เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Diary to meRin36xxx
กฏของการเดท คือการไม่คาดหวัง รึเปล่านะ
  •   
         มาเล่าถึงประสบการ์ณการเดทในช่วงปี สองปีที่ผ่านมา ทั้งก่อนหน้าและไม่นานมานี้ มีทั้งดีและ WTF 5555 คร่าวๆคือปกติเราเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยชอบยุ่งกับใคร แม้อายุจะยี่สิบกว่าๆ ก็ไม่เคยมีแฟนกับเขาซักที  จนเมื่อช่วงที่เรียนจบแล้วมีเวลาชีวิตมากขึ้น ก็ได้คุยๆกับหนุ่มต่างชาติผ่านแอปพลิเคชั่นบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่เคยนัดเจอใดๆ

        สุดท้ายแล้วมนุษย์ก็พ่ายแพ้ต่อแรงขับเคลื่อนทางเพศ ที่อยากจะทำความรู้จักเพศตรงข้ามอ่านะ เดทครั้งแรกของเราเกิดขึ้นที่เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น มีผู้ชายคนนึงทักเรามาผ่านแอปแลกเปลี่ยนภาษา เราเหลือบไปเห็นว่าอยู่เกียวโตเหมือนกัน แล้วช่วงนั้นเป็นปิดเทอมฤดูร้อน กำลังว่าง เราเลยลองชวนไปดูหนัง (ทั้งๆที่ภาษาญี่ปุ่นเราก็พูดได้ทั่วไป แต่ไม่เก่ง)

          สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ เครียดมากกกกก เดทครั้งแรกในชีวิต นัดเจอกันที่สตาร์บัคส์แถวโรงหนัง แต่งตัวทำผม ไม่เป็นตัวเองเบาๆ ก็พอเจอกันก็เริ่มประหม่า กลัวจะสื่อสารไม่รู้เรื่อง กลัวเขาจะไม่ชอบเรา ต่างๆนาๆ กลัวเจอคนไม่ดี คิดมากล้านแปด แต่สุดท้ายก็ผ่านไปได้ด้วยดี

         เนื่องจากพอเริ่มเดท เราก็รู้สึกชอบเขาขึ้นมา เหมือนคนที่ต้องการความรัก อยากมีแฟน อยากมีโมเม้นต์แบบคู่รักเหมือนคนอื่นๆ (พอมองย้อนกลับไปรู้สึกจริงจังเกิ๊น )  คิดมากว่า เขาจะอยากเจอเราอีกไหม ทำไมเขายกเลิกนัด เขาคิดอะไรอยู่ไม่จริงจังหรือหวังอะไรกับเราในทางไม่ดีรึเปล่า (ใสมากตอนนั้น)

         พูดง่ายๆคือเป็นมากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน เราคาดหวังกับความสัมพันธ์นี้มาก มากซะจนลืมรักตัวเองไปเลย บินกลับ ไทย ญี่ปุ่น เป็นว่าเล่น เสียตังค์มากมายเพื่อจะกอบโกยเอาความสุขช่วงเวลาดีๆเหล่านี้ไว้ คิดมาก กังวล กลัวเขาจะไปเจอคนอื่น กลัวเขาจะลืมเรา... 

          สุดท้าย ความสัมพันธ์ก็คลุมเครืออยู่แบบนั้น เราเป็นคนที่คิดมาก ทำให้ร้องไห้บ่อยๆ ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้จากเราไปไหน แต่เราเองที่รู้สึกว่ามันไม่เพียงพอ รู้สึกเศร้า รู้สึกแย่ที่อะไรๆก็ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จนสุดท้ายก็พังงงงงงง....

           ในเดทต่อๆมา (พึ่งผ่านมาไม่นาน)  เมื่อเวลาผ่านไป ก็มีการนัดเจอกับคนอื่น เป็นคนญี่ปุ่นเหมือนกัน แต่อาศัยอยู่ที่ไทย  เดทที่รู้สึกว่า WTF มากกกก คือมีคนญี่ปุ่นที่ทำงานอยู่ชลบุรี ฮีจะเข้ามา กทม บ้างในวันเสาร์อาทิตย์ แล้วฮีอยากนัดเจอวัน xxx เราก็เช็คตารางแล้ว เออ ว่างก็เตรียมตัวหาร้านที่อยากไปกิน เช็ควันเวลา ไม่ให้พลาด  แต่พอวันจริงจ้าา.... 

