เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SURVIVOR IN JAPAN 1ST TIME BY ตูนเองctboonin
SURVIVOR IN JAPAN : MT.FUJI - KAWAGUCHIKO


  • 18/4/61

    สวัสดีค่ะ

    ตูนเอง


       มาถึงวันที่ 2 ก่อนนอนเมื่อคืนนัดกกับแม่ดิบดีว่าจะต้องตื่นตอนตี4 เพราะแม่บอกต้องขึ้นรถบัสตอน 6:15 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตื่นตอนตี4ครึ่ง กว่าจะออกจากโรงแรมก็ประมาณตี5:15 จาก tawaramashi ต้องไปขึ้นรถบัส ที่shibuya ฟาคคคคคคค ชั่วโมงเดียว ไหนจะต้องรวมเวลาเดินหาอู่รถอีก พอออกจากโรงแรมก็ซอยตีนผีกันลูกเดียว พอได้นั่งในรถไฟ จิตก็ไม่ได้สงบขึ้น คิดกันอย่างเดียวถ้าไม่ทันจะทำไงวะ แล้วอีนี่เกิดนึกอะไรขึ้นมาไม่รู้ ขอแม่ดูหน้าตั๋ว เหมือนพยายามจะหาอะไรทำให้ใจมันนิ่งๆ แล้วเหลือบไปเห็นเลขเวลา 

    6:45 - ขึ้นรถ

    หะ เดี๋ยว 
    งงสิวะ แล้วทำไมแม่บอก 6:15
    เลยอ่านต่อ

    6:15 - เป็นเวลาสุดท้ายที่เขาให้คนแคนเซิลตั๋ว

    ....
    เหมือนโดนหลอกให้แพนิกเล่นๆ 
    เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะอ่านอะไรก็อ่านให้ครบ

         อ่านกันจนถึงตรงนี้ หรือ ใครที่อ่านมาตั้งแต่โพสที่แล้ว อาจจะมองว่าอีนี่ดวงซวย ซึ่งสิ่งที่ตูนจะบอกคือ คิดไม่ผิดหรอกคะ เพราะความกลากิณีในชีวิต มันยังไม่ได้หมดแค่นี้ 
         เพื่อนๆน่าจะพอทราบกันแล้วว่า วันนี้ตูนกำลังจะไปดู ภูเขาไฟฟูจิ จากชื่อเรื่องด้านบนกันอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนค่ะ เราก็ต้องอยากเห็นความอลังการงานสร้างของฟูจิ กัน ไปทั้งที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 

    ฝนกระหน่ำตั้งแต่ไก่โห่ 

        ตกเมื่อวานก็แล้ว แต่เหมือนว่าเธอยังไม่พอใจ แถมตกวันที่ฉันจะไปดูภูเขาอีก สุโค่ย ความจริงตูน พอรู้มาบ้างแล้ว ว่าฝนจะตกอีก จากพยากรณ์เมื่อวาน แต่ตั๋วก็เปลี่ยนวันไม่ได้ด้วย ตอนอยู่บนรถบัส พอมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นม่านฝนก็แบบ ยังคิดในแง่ดี เฮ้ย พอไปถึงนางอาจจะหยุดไง หรือถ้าไม่หยุดก็อาจจะเห็นบ้าง แต่ความจริงช่างโหดร้าย 

     เมฆบังครับพี่น้อง  

       บังซะมิด มองไม่เห็นภูเขาสักลูกเลยจ้า น้ำตาก็จะตกในหน่อยๆ และที่หนักไปกว่านั้น ตรง tokyo ตอนนั้นอากาศอยู่ประมาณ 12-14 สำหรับตูน ทนได้นะ แต่ลืมไปว่า ตรง kawaguchiko มันคนละที่กัน อากาศมันลงไปเหลือ 8 องศา อีพี่ ใส่มาแค่เสื้อกันหนาวมีฮู้ดของ uniqlo กับเสื้อยืดบางๆข้างในตัวนึง มากับกางเกงขายาวที่ไม่ได้หนาอะไรขนาดนั้น ฟันก็กระทบกันโดยมิได้นัดหมาย ประเมินอากาศผิดไปจริงๆ เลยไปนั่งหลบอยู่ที่ขายของที่ระลึก ตรงป้ายรถเมล์ บวกกับหิวด้วย เห็นมีอุด้งขายเลยซื้อมากินแก้หนาว 


