เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
PANDEMONIUMpiyarak_s
Day 6: Paper Doll (ตุ๊กตากระดาษ)
  • “อาชญากรที่จับเหยื่อมาขังแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมือนเล่นตุ๊กตากระดาษแล้วฆ่าทิ้ง ฆาตกรระดับด็อกเตอร์ที่สับศพเป็นสองท่อนแล้วเอามาทิ้งในสวนสาธารณะ คราวนี้ มีคนร้ายที่จับคนมาหั่นแล้วดองเล่นทำเป็นงานศิลปะ ฉันละอยากรู้จริง ๆ ว่า ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงวันที่นายเกษียณ กราฟความพิสดารของคดีของแผนกสืบสวนอาชญากรรมเราจะพุ่งไปถึงไหน” 


    ผมทำเสียงหึใส่เพื่อนและผู้ใต้บังคับบัญชาตามตำแหน่งที่เป็นเจ้าของข้อสังเกตนั้น วางเทอร์มอสใส่กาแฟลองแบล็คจากคาเฟเนโรของตัวเองลงบนโต๊ะในห้องประชุมที่ผมยืนอิงอยู่ระหว่างรอประชุมทีมสืบสวนคดีที่ทวิคแนม ขอบคุณลีโอที่ยั้งมือเอาไว้อยู่บ้างเมื่อคืนนี้ เมื่อเราต่างมีงานหนักรออยู่ตอนเช้า


    ทางตำรวจสืบสวนตกลงกันว่าจะเรียกปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนนี้ว่า ‘Operation Darwin’ มาจากชื่อชาร์ลส์ ดาร์วินนั่นละ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับนักธรรมชาติวิทยาคนนั้น แต่พฤติกรรมของคนร้ายที่ดูเหมือนนักชีววิทยาหรือนักธรรมชาติวิทยาสักสาขาหนึ่งในการเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิต ทำให้ผมเลือกเรียกชื่อปฏิบัติการเช่นนี้ แม้ว่าแบบแผนของอาชญากรจะคล้ายกับงานของเฟรเดอริค รุช แต่การตั้งชื่อปฏิบัติการที่ตรงเกินไปจะเรียกมวลชนให้เข้ามาสนใจและตั้งฉายาให้ฆาตกรเพื่อขายข่าวกันตามใจชอบ


    “ไปถึงตอนที่มีคนเอาศพไปแช่ไนโตรเจนเหลวแล้วเอาเข้าเครื่องเหวี่ยงสสารจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แล้วเอาไปโรยใต้ต้นไม้ในสวนสาธารณะทั่วกรุงลอนดอนละมั้ง” ผมว่า 


    คำตอบนั้นทำให้พีทถึงกับสำลักกาแฟและทำเสียงจึ๊กจั๊ก “ถ้าไม่บอกว่านายเป็นสารวัตรสืบสวน ใครได้ยินเข้าคงคิดว่า นายเป็นไอ้ฆาตกรโรคจิตที่มีจินตนาการในการกำจัดศพบรรเจิดมาก”


    “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง” ผมหัวเราะ “อย่างน้อยก็เป็นข้อพิสูจน์ว่า ฉันไม่ได้เรียนจิตวิทยาอาชญากรรมมาเปล่าๆ”


    “งั้นนายก็คงจะพอคิดออกแล้วว่า เราต้องมองหาคนลักษณะไหน” เขาว่า เริ่มมีท่าทีจริงจังมากขึ้น เมื่อพูดถึงเรื่องงาน 


    “พูดตรง ๆ คือ ยังไม่ชัดเท่าไหร่ ต้องรอให้ได้ข้อมูลมากกว่านี้” ผมบอก “เท่าที่เมื่อคืนฉันคุยกับลีโอ คิดว่า เราอาจจะต้องมองหาผู้ชายผิวขาวที่อยู่ตัวคนเดียว มีแนวโน้มว่าจะมียานพาหนะเป็นของตัวเอง” 


    “กว้างมาก”


    “ใช่ ยังกว้างเกินไป” ผมรับ ยกมือแทนคำทักทายสเตฟานี เฮย์เวิร์ดกับเจนนา วิทเทคเกอร์ที่เปิดประตูเข้ามา ตามมาด้วยริค ไรย์แลนด์กับเทย์เลอร์ อาบิโอเย จากนั้นเจ้าหน้าที่สืบสวนคนอื่น ๆ และเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบที่จะทำงานสนับสนุนเราด้านการสอบถามข้อมูลจากพยานก็ค่อย ๆ ทยอยเข้ามาในห้องประชุมจนครบ ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู พวกเขามากันก่อนเวลาเล็กน้อย และทำให้เราสามารถคุยงานกันได้เร็วขึ้น


