสักระยะ เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้น
เมื่อไม่คาดหวังก็ไม่ตื่นเต้น
ไม่รู้สึกอะไรเลยจนคนรอบข้างบอกว่าตายด้าน
ทุกคนบอกว่าเราควรตื่นเต้นมากกว่านี้
การไปอยู่ในเมืองที่เรารู้จักเพียงชื่อและรู้เพียงแค่ว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะและกาแฟ
พี่คนหนึ่งบอกว่ามันอาจเป็นการเดินทางตามหาตัวตน
เราบอกว่าไม่...ตัวตนของเราอยู่ที่เรา และมันก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ สม่ำเสมอ เปลี่ยนทุกวันไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน
ตัวตนเดิมและตัวตนใหม่จึงเกิดและอยู่ในตัวเรา ไม่ต้องไปตามหาที่ไหน
พี่เลยบอกต่อไปว่า เราควรมีเป้าหมายอะไรสักอย่าง นอกจากหลีกหนีความเบื่อหน่าย
คิดอยู่ไม่นาน คนนิสัยเสียอย่างเราเลยบอกแค่ว่า
"หนูไปหาวัตถุดิบมาเขียนอะไรๆ ก็แล้วกัน Melbourne might be convenient for the plot" (พูดงี้จริงๆ เราจดไว้)
พี่ชายหัวเราะขำ แล้วบอกเราเบาๆ ว่า
"อย่าลืมตามหาความตื่นเต้นของตัวเองด้วยก็แล้วกัน"
5
นั่นสินะ...เหมือนว่าเราทำความตื่นเต้นหล่นหายไป
ช่วงหลังๆ เราตื่นเต้นกับอะไรๆ ยากเหลือเกิน
งานที่ทำแม้จะมีอะไรใหม่ๆ ท้าทายอยู่เสมอ แต่เราทำทุกอย่างไปโดยอยู่ในสภาวะปลอดภัยพอสมควร วางแผนและทำตามนั้น มีอะไรวิ่งเข้าใส่เรา บางครั้งเราวิ่งชนและหยุดเพื่อแก้ปัญหา แต่บางครั้งหากไม่มีค่าพอ เราก็แค่หลบให้มันวิ่งผ่านไป
เราทำทุกอย่างอยู่ใน comfort zone
แม้มีอะไรใหม่อยู่เสมอ แต่ก็ไม่น่าตื่นเต้นที่จะเผชิญหน้าอีกต่อไป
ความตื่นเต้นที่ว่า จะน่าเสียดายไหมหากเราทำมันหล่นหายไปตลอดกาล
6
เราฟังเพลงนี้วนอยู่หลายรอบก่อนปิดทุกอย่างแล้วหลับตาลงตลอดระยะเวลาที่เหลือบนเครื่องบิน
ทำไมเราถึงออกเดินทางน่ะเหรอ...
แน่นอนว่าเพราะเราเบื่อ
แต่อีกทางหนึ่ง...
บางทีเราอาจจะตามหามันอยู่
ความตื่นเต้นที่หล่นหาย
มีน เกวลิน.
----
**Work and Holiday Visa in Australia**
Work and Holiday Visa เป็นวีซ่าที่อนุญาติให้เราทำงานและเดินทางท่องเที่ยวในออสเตรเลียได้เป็นระยะเวลา 1 ปี (ขณะนี้สามารถต่อปีที่2 ได้แต่มีเงื่อนไขกำหนดประเภทงานและพื้นที่การทำงานในปีแรก อีกประเทศหนึ่งที่มีวีซ่านี้คือนิวซีแลนด์)
ปีนี้วันกดโควต้าผ่านระบบใกล้เข้ามาแล้ว ถ้ายังไม่ได้เตรียมตัวก็รอปีหน้านะ
เพจนี้เป็นเพจที่ให้ความรู้และรายละเอียดเรื่องวีซ่านี้อย่างครบถ้วน พี่ๆ น่ารักและคอยช่วยเหลือกันจริงๆ
VIDEO
何故、旅をするのだろう - コブクロ
*บทแปลของเพลงนี้ไม่ใช่การแปลแบบตรงตัวเป๊ะๆ เป็นการแปลและตีความให้ได้ความหมายครบถ้วนเท่านั้น "Far away from home, there is another sky tells all"
...ห่างไกลบ้าน อีกฝืนฟ้าหนึ่งบอกเราทุกสิ่ง...