    ว่ากันตรงๆ ถึงหน้าตามันดูดี แต่มันไม่อร่อย น้ำใสมากเวอร์ เหมือนเส้นต้มน้ำเปล่าแล้วใส่ซีอิ๊วนิดหน่อย แต่ต้องกินแก้หนาวไปก่อน


    หลักๆเวลาเที่ยวแถว kawaguchiko จะมีรถบัสอยู่ 3 สายคือ red line , blue line และ green line ให้นั่งไปเที่ยวแต่ละที่ แต่ตูนมีเวลาเที่ยวแถวนี้แค่วันเดียว เลยเลือกนั่งแค่รถบัสสาย red line สายเดียว 

    red line ชัด

    ตูนนั่งไปลงสถานีสุดท้ายก่อนเพราะ จะได้เที่ยวไล่ลงมาได้ ซึ่งสถานีสุดท้ายนั้น เขาว่ากันว่า เป็นจุดที่ ถ่ายรูปฟูจิสวยมากเพราะ จะมีทุ่งดอกไว้อยู่ข้างหน้า แต่ความตลกร้าย คือ


    นั้นแหละคะทุกคน สุดท้ายสถานีนี้ตูนทำได้แค่ เดินดูของฝากแล้วหาอะไรกิน แล้วเคยอ่านมาว่าสถานีนี้ซอฟฟ์ครีมอร่อย ก็บ้าจี้ไปซื้อจริงๆ ทั้งๆ ณ ตอนนั้นอากาศอยู่ที่ 8 องศา 5555 


    กินขนมจนพอใจแล้ว ก็ไปกันต่อ เห็นว่า มี art museum อยู่หลายอันเลยลงแถวสถานี 19ไม่ก็18แล้วเดินไปเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เข้าไป เพราะเสียตังค์ค่าเข้าเกือบทุกอัน5555

    ก็จะเห็นทะเลสาบข้างๆ เวลาเดินไปเรื่อยๆ

    ฝาท่อเท่จังเลยพี่

    เดินๆไปเจอเขาจัดเหมือนตลาดนัด จนพึ่งมารู้ว่าแถวนั้นเรียกว่า craft park 

    พอเดินไปนานๆ มันก็หิวอีก ตั้งแต่เช้ากินไปแค่ไอติมแท่งเดียว ก็เดินไปเรื่อยๆตอนนั้นแบบ เจออะไรก็กินแล้ว ไม่น่าหยิ่งไม่ยอมกินปลาหมึกย่างตรงตลาดที่ผ่านมาเลย แต่แล้วความโชคดีก็พึ่งจุติ อยู่ๆก็หันไปเห็นร้านนี้

    แม่เจ้านี่มันร้านอุด้งที่เคยเห็นในรีวิว จะรอช้าทำไม เดินดิ่งเข้าไปเลยสิครับพี่น้อง 

    ตอนแรกก็งงว่าเปิดป่าววะ เพราะเงียบมาก แล้วกระจกดำมากมองข้างในไม่เห็น บวกกับอ่านป้ายหน้าร้านไม่ออกด้วย เลยเสี่ยงดันประตูเปิดเลย สรุปรอดครับ ไฟเอยอะไรเอยก็ติด ถึงจะไม่มีคนในร้านตอนนี้ก็เหอะ สักพักก็มีคุณป้าเดินมาอัญเชิญให้ไปนั่งที่โต๊ะแบบงงๆ

     พอนั่งกินไปซักพัก คนถึงเริ่มเข้ามากัน ส่วนใหญ่มีแต่คนญี่ปุ่น ไม่เจอนักท่องเที่ยว เลยรู้สึกชิวๆมาก 

    ยังโชคดีที่ร้านนี้เขามีเมนูภาษาอังกฤษ ให้เลยลองสั่งอุด้งที่เขาว่าอร่อยกัน กับ เกี๊ยวมากินดู