    คนสุดท้ายที่เข้ามาในห้องตรงตามเวลานัดพอดีก็คือ ผู้กำกับพาทริดจ์ ที่เข้ามาติดตามรับฟังความคืบหน้าของคดี และตกลงทำความเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลที่เราจะปล่อยให้กับสื่อมวลชนได้


    ผมทักทายทุกคนและสรุปที่มาที่ไปของคดีและปฏิบัติการดาร์วินให้ฟังพอสังเขปเพื่อทบทวนความเข้าใจของทีมเราให้ตรงกันอีกครั้งหนึ่ง บนบอร์ดของเรามีแผนที่ม มีภาพของที่เกิดเหตุ ภาพในที่เกิดเหตุ และภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณถนนด้านนอกซึ่งค่อนข้างไร้ประโยชน์ แต่ก็ทำให้พอจะมองเห็นภาพรวมของสิ่งที่เกิดขึ้นได้


    คราวนี้ก็มาถึงการติดตามความก้าวหน้าเกี่ยวกับงานที่แบ่งกันไปในเบื้องต้นบ้างแล้ว


    “สเตฟฟี่” ผมเรียกหญิงสาวผมแดง ตัวเล็กและคล่องแคล่วที่นั่งอยู่แถวหน้าสุด “ข้อมูลเกี่ยวกับบ้านหลังที่พบชิ้นส่วนมนุษย์พวกนั้นเท่าที่ไปคุยกับตัวแทนขายบ้าน เขาว่าไงบ้าง”


    “ฉันได้คุยกับจอห์น ฟาร์โรว์ จากบริษัทฟาร์โรว์แอนด์สเปนเซอร์ที่เป็นเอเจนต์ขายบ้านหลังนี้แล้วค่ะ” เธอลุกขึ้นพูด “อีดิธ ฟอร์ดแฮม-สมิธ เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นผู้หญิงสูงอายุที่ตอนนี้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอยู่ที่โรงพยาบาล เข้าโรงพยาบาลไปเมื่อกลางเดือนกรกฎาคมและอยู่นั่นมาตลอด เธอเป็นแม่ม่าย สามีตายไปนานแล้ว ส่วนลูกเป็นทหารไปรบในอาฟกานิสถาน เสียชีวิตที่นั่น ญาติสนิทไม่เหลือแล้ว เธอเลยตัดสินใจติดต่อบริษัทให้ขายบ้านหลังนี้ เพราะเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินหกเดือนนี่เอง” 


    “ช่วงบ่ายวันนี้ สเตฟกับฉันจะไปหาทนายความของมิสซิสฟอร์ดแฮม-สมิธค่ะ” เจนนาเสริม เธอเป็นหญิงสาวผมสีบรูเน็ตต์ เพิ่งย้ายเข้ามาในทีมได้สามเดือน แต่ทำงานเข้ากับคู่หูของเธอได้ดี “เราได้ชื่อมาจากเอเจนซีว่า เป็นคนที่เธอมอบอำนาจให้จัดการเรื่องต่าง ๆ ให้ เราโทรศัพท์นัดเขาไว้แล้ว เราน่าจะได้อะไรเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนที่อาจเข้ามาเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของเธอ แต่อาจจะไม่ได้อะไรมากไปกว่าที่เรารู้ตอนนี้เลยก็ได้”


    “ขอบคุณมาก” ผมเหลือบมองผู้กำกับพาทริดจ์ ท่าทางเขาดูพอใจกับการทำงานของทีมเราในคดีนี้ “คุณได้ถามฟาร์โรว์ไหมว่า เขาได้เข้าไปตรวจตราในบ้านหรือให้คนมาดูแลหรือทำความสะอาดอะไรบ้างไหม”


    “ถามแล้วค่ะ” สเตฟานีเป็นคนตอบ “บ้านหลังนี้ประกาศขายบนเว็บไซต์เมื่อ 20 กรกฎาคมปีนี้ ทางมิสซิสฟอร์ดแฮม-สมิธได้ว่าจ้างให้คนรับจ้างทำความสะอาดมาจัดการก่อนที่จะประกาศขาย และครั้งล่าสุดที่มีคนมาขอดูบ้านแต่ไม่ซื้อ คือ เมื่อ 7 กันยายนที่ผ่านมานี่เอง ตอนนั้นฟาร์โรว์เป็นคนนำชมสถานที่เอง และยังไม่มีขวดโหลหรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ เข้ามา”


    “แล้วพวกเขามาตรวจตราดูความเรียบร้อยของบ้านครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่”


    “26 กันยายนค่ะ ในตอนนั้นก็ยังไม่มีอะไรที่ผิดปกติ”


    “กุญแจบ้านสำหรับเข้าบ้านล่ะ”


