เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เด็กฝึกงาน's story (เป็นเด็กฝึกงานมันไม่ง่ายนะคุณ)Meji Tnb'
Day 2: วันที่สองของการฝึกงานกับความผิดพลาดที่น่าจดจำ
  • ความเดิมตอนที่แล้ว: เราได้ไปฝึกงานที่แซลมอนเป็นวันแรก พร้อมกับสภาพที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน และจบวันด้วยงานสามชิ้นจากพี่ในกองฯ

    เราเป็นคนที่ชอบวางแพลนไว้ในหัว วางไว้ว่าวันนี้จะทำอะไรบ้าง คืนนี้จะทำอะไร แล้วพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อ หลังจากเลิกงาน เราเลยตั้งใจว่าพอถึงห้อง เราจะอาบน้ำ เตรียมของสำหรับพรุ่งนี้ ตั้งนาฬิกาปลุก นอน ตื่นมาอีกทีในตอนเช้า และเตรียมพร้อมสำหรับการไปฝึกงานในวันต่อมา

    แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ (ถ้ามีปาปิก้า ถุ้ย) เพราะคืนนั้นเราดันบังเอิญตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะฝันว่าทำงานอย่างหนัก (ฝันได้โคตรเหมือนจริงด้วยนะ ในฝันคือกำลังทำงานกับกองฯ วิ่งไปวิ่งมาดูยุ่งมาก) แล้วพอตื่น ก็ดันหลับต่อไม่ได้ด้วย แต่นั่นแหละ ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น สุดท้ายเราก็เผลอหลับ พร้อมกับตื่นมาในเช้าวันที่สองของการฝึกงานด้วยเสียงของแม่ที่บอกว่า “อ้าว นี่เที่ยงแล้วนะ ยังไม่ไปฝึกงานอีกหรอ?”

    ชิ บ ห า ย เ เ ล้ ว !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    โอ้โห เล่ามาถึงตรงนี้ยังจำความรู้สึกตอนโดดลงจากที่นอนแล้ววิ่งไปอาบน้ำได้อยู่เลย ตอนนั้นในหัวเราวนเวียนไปด้วยความรู้สึกผิดขั้นสุด คำพูดของพี่ที่บอกว่า “ที่นี่เข้างานสิบโมงนะ แต่มาสายหน่อยก็ได้ ซักสิบโมงครึ่ง อย่าเกินสิบเอ็ดโมงก็พอ” ลอยวนไปมาในหัว พี่บอกว่าอย่าเกินสิบเอ็ดโมง แล้วดู อินี่เพิ่งตื่นตอนเที่ยงกว่า มรณะของจริง
  • หลังจากอาบน้ำแต่งตัวด้วยความเร็วสูง เราก็รีบซ้อนพี่วินฯไปหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถเมล์สีส้มที่คุ้นเคย อยากขอบคุณมากที่ตอนนั้นรถเมล์มาพอดี แถมพาเรามาถึงที่หมายในเวลาอันรวดเร็ว เราเลยมาถึงรัชดาซอยสามตอนประมาณบ่ายโมงกว่า และได้เจอเพื่อนที่ฝึกงานก่อนเดินเข้าตึก

    พอได้เจอเพื่อนพร้อมกับรู้ว่าพี่ไม่ได้ว่าอะไร แค่ถามหาเฉย ๆ เราก็โล่งอกไปเปราะนึง และตัดสินใจไปกินก๊วยเตี๋ยวก่อนเตรียมตัวเข้าทำงาน เวลาบ่ายสองเลยเป็นเวลาที่เราเข้าออฟฟิศพอดี

    แต่ถึงพี่จะไม่ว่าอะไรก็เถอะ ด้วยความที่ห้องของบก.บห. (บรรณาธิการบริหาร) ของแซลเป็นห้องกระจก ทำให้เราที่เข้าไปในเวลาบ่ายสองอดรู้สึกผิดไม่ได้ (ถ้าบังเอิญพี่ได้มาอ่าน หนูต้องกราบขอโทษด้วยนะคะ) เอาเป็นว่าวินาทีที่โผล่หัวเข้าไปในออฟฟิศตอนนั้น เป็นวินาทีเดียวกับที่เราสัญญากับตัวเองว่า ต่อให้ไม่มีใครว่าอะไร แต่เราจะไม่ไปสายอีกแน่นอน!

