คิ้วผมขมวดเป็นปมเมื่อเหลือบไปเห็นวันที่บนหน้าจอมือถือ
น่าตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะกลายเป็นคนลืมวันลืมเวลาไปได้ หรือจะให้แก้ต่างว่ามันก็เป็นอาการปกติของบรรดานักศึกษาในช่วงวันหยุดยาว ที่บ้างใช้เวลาไปทำสิ่งที่อดใจมานานจนหลงวันหลงคืน หรือไม่ก็ทำตัวสโลว์ไลฟ์ปล่อยเวลาให้ไปเรื่อยโดยไม่สนใจความเป็นไปของโลกข้างนอก เช่นผมเป็นต้น
ฟังดูมีหลักการ แต่ไม่ใช่กับวันนี้
ผมหยิบผ้ามาเช็ดคราบเลอะตรงมุมปาก อาหารที่ตกถึงท้องเติมเชื้อพลังให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉงอีกครั้ง ผมสั่งแครมบรูเล่กับพนักงานสาวที่เพิ่งเดินผ่านไป แม้เคยสาบานไว้แล้วว่าจะงดของหวานอย่างเด็ดขาดตลอดวันหยุดนี้ หลังจากหมดสิ้นเทศกาลสอบควบเดดไลน์ส่งไฟนอลโปรเจ็คต์อันโหดร้ายที่ทำให้ผมอยากน้ำตาลหน้ามืดตามัว ซึ่งผลที่ตามมาก็คือไขมันส่วนเกินที่เริ่มบดบังมัดกล้ามที่อุตส่าห์สร้างมากับมือ แต่ไหน ๆ ก็เป็นวันฉลองวันเกิดของตัวเองแล้ว ก็ขอตามใจปากสักหน่อย
วันฉลองวันเกิด ยังคงฟังพิลึกเหมือนเดิม แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้เรียกอย่างไรเหมือนกัน เลยติดมาจากตาแก่นั่น
รสชาติหวานละมุนถึงกระเพาะอย่างรวดเร็ว สัมผัสนุ่มลิ้น หอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ปลุกความต้องการที่ซุกซ่อนไว้นานให้ปะทุดั่งภูเขาไฟ ผมเรียกพนักงานสาวคนเดิม เธอกระตือรือร้นเดินเข้ามาหา ผมตัดสั้นสีบลอนด์พลิ้วไหวไปตามการเคลื่อนตัว “ขอเค้กโอเปร่ากับโกโก้ร้อนเพิ่มด้วยครับ”
ของหวานรอบที่สองถูกเสิร์ฟ พร้อมยิ้มหวานจากบริกรสาวก่อนเธอจะเดินจากไป โอ้ นั่นเธอเพิ่งขยิบตาให้หรือเปล่ากัน แต่ผมไม่รอช้า ตัดชั้นครีมหนา ๆ เข้าปาก กลิ่นโกโก้ อัลมอนด์ เนยและกาแฟคละเคล้ากันจนแทบแยกไม่ออก เป็นรสชาติลงตัวอย่างไม่มีที่ติ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังเสียดายที่ที่นี่ไม่มีทาร์ตมะนาว ผมคิดถึงรสชาติอมเปรี้ยวที่ซ่อนอยู่ใต้เนื้อหนึบ ๆ ของเมอแรงค์ ทำให้นึก ‘บ้าน’ อย่างช่วยไม่ได้
แน่นอนว่ามันเป็น ‘เค้กวันเกิด’ ที่ออกจะหลุดกรอบไปสักหน่อย แต่ไม่มีใครขัดความต้องการของผมอยู่แล้ว แม้จะเป็นงานฉลองที่มาผิดเวลาก็ตาม มันเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันในครอบครัวตั้งแต่ผมยังจำความได้ ผมก็เข้าใจดีนะ ดูจากปริมาณงานความรับผิดชอบของพ่อแม่แล้ว จะให้หาเวลามาอยู่กันพร้อมหน้านั่นแทบเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นการจัดงานช่วงวันหยุดเทศกาลแทนดูจะเป็นความคิดที่ ‘บรรเจิด’ ที่สุดอย่างที่ตาแก่ว่า แต่ก็ทำให้ผมเองแทบลืมวันเกิดจริง ๆ หนึ่งเดือนก่อนหน้าไปเลยช่วงนั้น
