เอาละ เรารู้เเล้วว่าเราจะฝึกที่โรงเรียนอนุบาล
แต่ว่าเราจะฝึกที่ไหนดี
อย่างที่เรารู้กันดีตอนนี้สถานการณ์ไม่ปกติซักเท่าไหร่ การไปฝึกงานที่เกี่ยวข้องกับเด็กก็เป็นงานที่ต้องระมัดระวังไม่แพ้กัน ซึ่งในช่วงเดือนมีนาคม เดือนที่ยังคงวุ่นกับวิชาสัมมนา คุณครูก็แจ้งว่าเราควรเริ่มติดต่อหรือมองหาสถานที่ฝึกงานได้แล้ว ในตอนนั้นเราค่อนข้างว้าวุ่นใจพอสมควร เพราะเพื่อน ๆ ที่ลองยื่นบริษัทใหญ่ ๆ ไป เริ่มบ่นว่าไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์เลย หรือแม้แต่การตอบกลับอีเมลด้วยซ้ำ ทำให้เรากระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้ง (เพราะกลัวไม่มีที่ฝึกงาน)
มีโรงเรียนที่เราอยากทำอยู่ด้วยกันประมาณ 4 โรงเรียน ซึ่ง 3 โรงเรียนแรก อยู่ใกล้บ้านเราพอสมควร ให้แม่ไปรับไปส่งได้สะดวกดี แต่อีกโรงเรียนกลับเป็นโรงเรียนที่เราอยากลองไปทำมาก แต่กลับค่อนข้างไกลจากบ้านเรา ก็คือ โรงเรียนเด่นหล้า
โรงเรียนเด่นหล้า เราเคยได้ยินชื่อบ่อย ๆ แต่กลับผ่านไม่ค่อยบ่อยเพราะอยู่กันคนละถนน (บ้านเราอยู่ถนนบรมราชชนนี โรงเรียนอยู่ถนนเพชรเกษม) และเราเองก็รู้ซึ้งความรถติดของถนนเส้นเพชรเกษมดีเลยไม่ได้ไปถนนเส้นนี้มากเท่าไหร่ ซึ่งเเน่นอนโรงเรียนนี้นอกจากจะเป็นโรงเรียนที่ศิลปินวงที่เราชื่นชอบเคยเรียนแล้ว (เตนล์ NCT, Way V) ยังเคยเป็นโรงเรียนที่รุ่นพี่ที่สนิทเคยมาฝึกงานอีกด้วย เราเคยอ่านการฝึกงานของรุ่นพี่ที่เคยมาฝึกงานทั้งคู่ เเล้วรู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก ลำดับโรงเรียนที่อยากฝึกงานโดยไม่คำนึงถึงการเดินทางระยะ 21 กิโลเมตร และถนนที่รถแสนติดของเรา เลยตกเป็นของโรงเรียนเด่นหล้าโดยไม่ต้องสงสัย
เราตัดสินใจโทรไปถามคุณครูที่โรงเรียนในวันหนึ่งช่วงปลายเดือนมีนาคม เราจำได้ว่าเราพูดเร็วมาก พูดไปลิ้นพันไป มือก็สั่น ซึ่งคุณครูที่รับสายก็พูดอย่างใจเย็นและติดต่อกับคุณครูฝ่ายบุคคล ซึ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะเมื่อบอกว่ามาจากวรรณกรรมสำหรับเด็ก มศว คุณครูก็บอกว่าให้เอาเอกสารส่งตัวจากทางมหาลัยมายื่นได้เลย เรากับเพื่อนอ้าปากค้าง ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่คิดว่าจะง่ายขนาดนี้ และเริ่มเตรียมทำเรื่องยื่นไปทางคณะเกี่ยวกับการฝึกงาน แต่เหมือนความง่ายดายมันจะธรรมดาเกินไปสำหรับนิสิตวรรณกรรมสำหรับเด็กอย่างเรา
โควิดระลอกใหม่กลับมาอีกครั้งในเดือนเมษายนแถมหนักกว่าเดิม และแม่เราเข้าโรงพยาบาล
อย่าเพิ่งตกใจ แม่เราไม่ได้เป็นโควิด แต่อาการที่เป็นก็หนักพอควร แม่เราเป็นลิ่มเลือดอุดตันในปอด หายใจเองไม่ได้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา (ในช่วงเเรก) ซึ่งแม่เราต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดระยะ 12 วัน เพราะแค่ลุกหรือกินข้าวแม่ก็เหนื่อยมาก ๆ ทำให้เราต้องอยู่ดูแลแม่แทบ 24 ชั่วโมงตลอดระยะเวลาช่วงนั้น เราเลยเริ่มคิดว่า ถ้าเเม่ออกจากโรงพยาบาลแล้วใครจะดูแลแม่ละ ถ้าไม่ใช่เรา เราเป็นลูกคนเดียว และยังไม่มีรายได้ พ่อก็ต้องทำงานเพื่อนำเงินมาดูแลแม่ ดังนั้นความฝันที่(ใกล้)จะสำเร็จของการจะฝึกที่เด่นหล้าเลยโดนพับไปก่อน (ชั่วคราว) เพราะอย่างน้อยการฝึกงานใกล้บ้านคงจะมีเวลาได้ดูแลแม่ได้มากกว่า
เราทำการโทรหาโรงเรียนใกล้บ้านทันทีที่ตัดสินใจ แล้วก็พบว่าโรงเรียนใกล้บ้านที่ปกติรับเด็กฝึกงานรับนักศึกษาฝึกงานไม่ได้เพราะสถานการณ์โควิดที่กำลังระบาดอย่างหนัก รวมถึงโรงเรียนใกล้บ้านอีก 2 โรงเรียนที่ไม่รับเด็กฝึกงาน และติดต่อไม่ได้เลย เราจึงปรึกษาครอบครัวอีกครั้ง พ่อกับแม่จึงให้เราฝึกที่เด่นหล้าตามเดิม
แต่เรื่องก็จะดูง่ายเกินไปอีกสำหรับเรา เลยเพิ่มความกระวนกระวายใจให้เราอีกนิด ด้วยการประกาศเลื่อนเปิดเทอมของโรงเรียนครั้งแรกเป็นวันที่ 1 มิถุนายน และเปลี่ยนรอบปัจจุบันคือ 14 มิถุนายน ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ในช่วงรอและรอและรอ ที่จะไปติดต่อกับโรงเรียนเพื่อสอบถามรายละเอียดต่อไป เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะทุกคน ㅜㅡㅜ
สมัยพี่เรียนก็มีการเลื่อนเปิดเทอมมหาลัย เพราะเป็นปีแรกที่ไทยเข้าร่วม AEC เลยต้องปรับการเปิด-ปิดเทอมให้ตรงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อให้นักศึกษามาเรียนแลกเปลี่ยนกันได้สะดวก เลยมีเวลาช่วงปิดเทอมปี 3 เทอม 2 ยาวถึง 6 เดือนเลยครับ ตอนแรกพี่ว่าจะฝึกงานที่กระจกเงาซัก 3 เดือน แต่พ่อก็มาป่วยเป็นไส้เลื่อนซะก่อนเลยทำได้แค่ 2 เดือน ต้องกลับไปขายต้นไม้ที่กรุงเทพแทนพ่อ และดูแลพ่อ เรื่องราวเราคล้าย ๆ กันเลยนะครับ ?