[Verse 1]
I have this thing where I get older, but just never wiser
ฉันมีหลายสิ่งหลังจากที่ฉันได้โตขึ้น แต่กลับไม่ฉลาดขึ้นเลย
Midnights become my afternoons
เวลาเที่ยงคืนกลับกลายเป็นเที่ยงตรงของฉัน
When my depression works the graveyard shift,
ยามที่ความเศร้าเข้ากัดกินทีไร ไม่ต่างจากป่าช้าแตกเลยนะ
all of the people I've ghosted stand there in the room
เหล่าผู้คนที่ฉันได้หนีหายจากพวกเขา ปรากฏตัวมาหลอกหลอนฉันในห้องแห่งนี้
[Pre-Chorus]
I should not be left to my own devices
ฉันไม่ควรปล่อยให้ตัวเองทำตามอย่างที่ใจคิดเลย
They come with prices and vices
มันมาพร้อมกับราคาที่ต้องจ่ายและสิ่งที่ต้องเสีย
I end up in crisis
และสุดท้ายก็จบลงด้วยวิกฤตเสมอ
(Tale as old as time)
(ผ่านมานานจนจะเป็นนิทานซะแล้วสิ)
I wake up screaming from dreaming
ฉันสะดุ้งตื่นกรีดร้องจากความฝันนั้น
One day, I'll watch as you're leaving
ว่าสักวัน ฉันจะต้องมองคุณเดินจากไป
'Cause you got tired of my scheming
เพราะสุดท้ายแล้วคุณก็จะเหนื่อยล้ากับความขี้บงการของฉัน
(For the last time)
(นั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายสินะ)
[Chorus]
It's me, hi
ฉันเอง ว่าไง
I'm the problem, it's me
ฉันนี่แหละตัวปัญหา ฉันเอง
At teatime, everybody agrees
ยามที่ผู้คนนินทา ทุกคนก็ล้วนเห็นด้วยทั้งนั้น
I'll stare directly at the sun, but never in the mirror
ฉันกล้าที่จะทะยานตรงไปสู่ดวงอาทิตย์ แต่กลับไม่ส่องกระจกดูตัวเองด้วยซ้ำ
It must be exhausting always rooting for the anti-hero
มันคงจะเหนื่อยน่าดูสินะที่ต้องมาอยู่กับคนไม่ดีพออย่างที่ฉันเป็น
[Verse 2]
Sometimes, I feel like everybody is a sexy baby
บางครั้งฉันก็รู้สึกราวกับว่าทุกคนเป็นสาวตัวเล็กสุดเซ็กซี่
And I'm a monster on the hill
ขณะที่ฉันตัวใหญ่ราวกับยักษ์ภูเขา
Too big to hang out, slowly lurching toward your favorite city
สูงใหญ่เกินกว่าจะเที่ยวเล่นด้วย เชื่องช้าเดินไปมาในเมืองโปรดของทุกคน
Pierced through the heart, but never killed
แม้จะโดนศรปักเข้าที่อก แต่กลับฆ่าไม่ตายเสียที
[Pre-Chorus]
Did you hear my covert narcissism I disguise as altruism
คุณสัมผัสได้ถึงความหลงตัวเองของฉันขณะทำเป็นเห็นอกเห็นใจคนอื่นบ้างรึเปล่าล่ะ
Like some kind of congressman?
ทำตัวอย่างกับคนในสภาเลยนะว่าไหม?
(A tale as old as time)
(ก็เป็นเรื่องที่พูดกันมานานนม)
I wake up screaming from dreaming
ฉันสะดุ้งตื่นกรีดร้องจากความฝันนั้น
One day, I'll watch as you're leaving
ว่าสักวัน ฉันจะต้องมองคุณเดินจากไป
And life will lose all its meaning
และสุดท้ายชีวิตทั้งหมดนี่ก็จะไร้ความหมาย
(For the last time)
(นั่นคงเป็นครั้งสุดท้ายสินะ)
[Chorus]
It's me, hi
ฉันเอง ว่าไง
I'm the problem, it's me
ฉันนี่แหละตัวปัญหา ฉันเอง
At teatime, everybody agrees
ยามที่ผู้คนนินทา ทุกคนก็ล้วนเห็นด้วยทั้งนั้น
I'll stare directly at the sun, but never in the mirror
ฉันกล้าที่จะทะยานตรงไปสู่ดวงอาทิตย์ แต่กลับไม่ส่องกระจกดูตัวเองด้วยซ้ำ
It must be exhausting always rooting for the anti-hero
มันคงจะเหนื่อยน่าดูสินะที่ต้องมาอยู่กับคนไม่ดีพออย่างที่ฉันเป็น
[Bridge]
I have this dream my daughter-in-law kills me for the money
ฉันเคยฝันว่าสักวันหนึ่งนังลูกสะใภ้จะฆ่าฉันเพราะเรื่องมรดก
She thinks I left them in the will
หล่อนคงคิดว่าฉันจะเขียนชื่อพวกเขาเอาไว้ในพินัยกรรม
The family gathers 'round and reads it
เมื่อครอบครัวมารวมตัวกันและอ่านมันออกมานั้น
And then someone screams out
ใครสักคนคงจะแผดเสียงร้องลั่นออกมา
"She's laughing up at us from hell"
"แม่คงกำลังหัวเราะเยาะเราอยู่ในนรกแน่ๆ!"
[Breakdown]
It's me, hi
ไง นี่ฉันเอง
I'm the problem, it's me
ปัญหามันคือตัวฉันนี่แหละ
It's me, hi
ไง ฉันเอง
I'm the problem, it's me
ตัวปัญหาคือฉันเองแหละ
It's me, hi
ฉันเอง
Everybody agrees, everybody agrees
ใครๆ ก็เห็นด้วยกันทั้งนั้น
[Chorus]
It's me, hi (Hi)
ฉันเอง ว่าไง
I'm the problem, it's me (I'm the problem, it's me)
ฉันนี่แหละตัวปัญหา ฉันเอง
At teatime (Teatime), everybody agrees (Everybody agrees)
ยามที่ผู้คนนินทา ทุกคนก็ล้วนเห็นด้วยทั้งนั้น
I'll stare directly at the sun, but never in the mirror
ฉันกล้าที่จะทะยานตรงไปสู่ดวงอาทิตย์ แต่กลับไม่ส่องกระจกดูตัวเองด้วยซ้ำ
It must be exhausting always rooting for the anti-hero
มันคงจะเหนื่อยน่าดูสินะที่ต้องมาอยู่กับคนไม่ดีพออย่างที่ฉันเป็น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in