    อร่อยมากอีเกี๊ยวอันนี้ ซอสอะไรก็ไม่รู้แต่อร่อยมากกกก
    รู้สึกว่าร้านนี้จะเป็นอุด้งทำมือนะ ถามว่าอร่อยไหม เอาง่ายๆ อีกนิดอีทัพพีที่เขาให้ตักใส่ถ้วยจะเอามาใช้แทนช้อนแล้ว แม่งอร่อยมาก แทบจะยกซด รสมันจะคลีนๆหน่อย ไม่จัดเท่าไหร่ แต่กลมกล่อมดี

     
    พอกินอื่มก็เดินกันต่อ ตอนนั้นใกล้พิพิธภัณฑ์ดนตรีมาก เลยคุยกับแม่ว่าลองเข้าอันนี้ดีกว่า 


    ภายในจัดเหมือนเดินอยู่ยุโรปดี (ฝนหยุดตกแล้วเย้!)

    ที่นี้เด่นๆคือ เขาจะมีการแสดง เกี่ยวกับพวกดนตรีอะไรทำนองนี้ ตอนแรกก็เดินๆหาว่าอันไหนดูได้มั้ง จนไปเห็นอยู่ตึกนึง เขียนว่าจะมีการแสดงแต่ เอ๊ะ ไม่เห็นมีคนเลยโอ้โห โดนหลอกหรอ จนลองมองอีกที สรุปคือมีบันไดลงไปใต้ดิน55555 ลึกลับไปไหม แต่พอลงไปเห็นคือช็อกนะ สวยมากเวอร์ เลยนั่งรอดูการแสดงไปเลย ส่วนการแสดงที่ว่าคือ sand art วาดรูปด้วยทรายเรื่องสโนไวท์ ประกอบดนตรีสด ดูเพลินๆดี
      
    พอการแสดงจบก็ออกมาเดินข้างนอกต่อ แล้วก็เห็นว่า แดดออกแล้วโว้ยยยยยย เอาจริง พยากรณ์อากาศญี่ปุ่นตรงมาก บอกแดดออกบ่าย2 มันก็ออกบ่าย2จริงๆ
    งดงามตามท้องเรื่อง

    ด้วยความที่ต้องเที่ยวรวบรัดมาก เพราะมีเวลาวันเดียว ต้องรีบๆเดินดู ทันดูการแสดงแค่อันเดียว โถ่ เสียดายค่าบัตร5555 เลยต้องไปดูของฝากแล้วออกเลย บรรยากาศร้านของฝากที่นี้ก็น่ารักๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกกล่องดนตรีต่างๆนานา เสียงดนตรีกุ๊งกิ๊งก็จะคลอตลอดๆ 




    จบจากที่นี้ก็ ออกมารอรถบัส ไปสถานีอื่นต่อ รถบัสก็จะมุ้งมิ้งแบบนี้แล5555 (เจอคนไทยเยอะมากสถานีนี้ บรรยากาศเหมือนนั่งรถบขสเลยทีเดียว)


    สถานีที่ตูนมาเป็นสถานีที่ตูนมองว่า ถ้านั่งรถสาย red line ควรมานะคะ เพราะเป็นสถานีที่มีรถกระเช้าพาขึ้นไปเขาด้านบน ซึ่งถ้าอากาศดี จะถ่ายฟูจิซังได้สวยมาก 

    คนแน่นเวอร์

    พอขึ้นมาถึงอย่างแรกที่เจอคือ คนเยอะไปอีก555 และที่เศร้าคือ ถึงแดดจะออกแล้ว ฟูจิซังก็ยังโดนบัง555
    เขยิบ เขยิบ เขยิบ ออกไปสิ เมฆ
    มีน้องทานุกิยิ้มแป้นรับอยู่
    หลบป๊ายยยยยยยยยย

