เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ครั้งหนึ่ง หญิงสาว ไอน้ำnammatum
นางฟ้าบนพื้นซีเมนท์
  • ครั้งหนึ่งเธอคือดักแด้แห่งชีวิตที่บังเกิดขึ้นในโลกอันบัดซบ 
    และดันทุรังตะเกียกตะกายสู่พื้นฟ้า 

    เธอสยายปีกแห่งอิสระภาพและอวดโฉมแด่แสงอาทิตย์

    ยามอรุณรุ่ง ประกายแสงสีทองคลืบคลานสาดส่องสู่อีกซีกโลกแห่งชีวิต กลใกที่หลับไหลเริ่มทำงานอย่างประนีประนอมและเริงร่า วันนั้นเป็นวันที่ดี เมฆประปรายกระจายบางเบาอยู่เป็นแผ่นกว้างเจือจางอยู่กลางนภากว้าง 

    วันแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ พืชพันธุ์น้อยใหญ่ต่างดื่มด่ำน้ำค้างบนปลายใบอย่างกระหายสดชื่น วันนั้นคือวันที่เธอจะออกจากม้วนผ้าห่ม เธอค่อยๆ ดันผ้าห่มของเธอออกทีละน้อย อย่างกล้าๆ กลัวๆ ผ้าห่มที่คอยปกป้อง มอบไออุ่น มอบความปลอดภัยแก่เธอ แต่แสงตะวันนั้นล่อตาเธอยิ่งกว่าความปลอดภัย เธอต้องออกไปจากตรงนี้ 


    ปีกยับยู่ค่อยๆ พ้นผ้าห่มอุ่น เธอพยายามอย่างหนัก ลมอ่อนปะทะลำตัวของเธอ  เธอเย็นยะเยือกอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน แต่แล้วความเย็นก็แปรเปลี่ยนเป็นหลังเฮือกใหญ่ ตอนนี้ร่างหายของเธอพ้นพันธนาการใดใดแล้ว

     

    ฮีโมลิมพ์ถูกปล่อยออกจากร่างกาย สู่ปีกยับยู่ยี่ที่ไม่มีทีท่าว่าจะสยายออก เส้นเลือดที่เหี่ยวเฉาค่อยๆชุ่มชื้น ครู่ต่อมา เธอก็เรียกมันว่าปีกได้อย่างเต็มปาก ปีกที่หาปีกใกเทียบในอาณาเขตของเธอ 

    บัดนี้ เธอพร้อมแล้ว 


    พฤกษานับแสนล้าน มองดูเธอยามที่โผทะยานขึ้นบิน ปีกของเธอสีดำละเลื่อมสลับขาวแผ่นกว้าง ลึกลับ ทรงเสน่ห์ อิสระภาพเป็นของเธอ เธอตระหนักได้นับแต่ผ้าห่มที่ห่อหุ้มกายเธอถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง เธอทะนงตน และจ้องจะโผบินเพื่อแสร้งว่าเธอเพียงบินไปเท่านั้น


    เธอกำเนิดขึ้นจากธรรมชาติที่พิศวง ทุกย่างคือความพิศวงสำหรับเธอ รวมทั้งสิ่งที่เรียกว่า ชีวิต 

    เธอจะงดงามจากนี้ และเรื่อยไป 
    เธอคิด เธอยิ้ม และโผบินอย่างมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย 


    10 วันผ่านล่วง
    10 วันแห่งความเริ่งร่า เธอยังคงบินต่อ แต่แล้วเธอก็รู้สึกได้ถึงความเหนื่อยอ่อน ที่สวนทางกับความกระชุมกระชวยในใจเธอ เธอบินช้าลง ปีกของเธอไม่กระพือไปตามใจหวัง เส้นเลือดในกายเธอเริ่มฝืดเฟือน ดวงตาเธอเริ่มพร่าเลือน มิตรสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของเธอบัดนี้หายหน้าหายตาไปเสียมาก จนเธอไม่พบใครอีก 


    เธอยังคงบินต่อไป ดั่งชีวิตนีก่อเกิดมาเพื่อชมเชยโลกให้ทั่ว เธอตั้งปณิธาน ว่าเธอจะมองโลกนี้ทั้งหมด และให้โลกทั้งใบมองเห็นเธอ และชื่นชมเธอ

    แต่แล้ววันหนึ่งเธอร่วงหล่นสู่พื้นปูนซีเมนต์ที่แข็งกระด้างหยาบคายและไร้ชีวิตชีวาดังเช่นชีวิตของเธอที่หลุดลอยไป


    ตอนนี้เบื้องล่างคือเมืองใหญ่ มีสัตว์หลายชนิดแปลกตาและเย็นชา สัตว์ที่ว่ามีลักษณะกายสี่เหลี่ยมขนาดมหึมา มีตาสีเหลี่ยมมากมายอยู่ริมตัว บ้างก็มีสีสั้นฉูดฉาด บ้างก็สีขาวเรียบ บ้างก็สวมหมวกรูปทรงพึลึก สัตว์เหล่านั้นไม่แม้แต่จะชายตามองเธอหรือปฏิสัมพันธ์ใดใดด้วย 

    เธอน้อยเนื้อต่ำใจ ไม่ว่าเธอจะบินโฉบไปใกล้เพียงใด ก็ไม่รับรู้ถึงความรักที่มีต่อเธอ เธอต้องไปจากสัตว์พวกนี้ เธอต้องไปในที่ที่สัตว์และพืชพันธุ์สีเขียวดังที่คุ้นเคยก่อนหน้า

    ไม่ทันเท่าใจนึก ร่างกายชะงักงัน ร่วงลงเรื่อยๆสู่พื้นสีเทาเบื้องล่างที่เย็นชา

    เธอนอนแน่นิ่งอยู่ที่ตรงนั้น เธออยากพลิกตัวไม่ให้ปีกของเธอเปรอะเปื้อนหรือมีรอย แต่เธอไม่อาจทำได้ เธอหมดเรี่ยวแรง และค่อยๆหลับตา สติสัมปชัญญะของเธอดิ่งลง ดิ่งลง ดิ่งลง 


    มดน้อยใหญ่รุมเร้ากายเธอ แต่เธอไม่มีโอกาสได้รู้ หรือเธออาจจะรู้โดยมองร่างของเธอผ่านร่างที่โปร่งใสไร้สังขาร เธอต้องตายจากโลกนี้แล้ว 


    เธอเอาสิ่งใดไปได้บ้าง ปีกที่เธอภูมิใจนักหนาหรือ ?                                อิสระที่จะโผบินเพื่ออวดกายและรับลมบริสุทธิ์พร้อมดื่มด่ำเกสรหวานหรือ ? 

    เธอทำมันไม่ได้อีกแล้ว ปีกของเธอก็ต้องคาราคาซังคงอยู่บนโลกและกลายเป็นผุยผงที่ไร้ร่องรอยของความงามดังเช่นวันวาน ไร่ซึ่งการจดจำใดใด เธออาจกำลังเพ่งพินิจเรือนร่างของเธอ จนกระทั่งหญิงสาวนำร่างของเธอขึ้นมา ปัดฝุ่นผุยผงที่เธอรังเกียจ เป่าการรังควาญของมดนับสิบที่กำลังเพิ่มพูนเป็นร้อยเป็นพันเรียงรายประดังเข้ามา

    ขอร่างเธอจงอยู่กับฉัน ขอจิตของเธอจงไปสู่ร่างใหม่ตามที่เธอปรารถนา




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in