    (ไว้รอดูวันต่อ ๆ ไปแล้วกันเนอะ ถ้าสายมาตามด่าเราได้เลย ขอน้อมรับความผิด)

    พูดถึงความผิดพลาดของวันนี้ไปแล้ว เรามาพูดถึงออฟฟิศวันนี้กันบ้างดีกว่า

    ออฟฟิศวันนี้ดูต่างไปจากเมื่อวาน เพราะที่ริมซ้ายสุดของห้องมีโต๊ะตัวนึงพร้อมเก้าอี้ไม้ยาวจัดเอาไว้ให้ เป็นโต๊ะที่เพื่อนในกองฯบอกมาว่า คือโต๊ะทำงานของพวกเรานั่นเอง :)
  • จากตอนก่อน หลายคนอาจจะสังเกตว่าเรานั่งอยู่ที่โซฟาแทบตลอด ในขณะที่เพื่อนคนอื่น ๆ เริ่มแยกย้ายไปทำงานตามที่ต่าง ๆ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เราต้องนั่งโซฟาคือโต๊ะในออฟฟิศไม่พอ เราเลยไม่มีโต๊ะทำงานแบบคนอื่นเขา (ก็นะ เด็กฝึกเต็มออฟฟิศขนาดนั้น) หลังจากเหลือบมองนาฬิกาและสำนึกได้ว่ามีงานต้องทำ เราเลยนั่งทำงานอย่างมุ่งมั่นเพื่อชดใช้ความผิดจากการมาทำงานสาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับผิดไปจากที่เราคิดไว้มาก

    ระหว่างที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง (ดูอวยตัวเองยังไงชอบกล) พี่ในกองฯก็เดินมาหาพวกเราที่โต๊ะพร้อมกับบอกว่า “พักไปทำอย่างอื่นบ้างก็ได้นะ อย่าเอาแต่ทำงานอย่างเดียว” โห เป็นประโยคที่โคตรจะขัดแย้งกับที่เราโดนสอนมาเลย

    คือที่คณะเราเนี่ย ก่อนมาฝึกงานจะมีอบรมเพื่อเตรียมความพร้อม หนึ่งในข้อปฏิบัติพื้นฐานที่เราควรทำก็คือ ให้ทำตัวกระตือรื้อร้นอยู่เสมอ ถึงตอนนั้นจะไม่มีงานให้ทำ ก็ไม่ควรงีบหรือเล่นเฟส/เล่นโทรศัพท์ ซึ่งมันขัดกับบรรยากาศของแซลมาก เพราะนี่คือเรามีงานทำ แต่พี่กลับบอกว่าไม่ต้องทำตลอดก็ได้ ให้พักบ้าง ตอนนั้นเราเลยบอกพี่ไปว่า “พี่ให้หนูทำเถอะค่ะ หนูเพิ่งมาเอง” แล้วก็ได้เสียงหัวเราะจากพี่ตอบกลับมา เออ ชิวดี

    วันที่สองของการฝึกงานเลยหมดไปกับการทำงานนู้นสลับงานนี้ พูดคุยกับเพื่อนที่ฝึกงาน ทำงานกับพิสูจน์อักษร (ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทำงานร่วมกัน) นั่งพักบ้างอะไรบ้าง ก่อนจะออกจากออฟฟิศตอนทุ่มกว่า ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานพอดี

    ป.ล. ที่นี่จะเข้างานกันช่วง 10-11 โมงเช้า พักกลางวันตอนช่วงเที่ยง-บ่าย (แล้วแต่ว่าจะไปกินข้าวตอนไหน) แล้วเลิกงานกันประมาณหนึ่งทุ่ม หมายถึงช่วงที่งานไม่เยอะจนต้องอยู่ดึก ๆ น่ะนะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in