ส่วนปีนี้ มันออกจะตลกร้ายไปเสียหน่อย เพราะขนาดออกมาใช้ชีวิตคนเดียวได้เสียที ผมยังพลาดลืมวันเกิดจริงไปจนได้ แต่คราวนี้ เพราะมัวแต่หัวปั่นกับงานกองพะเนินควบไปกับการเตรียมสอบปลายภาค จะมีข้อแตกต่างเดียวก็คือ มันเป็นปีเเรกที่ผมฉลองเพียงลำพัง
โกโก้ที่เหลืออยู่เย็นชืดลงอย่างรวดเร็ว ผมจึงรีบดื่มให้หมดและเรียกคิดเงิน หญิงสาวคนเดิมวางถาดใส่ใบเสร็จลงบนโต๊ะ ผมให้เงินค่าอาหารพอดีราคา พยายามทำเป็นมองไม่เห็นเลข 10 หลักตัวเล็ก ๆ ตรงขอบกระดาษ เธอเดินจากไปด้วยสีหน้าผิดหวัง ทิ้งกลิ่นคาราเมลหวานเอียนของน้ำหอมที่ยังโชยมาแตะจมูก
ของหวานที่นี่ก็พอใช้ได้ แต่สตูว์ไม่ได้เรื่องเลยสักนิด
❄❄❄
แผนช่วงบ่ายเปลี่ยนไปเล็กน้อยหลังจากการเหตุการณ์เมื่อมื้อกลางวัน ผมกะแวะร้านหนังสือแถว อพาร์ตเมนต์เผื่อจะเจอหนังสือน่าสนใจสักสองสามเล่มเป็นของขวัญให้ตัวเองได้อ่านฆ่าเวลาตอนกำลังว่าง ๆ แบบนี้ ที่ตลกก็คือ ผมไม่รู้ตัวเลยว่าขาของผมพาเดินเส้นทางที่ต้องผ่าน เลตัวล์ เหมือนร่างกายขับเคลื่อนอัตโนมัติจากความเคยชิน ผมยืนจ้องประตูไม้โอ๊คที่เห็นมาวันแล้ววันเล่า ก็เลยงง ๆ ว่าทำไมคราวนี้ถึงรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ
แวะทักทายหน่อยคงไม่เสียเวลาอะไร และก็ผลักประตูเข้าไป
ผมเลิกคิ้ว รู้สึกประหลาดใจเมื่อไม่เห็นวี่แววของสิ่งมีชีวิตใดใด ร้านเงียบสนิทจนได้เสียงฮัมจากตู้แช่แข็งที่กำลังทำงานชัดเเจ๋ว ไม่กลัวจะมีใครเข้ามาเลยรึไง ผมเดินมาตรงตู้โชว์เนื้อขนาดใหญ่ติดเคาน์เตอร์ กวาดตามองวัตถุดิบทั้งของสดและแปรรูปที่วางเป็นระเบียบ ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นของเกรดดีราคาแพง แพงชนิดที่ขืนโดนขโมยไปคงเสียหายสาหัสพอ ๆ กับโดนปล้นเงิน ผมคิดว่าจะซื้ออะไรสักอย่างกลับไปทำมื้อเย็นเลยดีไหมแม้จะขี้เกียจอยู่หน่อย ๆ ก็ตาม
เสียงประตูเปิดดังเอี๊ยดทำผมสะดุ้งเล็กน้อย เจ้าหมอนั่นโผล่ออกมาจากประตูหลังเคาน์เตอร์ ในมือหอบลังไม้ที่วางซ้อนกันอยู่สามชั้นดูทุลักทุเลจนน่าขันเกินกว่าจะเห็นใจ
“ให้ช่วยไหม” ดูท่าความสงสารเอาชนะไปจนได้
“ไม่ต้อง” หมอนั่นเดินโงนเงนไปที่โต๊ะสุดมุมร้าน ก่อนค่อย ๆ วางของอย่างระมัดระวังแทบเห็นท่อนแขนสั่นเกร็งใต้เเขนเชิ้ต
ดื้อจริง ๆ ผมเดินมามองใกล้ ๆ และเห็นว่ามันคือลังใส่ไข่ ดูแวบเดียวก็รู้ว่าไม่ใช่ไข่ไก่ธรรมดา ผมเอ่ยปากถามเขาอย่างใคร่รู้ มือยื่นไปลูบผิวเย็น ๆ เรียบ ๆ ขนาดมันใหญ่พอ ๆ กับมือผมได้
