"ไปงานแต่งงานกี่ครั้งก็ได้ยินแต่เพลง เธอทั้งนั้น.." จู่ๆเพื่อนก็เล่าให้ฟังขณะคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่
"อ้าว ทำไมล่ะ" คนฟังชักสงสัย เพลงมีเป็นพันเป็นหมื่น ทำไมต้องเลือกเพลงเดียวกัน
"ไม่รู้ซี แต่เป็นเพลงประจำงานแต่งเลยล่ะ" แล้วก็คุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ต่อไปเรื่อยๆ
คนฟังจึงได้แค่เก็บความสงสัยไว้ตลอดมาว่า ทำไมเพลงนี้จึงฮิตในงานแต่งงาน
จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่ได้ฟังเนื้อความในเพลงนี้อย่างละเอียด
"รู้ไหมว่ามันดียังไง และรู้ไหมว่าสุขใจเพียงใด รู้ไหมว่าชีวิตเก่าๆของฉันนั้นเปลี่ยนไปเท่าไหร่ รู้ไหมว่าก่อนจะเจอเธอ ชีวิตฉันเคยเป็นยังไง รู้ไหมการที่ได้เจอเธอ นั้นช่างยิ่งใหญ่สักเท่าไหร่..."
เออ...แฮะ ท่าจะจริง การที่คนสองคนจะแต่งงานกันได้คงต้องรักกันมากพอดู และเมื่อรักกันมากแล้วก็คงรู้สึกว่าการได้พบและได้รักกันนั้น มันคือที่สุดของชีวิต
"ขอบคุณสรวงสวรรค์ที่เราได้เจอะกัน ขอบคุณคนบนนั้นที่ทำให้ฉันได้พบเธอ ขอบคุณทุกเรื่องราว ต้นเหตุที่ในวันนี้ฉันนั้นได้เจอ เธอ..สุดที่รัก"
อืม...นะ หากเรารักใครมากขนาดนั้น เราคงอยากขอบคุณโชคชะตา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เรากับเขาได้รักกันอยู่เหมือนกัน
หลังจากฟังแล้วจึงสรุปได้ว่า จากเนื้อความทั้งหมด มันเหมาะจะเปิดในงานแต่งงานจริงๆเสียด้วยสิ
แต่ถ้าถามเรา หากเรามีโอกาสเลือกเอง เราคงไม่ใช้เพลงนี้หรอก เพราะแม้มันจะความหมายดีและเหมาะเพียงใด
......แต่คนใช้เยอะแล้ว เอ๊ย ไม่ช่ายยย
เพราะเราไม่ "อิน" ตะหาก
เราว่า เพลงความหมายดีดีที่เหมาะกับงานแต่งงานยังมีตั้งมากมาย เป็นต้นว่า
รักแท้อยู่เหนือกาลเวลา ของ........เวอร์ชั่นไหนก็ได้มั้ง
รักหวานๆ ของ writing machine
รัก ของ ปุ๊ อัญชลี
top of the world ของ Carpenter
evergreen tree ของ Cliff Richard
และอื่นๆอีกมากมาย เห็นไหม ไม่จำเป็นต้องผูกขาดเพลง "เธอทั้งนั้น" เลยสักนิด
แต่ สิ่งที่ทำให้เราค่อนข้างมั่นใจว่าเราคงไม่ได้ใช้เพลง "เธอทั้งนั้น" ในงานแต่งงานนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเราไม่ได้ชอบเพลง "เธอทั้งนั้น" หรอกนะ
เพราะเหตุผลที่แท้จริงคือ...
เราไม่คิดว่า ชาตินี้ตัวเองจะได้แต่งงาน เสียมากกว่า
ว่าแล้วก็เตรียมตัวไปฟัง "เธอทั้งนั้น" ในงานแต่งของชาวบ้าน กันต่อไป...
ส่วนตัวไม่ชอบเพลงที่พร่ำเพ้อสัญญิงสัญญาเท่าไหร่ หมั่น (อ้าว)
ชอบเพลงแนวการลำดับเรื่องราวว่าก่อนที่คนสองคนจะมาเป็น "เรา" ได้ เป็นอย่างไร เหมือนกันค่ะ รู้สึกว่าได้ใจมากกว่าคำสัญญา
ขอบคุณนะคะ ^-^