            เรามานั่งรอที่ร้านกาแฟจุดนัดพบก่อนเวลาสิบห้านาที  พร้อมไลน์ไปบอกฮีว่ามาถึงแล้ว ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวหาอะไรทานเบาๆ แล้วพอใกล้เวลานัด เราก็แอบตื่นเต้นเครียดนิดนึง (คือมันน่าจะเป็นภาวะที่ awkward แหละ กับการที่ต้องมาเจอคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แบบว่าไม่รู้จะทำตัวอะไรยังไง คนที่เรามาเจอจะน่ากลัว โรคจิตป่าว อะไรแบบนี้ )

           เวลาก็ผ่านไป เราดูไลน์ก็ยังไร้การตอบรับ จนเวลาผ่านไป ครึ่งชั่วโมง หนึ่งชั่วโมง....

           เงียบ.....

            จนเกือบสองชั่วโมง เราทนไม่ไหวเลยไลน์ไปบอกว่าจะไปหาอะไรกินก่อนนะ สุดท้ายก็เดินไปร้านที่ว่าจะกินกัน ก็ไปกินคนเดียว แล้วกลับเดี๋ยวนั้นเลย โคตรเซ็งง นี่เราโดนเทเหรอวะ...

           กลับถึงห้องไปซักพัก ยกมือถือขึ้นมาอ่านไลน์ 

            สรุปคือ   ฮีจำวันผิด!!! 

            แม่ง... คนญี่ปุ่นที่ตรงเวลามากๆ นี่คือจำวันผิด ในใจนี่สบถด่า แทบร้องไห้ อะไรมันจะไม่ให้ความสำคัญกันขนาดนั้น แทนที่จะเช็ควันให้ดีๆหน่อย

           ฮีก็รีบพิมพ์ขอโทษมารัวๆ แถมยังจะโทรคอลมาคุย ทางนี้ก็เซ็งจ้ากดตัดสายไปแบบไม่ไหวจะเคลียร์ สุดท้ายฮีก็ยังจะขอนัดอีก ที่เดิม ไอ้เราก็เออๆ มาไม่มาก็ช่างแล้วคราวนี้ เหอๆๆๆ 


           เดทที่สาม  คนที่เรานัดเจอเป็นหนุ่มญี่ปุ่นที่พูดไทยได้ ทำงานแถวๆเอกมัย  ก่อนที่จะเจอกัน หนุ่ม N (ชื่อสมมติ) ก็ทักเรามาเรื่อยๆ แล้วก็ชวนไปหาอะไรกินกัน เราก็นัดวันเวลาเลือกร้าน  พอถึงวันนัด ก็มาตรงเวลาโอเค หนุ่ม N พูดไทยได้ เราเลยพูดทั้งไทย ญี่ปุ่น ก็คุยกันทั่วๆไป แต่เหมือนคงยังไม่ค่อยคลิ๊กกันเท่านั้น แล้วก็ไปเดินดูของอีกเล็กน้อยแล้วร่ำลากันไป  เราก็โอเคกับคุณ N นะ นิสัยโดยรวมคือ สุภาพ ใจเย็น  แต่พอเดทวันนั้น คุณ N ก็เงียบหายไปเลย ไม่มีครั้งต่อไป ไม่มีทักมาคุย  เราก็เออ.. โอเค ผ่านไป เสียดายอยู่หน่อยๆ แต่ถ้าเขาไม่ได้อยากจะสานต่ออะไร ก็ตามนั้น