“ไข่ห่านน่ะ ของลูกค้าสั่งไว้” ผมฟังหมอนั่นสาธยายถึงมาดามเจ้าของภัตตาคารชื่อดังที่พูดชื่อปั๊บก็ต้องร้องอ๋อ ไม่เคยรู้มาก่อนว่าไข่ห่านเอาไปใช้เป็นส่วนผสมทำเส้นพาสต้าได้ด้วย มันให้รสชาติที่เข้มข้น อีกทั้งให้สารอาหารมากกว่าไข่ไก่ธรรมดา และแน่นอนว่าราคาก็สูงตามไปด้วยเช่นกัน ความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว
ถ้าได้สักฟองมาทำข้าวเย็นคงดีไม่น้อย ในเมื่อผมเองก็โปรดปรานเมนูไข่กว่าสิ่งอื่นใด แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านความคิดผมออก สีหน้าของเขาส่งกระแสจิตที่ตีความได้ประมาณว่า ‘อย่าริอาจคิดเชียว’
“ลืมไปได้เลย” เขากอดอก “นี่ถ้าเจ้าหล่อนนั่นไม่ใช่ลูกค้าเก่าแก่ของร้านมานานและอุตส่าห์มาของร้องถึงที่ล่ะก็— ” ก่อนจะพูดจบ ผมขัดเขาด้วยหน้าตาออดอ้อน หวังให้ใจอ่อน แต่หมอนั่นยังยืนกรานปฏิเสธเสียงแข็ง ผมบุ้ยปาก รู้สึกเหมือนกำลังเล่นฉากง้องอนที่เห็นได้ตามละครโทรทัศน์ที่พวกผู้หญิงชอบดู แต่ทำไมดูท่าว่าจะไม่ใช่ไข่ห่านหรอกที่ผมอยากได้
“เจ้าคนงก”
“นายเป็นเด็กห้าขวบหรือไง ทำอย่างกับว่าฉันมีห่านวิเศษเลี้ยงไว้ที่บ้าน” เขาตอกกลับ ชักไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายแค่หยอกกลับหรือไม่สบอารมณ์จริง “นายไม่มีวันเข้าใจแน่ว่ากว่าจะให้ห่านออกไข่ในฤดูหนาวได้มันยากเย็นขนาดไหน”
ผมขบริมฝีปากตัวเอง “โอ้ เผื่อว่ามันจะออกไข่ทองคำสักวันงั้นหรอกเหรอ”
หมอนั่นแค่นหัวเราะ “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ดีสิ แต่คงทำให้ฉันยิ่งกลัวเด็กเอาแต่ใจอย่างนายเข้าไปใหญ่ โลภมากลาภหายนะรู้ไหม”
ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้ใส่ใจสิ่งที่พูดออกมา แถมเราก็แทบไม่รู้จักกันนอกเหนือสถานะพ่อค้ากับลูกค้า แต่ผมอดรู้สึกขุ่นเคืองถึงความอยุติธรรมเสียไม่ได้ โชคร้ายที่ประวัติของผมช่างเป็นสมการที่ลงตัว ลูกชายคนเดียวทายาทตระกูลมีชื่อเสียงแสนร่ำรวย พ่อแม่เป็นคนใหญ่คนโตในสังคม ไม่แปลกใจ ถ้าผมจะโดนคนนอกตัดสินตลอดเวลา ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเด็กเอาแต่ใจ จะทำอะไรไม่เคยหวังพึ่งอิทธิพลของที่บ้าน แต่บางครั้งความเอาแต่ใจกับความทะเยอทะยานคงมีเพียงเส้นบาง ๆ กั้นไว้ แม่ผมเองนี่แหละ ที่กลัวว่าผมจะโดนตามใจจนเสียคนกว่าใครๆ (ส่วนพ่อผมคงได้แต่หัวเราะและแย้งว่าแม่คิดมากไปแล้ว) ถึงอย่างนั้น ผมก็กลายเป็นเจ้าชายตัวน้อย ๆ ที่หวังอะไรก็ต้องได้ตามที่ปรารถนาในท้ายที่สุด (ไม่แปลกใจว่าทำไมจิตใจผมถึงพินาศย่อยยับ เมื่อมีเรื่องความรักเข้ามาเกี่ยว)
