เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ไดอารี่ความคิดihtayaf
20.1.17 เพราะหัวใจยังคงไว้ทุกข์
  •      13  ตุลาคม  2559

         วันนี้เป็นวันที่เราเสียใจมากที่สุดในชีวิต  เพราะเป็นวันที่ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่9" สวรรคต

         และความหดหู่ก็เริ่มตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา



         นับจากวันนั้น  ดูเหมือนทุกอย่างจะดูแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา  ยิ่งรัฐบาลประกาศว่า  ให้ประชาชนแต่งกายไว้ทุกข์ 
         ทุกข์สิ่งรอบกายจึงพากันเป็นโทนสีดำไปหมด

         บริษัทเราเองก็ประกาศให้พนักงานแต่งกายด้วยชุดโทนดำเพื่อไว้ทุกข์...ไปเรื่อยๆ  จนกว่าจะมีกำหนดให้เลิกไว้...
         หลังจากนั้นไม่นาน  บริษัทฯจึงประกาศว่า  ให้ไว้ทุกข์100วัน  คือ  ถึงวันที่ 20 มกราคม 2560
         เก็บเสื้อสีๆเข้ากรุไปก่อน


         บรรดาสื่อต่างๆ  ทั้งโทรทัศน์และวิทยุ  ต่างจำกัดการเผยแพร่ภาพและเสียง  จะมีก็เพียงถ่ายทอดพระราชพิธีศพ  ข่าว  พระราชกรณียกิจ  และเพลงเพื่อพ่อ  
         ....ดูวนไป

         ข้อดีคือ  เราได้รับรู้ว่า  ตลอดพระชนม์ชีพที่ผ่านมา  พระองค์ทรงงานใดบ้างเพื่อคนไทย
         ...ส่วนข้อเสีย

         คือ  แค่รู้ว่าไม่มีพ่อต่อไปนี่ก็ร้องไห้แล้ว  ยิ่งมานั่งดูงานพระศพ  มองพระบรมโกศ  แล้วมีเพลงเพราะๆชวนให้นึกถึงพระองค์  นั่งมองภาพพระองค์ทรงงานนู่นนี่นั่น  มันทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากร้องไห้ออกมา  พอร้องสักพักเลยปิดทีวีดีกว่า  ปิดแล้วก็ไม่มีอะไรดู  ต้องเปิดทีวีใหม่อีก
         ........แล้วก็วนใหม่  ร้องไห้ใหม่  ไปเรื่อย

         ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ไม่ค่อยจะรู้ข่าวคราวความเป็นไปอะไรของโลกด้วย  เพราะโทรทัศน์ก็มีแต่รายการดังว่า  และความบันเทิงอะไรๆนั้นก็โดนงดออกอากาศเสียสิ้น
         แต่เราก็ไม่ค่อยสนใจหรอก  เพราะกำลังเสียใจอยู่


         ที่สุดของที่สุดคือ  การได้พบว่า  มองไปทางใดก็มีแต่คนร้องไห้  ไม่ใช่แค่เรา  แค่คนในครอบครัวเรา  แม้แต่ดารา  นักร้อง  นายกฯ  ก็พากันร่ำไห้ด้วยความอาลัย  
         คือทั้งประเทศแสดงความเสียใจกันจนต่างชาติงงว่า  ประเทศไทยเอ็งเป็นอะไรมากมั้ย

         ใช่สิ  พวกเอ็งจะไปรู้อะไรล่ะ  พวกเอ็งไม่มีกษัตริย์ที่ดีแบบกษัตริย์พวกข้านี่  (แล้วเอ็งจะไปกัดเขาทำไมฮะ  ไอ้คนเขียน)


         แต่ไม่ว่าจะเสียใจเพียงใด  ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป  และเวลาก็เดินไปเรื่อยๆ...



         และแล้ว  วันนี้ก็มาถึง  วันที่ 20 มกราคม 2560  อันเป็นวันสุดท้ายที่บริษัทฯให้พนักงานไว้ทุกข์

         ต่อแต่นี้  เราจะไม่ถูกบังคับให้ใส่เสื้อผ้าโทนสีดำมาทำงานอีกต่อไปแล้ว

         เพื่อนหลายคนดูดีใจ  เพราะเบื่อสีดำ-ขาวกันเต็มแก่

         ร้านรวงทั้งหลายเริ่มนำเสื้อผ้าสีๆออกมาขายแล้ว


         นั่นคือปรากฏการณ์ภายนอก  แล้วถามว่า  ภายในใจล่ะ  ออกทุกข์กันหรือยัง?



         ช่วงแรกๆของการสวรรคต  เราร้องไห้แทบทุกวัน

         สัปดาห์แรกๆนี่  แค่นึกถึงก็ร้องไห้แล้ว  ยิ่งดูทีวี  ยิ่งฟังเพลง  น้ำตายิ่งไหลไม่หยุดไปกันใหญ่

         รู้สึกเลยว่า  ทุกสิ่งที่เคยคิดว่ามันทำให้เสียใจ  มันเล็กลงไปถนัดเมื่อเทียบกับเรื่องที่กำลังประสบอยู่นี้  
         ต้องพ้นเดือนแรกไปนั่นล่ะ  จึงจะร้องไห้น้อยลงหน่อย  แล้วพอเวลาผ่านไปเรื่อยๆ  เราก็คิดว่า  เออ  โอเคขึ้นแล้ว...
         แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น...เสียทีเดียว


         สัปดาห์ที่ผ่านมา  ระหว่างดูทีวีก็ได้ดูเพลงๆหนึ่งซึ่งแต่งให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 และมีภาพพระราชกรณียกิจประกอบ
      
         ดูไป  ดูไป  น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง  ยิ่งพอไปจับเนื้อความในเพลง  คราวนี้เริ่มสะอื้นออกมา
    ...สามเดือนไม่พอให้หายเจ็บปวดสินะ 

         และเมื่อเช้าตอนจะออกมาทำงาน  พอดีเหลือบไปเห็นปฏิทินที่มีรูปรัชกาลที่9อยู่  แล้วรำพึงออกมาเองว่า  "ปีสุดท้ายแล้วสินะ  ที่ปฏิทินจะมีรูปท่าน"  แล้วก็หดหู่อยู่คนเดียวเงียบๆ


         แม้ว่าต่อแต่นี้เราจะไม่ต้องแต่งกายไว้ทุกข์แล้ว  แต่คล้ายๆว่าภายในใจ  เรายังไม่สามารถออกจากการไว้ทุกข์ได้  เพราะยังคงอาลัยในการเสด็จสู่สวรรคาลัยอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง


         ประมาณปลายตุลามั้ง  ที่เราแต่งกลอนเกี่ยวกับในหลวงรัชกาลที่ 9 ขึ้น  และมีบทหนึ่งซึ่งเรารู้สึกว่า  มันตรงกับจิตใจเราในขณะนั้นมาก  นั่นคือ

              เมื่อใจรักภักดีด้วยชีวิต                             จะป้องปิดลิดรอนถอนไฉน
         ยังจงรักภักดีมิหมดไป                                   จะสั่งใจให้หยุดช้ำ..ทำไม่เป็น

         นึกไม่ถึงว่า  มันยังคงบรรยายสภาพจิตใจเราได้อยู่  แม้กระทั่งวันนี้


         ...เพราะหัวใจยังคงไว้ทุกข์...

         
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in