    นอกจะมีที่ถ่ายรูปแล้ว ตรงนี้จะมีร้านขายของอยู่ ซึ่งไอ้เจ้าดังโงะเนี่ย ตอนแรกตูนอ่านรีวิวมา ร้อยทั้งร้อยมีแต่คนบอกว่าอย่าไปกิน แต่เรายึดคติ สองปากว่าไม่เท่าลองเอง เลยล่อแบบหวานมาไม้นึง

     กว่าจะฝ่าคนมาหน้าเคาท์เตอร์ได้

    พอชิมแล้วก็พูดได้คำเดียวว่า 
    อีพวกรีวิวมึงหลอกกู 
    มันอร่อยนะเอาจริง แป้งก็ไม่ได้แข็งอะไร หรือรีวิวอื่นเขากินกันแต่แบบเค็มอันนี้ก็ไม่รู้ แต่แบบหวานอร่อย กินคู่ชาด้วยยิ่งรอด 

    พักเสร็จสัพ ก็มูฟตัว ไปต่ออีก เพราะจองรถกลับโตเกียวไว้ตอน 4 โมงกลัวไม่ทัน
    ลงแล้วเด้อ

    ตรงป้ายรอรถบัสหน้าทางขึ้นกระเช้า จะมีร้านคุ้กกี้อยู่ ก็เข้าไปดูแหละ แต่ไม่ได้ชื้ออะไรกลับมา เดินชิมอย่างเดียว5555 หน้าตาคุ้กกี้เป็นรูปฟูจิ น่ารักดี รสชาติใช้ได้แต่ไม่ว้าวเท่าไหร่ 

    แต่รถบัสโหวงเหว่งมากพี่น้อง แล้วจะ4 โมงแล้ว เลยตัดสินใจเดินกลับกัน ขาลากไปสิ เจ็บใจกว่าพอเดินไปได้สักพัก รถแม่งวิ่งผ่านหน้าไป...


    และเราก้กลับมาทัน 4 โมง แต่ที่ดีใจยิ่งกว่าคือ เมฆไปแล้วโว้ยยยยยยย เห็นฟูจิแล้วววววววว  พึ่งมาเห็นตอนกลับเนี่ย โอ้โห
    สวยมากกกก

    นั่งรถบัสกลับไปเกือบ2ชั่วโมงกว่า ได้พักซักที แต่ถึงอย่างนั้น สถานีที่รถบัสจอด ดันไปจอดตรง shibuya ซึ่งก็เดินต่อสิพี่ มาทั้งที่ 

    พูดถึง shibuya จะไม่ไปห้าแยกคนมหาศาลได้ไง มองจากมุมบนร้านสตาร์บัค คือเห็นเลยว่า เดินกันฮาร์ดคอร์มาก55555

    ถ่ายไม่ค่อยชัดเพราะแหม่มข้างๆเบียดหนักมาก

    ตอนแรกก็ว่าจะเดินต่อ แต่มานึกได้ว่าต้องเก็บแรงเที่ยวต่อพรุ่งนี้ เลยได้แค่เดินต้นๆซอย


    ซักแซะกับฮาชิโกะคุง ก่อนนั่งรถไฟกลับ

     

    ............

    จบไปกับวันที่ 2 ของทริป ในการเที่ยวดูฟูจิวันเดียว ที่ก็ไม่ได้ดูเยอะอะไรขนาดนั้น เพราะเมฆบัง ถ้าพูดกันจริงๆตูนว่า ถ้าจะเที่ยวแถว kawaguchiko จริงจังต้องมีเวลาเดินมากว่า 1 วันเพราะไม่พอ ที่นี้มีอะไรให้เดินดูเยอะเอาเรื่อง วันนนี้ก็ถือว่าตูนเที่ยวกันสบายๆ เพราะต้องเก็บพลังงานไปเดินขาลากกันพรุ่งนี้ ในดิสนีส (กรี๊ด)

    เอาละ ตูนก็จะขอจบรีวิวเที่ยววันที่  2 แค่นี้ ตูนทิ้งรูปฟูจิที่ถ่ายจากบนรถบัสขากลับไว้ นางสวยสมชื่อจริงๆ 

     เจอกันใหม่ โพสถัดไปเด้อค่าเด้อ  


    END DAY 2 



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in