          เดทที่ 4 พึ่งผ่านไปไม่นานมานี้ ก็ถือว่าเป็นเดทที่ประทับใจ และมีเรื่องให้เซอร์ไพร์สมาก... เรานัดเจอน้อง T (นามสมมติ) จากแอปหาคู่ของญี่ปุ่น ซึ่งเราก็เป็นฝ่ายชวนก่อน ในโปรไฟล์น้องเขียนว่าพึ่งถูกแฟนทิ้ง เลยอยากมี short term relationship ไม่สนใจจะหา couple จริงจัง ดูรูปแล้วหน้าตาส่วนสูง คือหนุ่มญี่ปุ่นกรุบกริบ ที่เรียกน้องเพราะอายุค่อนข้างห่างกัน ก็นัดไปดูหนังกัน โดยเราเลือกหนังเลือกรอบ  เราบอกน้องเขาว่าเราพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยเก่งนะ อาจจะติดขัดบ้าง น้องเขาก็โอเค 

           วันที่ไปคือเราเลิกงานแล้วต้องนั่งรถไฟที่ห้าง ส่วนน้องเขาก็ว่างอยู่แล้วในวันนั้น

            เราไปสายนิดหน่อยเนื่องจากรถติด น้อง T ไปซื้อตั๋วให้และรออยู่ก่อนแล้ว พอเจอก็คือประหม่าที่จะเข้าไปทักในตอนแรก แต่เพราะหนังเลทไปยี่สิบนาที แล้วเลยต้องรวบรวมความกล้าเข้าไปทัก น้องคือสูงมากก 175 cm ก็เข้าไปดูหนังกัน พอดูจบก็ออกมาหาอะไรกินร้านอาหารแถวนั้น 

           เหมือนเคมีค่อนข้างตรงกัน เพราะเราคุยกับน้อง N ได้เรื่อยๆ เรามีแอบพูดแซวแกล้งน้องเขาไปพอสมควร ค่อนข้างคุยกันได้เรื่อยๆสบายๆไม่เกร็ง น้องเขาก็มีหัวเราะบ้าง แล้วก็ถามนู้นนี้เราค่อนข้างเยอะ เราเป็นคนจ่ายมื้ออาหารเนื่องจากน้องเขาเอาตังค์มาไม่พอ ดูค่อนข้างเกรงใจที่จะให้เราช่วยจ่าย (แต่เอาจริงราคาอาหารก็ไม่ได้แพงมาก แล้วก็เข้าใจว่าน้องเขายังเรียนอยู่ด้วย)

           ที่เซอร์ไพร์สคือเรื่องอายุ น้อง N บอกว่า ตัวเองไม่ได้ อายุ 19 ตามที่บอกในโปรไฟล์ แต่อายุ 17 ปี จ้าาา ตอนถ่ายบัตรประชาชนยืนยันอายุในแอปคือใช้โฟโต้ช้อปตัดต่อเอา เราก็เลยแซวว่า 'เด็กไม่ดีเลยนะ' ในใจคือคิดว่า ตรูจะโดนข้อหาพรากผู้เยาว์ไหมเนี้ยย.... 

          น้อง N ผู้อยู่ไทยมา 11 ปี แต่ผู้ภาษาไทยได้แค่ สวัสดีครับ ขอบคุณครับ อร่อยมากครับ สวยมากๆครับ... ถถถถถ

         สุดท้าย ก็แยกกันกลับ น้อง N ก็ส่งข้อความมาบอกขอบคุณครับ กลับบ้านดีๆ จากนี้ ถ้ามีโอกาศก็กรุณาชวนด้วย (อิป้าฟินนน)  ทีนี้พอวันต่อมา เราลองชวนน้องเขาไปพิพิธภัณฑ์อาทิตย์หน้าดู  แต่ปรากฏว่าน้องเขาเปิดเทอมต้องไปโรงเรียนแล้ว ช่วงนี้อาจจะไม่ว่าง แต่ถ้ามีัวันไหนว่าง จะติดต่อมาอีกที แล้วหลังจากนี้ก็รบกวนชวนเยอะๆด้วยนะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย

           นั่นแหละจ้า... เด็กมันอ่อย ! 