何故 旅をするのだろう?
好きな街を選んで暮らしているのに
言うほど都会もつめたくはないのに
ทั้งๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่ชอบ
และคนเมืองใหญ่ก็ใช่ว่าจะแล้งน้ำใจขนาดนั้น
แต่ทำไมนะ...เราก็ยังอุตส่าห์ออกเดินทาง?
夕暮れを探しては
ビルの隙間にピントを合わせて
結局 見返しもしないような日々が
積もったら 空のカバン一つで行こう
เราเพียงเก็บภาพถ่ายท้องฟ้ายามเย็นผ่านช่องว่างระหว่างตึกผ่านเลนส์ไว้
วันเวลาที่เราไม่ได้หันกลับไปมองจึงทับถมกันมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเป็นเช่นนั้น...ออกเดินทางไปพร้อมกับกระเป๋าอันว่างเปล่ากันเถอะ
どんな写真機でも写せない
澄んだ色が まだあの空にはある
いつでも同じ 温もりの中に
新しい自分を探しに行く
สีสันสดใสแปรเปลี่ยนไปทุกวัน
มันไม่สามารถถูกบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องแบบใดก็ตาม
หากยังคงแต้มอยู่บนผืนฟ้าผืนนั้น
เราออกเดินทางไปตามหาตัวตนใหม่ของเรา
ตัวตนใหม่...ที่อยู่ในตัวตนเดิมของเราเสมอมา
夢行きのチケットが通らない改札の前で
引き返す前に もう一度確かめて
描いてきた夢と その行き先を
เบื้องหน้าประตูที่บัตรผ่านสู้เส้นทางฝันไม่สามารถพาเราเข้าไปได้
ก่อนจะยอมแพ้ เราควรตรวจดูให้แน่ใจอีกครั้ง
ทั้งความฝันที่วาดไว้และจุดหมายปลายทางของมัน
まるで思春期の頃見たような
懐かしい街ิิิ並み 一人歩けば
あの頃よりも 背伸びして生きてる
疲れた笑顔が 窓に流れる
เมื่อก้าวเดินเพียงคนเดียวผ่านเมืองที่เหมือนเคยได้เห็นเมื่อเยาว์วัย
รอยยิ้มอันเหนื่อยอ่อนพาดผ่านหน้าต่าง
เราต่างใช้ชีวิตอย่างภาคภูมิใจกว่าวันวาน
帰る場所が一つ増える度
会いたい人がまた一人増えてく
「また会える日まで元気でいてね」と
潤む瞳かすれた声
ทุกคราที่เรามีบ้านเพิ่มขึ้นอีกที่
เราก็จะมีคนให้คิดถึงเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ก่อนจากกันเราเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเบื้องหลังดวงตาอันพร่าเลือน
"จนกว่าจะได้พบกันอีกครั้ง รักษาตัวด้วยนะ"
どんな写真機でも写せない
澄んだ色が まだあの空にはある
いつでも同じ 温もりの中に
新しい自分を探しに行く
忘れてた答えを探しに行く
สีสันสดใสแปรเปลี่ยนไปทุกวัน
มันไม่สามารถถูกบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องแบบใดก็ตาม
หากยังคงแต้มอยู่บนผืนฟ้าผืนนั้น
เราออกเดินทางไปตามหาตัวตนใหม่ของเรา
ตัวตนใหม่...ที่อยู่ในตัวตนเดิมของเราเสมอมา
เดินทางออกตามหา...คำตอบที่เราหลงลืม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in