    “อยู่ที่ทนายความ เอเจนซีอสังหาริมทรัพย์ และมิสซิสฟอร์ดแฮม-สมิธ เจ้าของบ้าน เท่าที่รู้ว่ามีนะคะ”
    ผมกอดอกฟังอยู่ครู่หนึ่ง จึงขีดเส้นระยะเวลาลงบนกระดาษที่แปะติดอยู่บนกระดาน ตามเวลาที่สเตฟานีบอก แสดงว่า ขวดโหลใส่ชิ้นส่วนมนุษย์นั้นมีโอกาสที่จะเข้ามาอยู่ในบ้านตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมจนกระทั่งถึงวันที่พบเมื่อวานนี้ คือ 3 พฤศจิกายน ลักษณะของขวดโหลที่สะอาดเอี่ยมดูไม่เหมือนสิ่งที่ถูกทิ้งไว้เป็นเวลานาน ถ้าไม่ใช่เพิ่งเอามาวางเอาไว้ ก็อาจเป็นเพราะคนร้ายทำความสะอาดเช็ดชู ‘งานศิลปะ’ ของตัวเองอย่างดี 


    “หมายความว่า เป็นไปได้ที่คนร้ายอาจรู้ประวัติของบ้าน วิธีการเข้านอกออกใน และสถานที่ต่าง ๆ ในบ้านดีพอสมควร” พีทสันนิษฐาน “ซึ่งคนที่มีความเป็นไปได้ก็มีทั้งทนาย เอเจนต์ และอาจรวมไปถึงคนทำความสะอาด” 


    “แต่ก็ยังต้องเผื่อความเป็นไปได้สำหรับคนอื่น ๆ นอกเหนือจากคนกลุ่มนี้อีกที” ผู้กำกับพาทริดจ์เตือน แต่ผมรู้ว่าเขาค่อนข้างเห็นด้วยกับข้อสังเกตของพีท ซึ่งมีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ทว่าผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคำเตือนของเขาว่า ให้มองหาคนกลุ่มอื่นนอกจากคนกลุ่มดังกล่าวด้วย มีอะไรบางอย่างที่ยังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไหร่ในสมการนี้


    “ดูเหมือนว่า คุณจะมีไอเดียอะไรสักอย่างนะ ฮาล” ผู้กำกับหันมาทางผมที่ยืนเขียนประเด็นที่เราคุยกันลงบนกระดานเพื่อกันลืม และให้คนในทีมสามารถตามกลับมาดูได้ 


    “ครับ ท่าน” ผมรับ “แต่ออกจะอยู่นอกหัวข้อที่เรากำลังคุยกันอยู่ไปสักนิดหนึ่ง ไว้รอเราคุยเรื่องนี้ให้จบก่อนไหนครับ”


    เขาส่ายหน้า “ตอนนี้เลยก็ได้ ไม่มีปัญหาหรอก”


    ผมพนักหน้ารับ ปิดฝาปากกามาร์กเกอร์ในมือ แต่ก็ยังหมุนฝาของมันเล่นไปมา 


    “ลักษณะของการจัดเรียงขวดโหลใส่ชิ้นส่วนมนุษย์และตัวอย่างทางชีววิทยาร่วมกันในรูปแบบงานศิลปะคล้ายกับงานโถเก็บชิ้นส่วนศพของเฟรเดอริค รุช ซึ่งผมจะโหลดเอา Ruysch’s Opera Omnia หรือหนังสือรวมผลงานของเฟรเดอริค รุชออกมาส่งให้ทุกคนดูเปรียบเทียบรูปแบบและจุดเด่นของมันทีหลัง” 
    ผมกูเกิลรูปตัวอย่างงานของรุชทั้งของจริงและภาพเขียนที่เขาออกแบบเอาไว้ขึ้นฉายผ่านโปรเจคเตอร์ขึ้นจอให้ดู 


    “ถ้าอาชญากรต้องการจัดเป็นงานนิทรรศการหรือทำแบบห้องสารภัณฑ์ละก็ เขาต้องไม่ปล่อยมันเอาไว้เฉย ๆ แต่ต้องคอยกลับมาดูและชื่นชมผมงานของตัวเองด้วย นั่นเป็นพฤติกรรมที่เป็นไปได้สูงของคนที่ทำและชอบงานศิลปะ” ผมตั้งข้อสังเกต 


    “ขวดโหลเหล่านั้นสะอาดมากเหมือนได้รับการทำความสะอดอย่างดี และอาจมีการหยิบมาดูใกล้ ๆ แสดงให้เห็นว่า ในช่วงเวลาประมาณหนึ่งเดือนที่ผ่านมา นับแต่เคลื่อนย้ายขวดโหลมาไว้ที่นั่น คนร้ายอาจแวะมาที่นี่มากกว่าหนึ่งครั้งด้วยซ้ำไป”


    To be continued... Day 7: Ex-boyfriend

    ---------------------------- 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in