          แต่เราก็ไม่คาดหวังมาก เพราะยิ่งคาดหวังมาก โอกาศผิดหวังก็สูง เราเลยสบายๆ ไม่ไปรบเร้า ไม่ตื้อ ไม่ไปคิดแทนฝ่ายตรงข้าม ถ้าน้องเขามีเวลาก็คงจะทักมาเอง หรือถ้าไม่ได้เจอกันอีก ก็ถือซะว่าเป็นประสบการ์ณที่ครั้งนึงเราได้นัดทำความรู้จักเพื่อนไหมไป แบบนี้ก็จะสบายใจกว่า แล้วก็รักตัวเองให้มากๆ นั่นแหละสำคัญ ก่อนที่จะไปรักคนอื่นนะจ๊ะ! 

         
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
To Hean (@to.hean.7)
เมื่อชีวิตได้เติบโตผ่านประสบการณ์ในด้านความรักมากขึ้น(ไม่เกี่ยวกับอายุนะครับ)
คุณอาจจะกลับมามองตัวเองก็ได้นะครับว่าการ Filter คู่ชีวิตด้วยเหตุผลที่ว่า
หนุ่มคนนั้นจะต้องเป็นคนญี่ปุ่นหรือไม่ก็ต้องพูด/เรียนภาษานี้ๆ มันเป็นอะไร
ที่ดูใสซื่อ เหมือนเด็กที่ไม่ยอมกินข้าวโพดเพราะบอกว่ามันเป็นผักมันขม :)
Rin36xxx (@Rin36xxx)
@to.hean.7 เหมือนช่วงนั้นเราสนใจอะไร ก็จะพุ่งเป้าไปที่สิ่งนั้นซะมากค่ะ เช่นชอบดูบอล ก็เลือกดูแต่บอล ไม่ดูวอลเล่ย์ ประมาณนั้นค่ะ
prin_praw (@prin_praw)
เรื่องของเธอน่าสนใจดีนะ ในมุมมองของคนทั่วไป เธอบ่นเรื่องผู้ชาย แต่ก็นะถ้าเธอดีผู้ชายพวกนั้นไม่ทำให้เธอเสียใจหรอก
ความสัมพันธ์แบบชั่วคราวที่ทำซ้ำๆในแอพหาคู่ ดูแย่มาก เธอลิสชื่อผู้ชายญี่ปุ่น ฉันชอบคนญี่ปุ่น พวกเขาเหมือนเป็นคอลเลคชั่นของเธอ
เพื่อนของฉันก็เล่นแอพหาคู่ แต่มีหลายคนอยากได้ความสัมพันธ์แบบ FWB ในแอพ เพื่อนของฉันต้องการความสัมพันธ์ที่จริงจัง เขาจึงหยุดเล่นแอพ
เพราะว่าทั้งสองฝ่ายสามารถหาคนอื่นได้ตลอดเวลาเพราะใช้แอพนั้น บางทีผู้ชายพวกนั้นอาจจะไม่ให้เธอดูโทรศัพท์
ทำไมเธอถึงไม่มีความสัมพันธ์ที่จริงจังกับผู้ชายในประเทศของเธอละ? ในชีวิตจริง การที่เธอพยายามสร้างความสัมพันธ์จริงจังกับคนที่เธอไม่รู้จัก จะทำให้เธอได้ความสัมพันธ์จากความใคร่เท่านั้น
แวบแรกดูเหมือนว่าเธอน่าสงสารและต้องการความสัมพันธ์ที่ดี แต่ถ้าเธอเจอผู้ชายหลายคน และมันไม่ใช่ปัญหาของเธอ,เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีอยู่แล้ว
Rin36xxx (@Rin36xxx)
@prin_praw เรียกว่าแชร์ประสบการ์ณดีกว่าค่า ว่ามันก็มีเรื่องที่ไม่ดีเข้ามาให้น่าหงุดหงิด จะผู้ชายประเทศอะไรก็มีทั้งดีและไม่ดีค่ะ คนไทยที่ไม่โอเคเราก็เคยเจอแต่ไม่ได้นำมาแชร์แค่นั้นค่ะ ตอนนี้จริงจังกับการดูแลและรักตัวเอง ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีอย่างนึงค่ะ