เวลาที่ล่วงเลยช่วยให้ผมได้เห็นความจริงบางอย่าง ว่าการโดนสปอยล์สุดเหวี่ยงอาจไม่ใช่แค่เรื่องวันเกิดที่ผิดเวลา แต่เป็นการชดเชยอะไรที่มากกว่านั้น ตอนนั้นผมคงเด็กเกินไปที่จะเข้าใจอะไร ผมมาตระหนักได้ทีหลังว่าพวกเขาพยายามยื้อความสัมพันธ์ครอบครัวใกล้พังนี่เอาไว้สุดแรงขนาดไหน ส่วนถ้าถามว่ามันเป็นการชดเชยที่คุ้มค่าหรือไม่นั้น ผมลังเลที่จะตอบ
“นายรู้ไหมว่าวันนี้วันเกิดฉันน่ะ”
ก็ไม่แน่ ผมอาจเป็นเด็กเอาแต่ใจอย่างที่เขาว่าก็ได้
หมอนั่นจ้องผมเขม็งจนผมเกือบหลุดหัวเราะ “ฉันจะโกหกนายไปทำไมกัน นี่ฉันกำลังจะไปหาซื้อของขวัญให้ตัวเองพอดีเลย” ผมยิ้มแป้น แน่นอนว่าโคตรมีพิรุธ แต่ผมก็ไม่ได้โกหกทั้งหมดสักหน่อย อ้าว เดินหนีเข้าหลังร้านไปซะแล้ว
แต่กลายเป็นว่า เขาเดินกลับออกมาพร้อมเก้าอี้สองตัว อีกข้างหนึ่งถือเขียงไม้ทรงกลมมาว่างไว้บนเค้าน์เตอร์ก่อนสั่งเสียงขรึมให้นั่งลง ผมปฏิบัติตามแต่โดยดี
“ยังไงฉันคงให้ไข่นายไปไม่ได้ เจ้าแม่จอมเฮี้ยบนั่นคงบีบคอฉันตาย และเผลอ ๆ จะตามมาจัดการนายด้วย” หมอนั่นพูดราวกับว่าผมหนี้ชีวิตเขา “หวังว่านายคงไม่ได้กินข้าวกลางวันมาก่อนนะ” บนเขียงไม้ คือออร์เดิร์ฟแบบเสิร์ฟเย็นขนาดย่อมที่ถูกจัดวางอย่างพิถีพิถัน มุมหนึ่งมีก้อนชีสกลมสีเหลืองนวลวางอยู่คู่กับแถวแครกเกอร์และแอปเปิ้ลฝานสี่ห้าชิ้น ผมอ้าปากค้าง
จริงอยู่ที่ท้องผมยังอิ่มแปล้จากอาหารกลางวันและของหวานที่สวาปามไม่ได้สติ แต่เมื่อเห็นใบหน้าแสนภูมิอกภูมิใจของเจ้านั่น ก็ต้องรีบกลืนคำปฏิเสธลงคอ “นายนี่คนดีเหมือนที่แฟนนายพูดเลย” ผมโพล่งขึ้นมาหวังแค่แซวเล่น แต่หมอนั่นกลับทำหน้าเหวอ แก้มขึ้นสีระเรื่อเผยรอยกระที่ผมไม่เคยสังเกตเห็น เหมือนมีคนทำผงซินนาม่อนตกใส่ หรือแค่ตรงนี้เป็นมุมที่แสงไฟสีส้มของร้านตกกระทบพอดีกัน แต่จากปฏิกิริยาแล้ว ที่ผมพูดก็น่าจะ—
“ถ้าพูดถึงยัยนั่นแล้วล่ะก็ เธอไม่ใช่แฟนฉัน” เสียงตะโกนทำผมตกใจจนชะงัก หมอนั่นเเก้เขินที่เผลอหลุดพูดเสียงดังโดยเริ่มชี้อธิบายของที่เสิร์ฟ — นั่นคาโปโคลโล่ สันคอหมูสไลด์แบบอิตาเลี่ยน นี่ พาร์ม่าแฮม เสียดายที่ตอนนี้ไม่ใช่หน้าเมล่อน ได้ทานคู่กันคงจะดีไม่น้อย ตรงนี้เป็นแตร์รีนตับห่านของขึ้นชื่อของที่ร้าน ทานกับชีสบรีเนื้อเหนียวรสมัน พูดจบเขาก็ส่งมีดตัดเนยแข็งมาให้
“อาจไม่ใช่เค้กวันเกิดตามธรรมเนียมนัก” เขาไม่สบตาผม นิ้วแตะก้อนเนยแข็งสีเหลืองนวล “แต่คิดซะว่าเป็นทาร์ตมะนาวล่ะกัน”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in