เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เด็กสมัยนี้โตไวเนอะKyokung Worawut K
การศึกษา (New beginning 3)
  • สำหรับพี่ไทยเรานั้น รัชกาลที่ 5 ต้องการทำให้ฝรั่งเห็นว่าคนไทยมีอารยะ ก็เลยรับเอาเครื่องแบบที่อังกฤษเอาให้คนอินเดียใส่เมื่อครั้งเป็นเจ้าอาณานิคมมาใช้เป็นเครื่องแบบข้าราชการ ซึ่งก็ไม่ได้หลุดจากคอนเซปการตอกย้ำอำนาจที่สูงกว่าของคนกลุ่มหนึ่งต่อคนอีกกลุ่มแต่อย่างใด แม้ในปัจจุบันหลายประเทศรวมถึงตัวต้นคิดอย่างอังกฤษเองจะเริ่มยกเลิกเครื่องแบบนักเรียนด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก ถ้าจะใส่ก็ไม่ว่ากัน ไม่บังคับ แต่พี่ไทยของเราที่รับเข้ามากลับยังยึดมั่นถือมั่นในชุดนิสิตนักศึกษาพระราชทานด้วยความภาคภูมิ ทั้งที่ในราชกิจจานุเบกษาก็ระบุว่าพระราชทานให้แต่จุฬาฯ เท่านั้น มหาวิทยาลัยอื่นไม่เกี่ยว และการออกมาเป็นพระราชกฤษฎีกานั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นพระประสงค์ส่วนพระองค์เสมอไป เพราะเป็นการแทงเรื่องขึ้นไปเองของทางรัฐบาลขณะนั้น (จอมพล ป. พิบูลสงคราม)


    เดี๋ยวนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นนักศึกษาก็ใส่ชุดนักศึกษาได้นะ ก็แหมชุดนักศึกษามันมีมูลค่าจะตาย ไม่ว่าหญิงหรือชายลองได้สวมใส่ชุดนักศึกษาไปต่อรองอะไรกับพวกที่ fetish (มีความหลงใหลและปรารถนาทางเพศกับสิ่งของ ซึ่งถือเป็นอาการทางจิตอย่างหนึ่ง) เป็นต้องขายออก ตอบตกลงทุกที อย่างที่มีข่าวขายตัวแลกเกรดไง พวกนั้นเขาไม่ชอบให้ถอดหมดเวลาเอากัน นี่เองที่ทำให้ฉันนึกถึงพวกที่ยึดติดกับชุดนักศึกษาโดยอ้างว่าชุดนักศึกษาทำให้ควายกลายเป็นคน ทำราวกับว่าใครใส่ชุดนักศึกษาจะฉลาดขึ้นมาทันทีขึ้นมาทันทีขึ้นมาทันควัน คนที่ไม่ใส่จะไม่มีความเป็นคนเพราะจะต้องกลายเป็นควายอย่างนั้นแหละ

    ดราม่าเรื่องเครื่องแบบนักศึกษาที่โด่งดังในยุคนี้คงเป็นเรื่องของ Aum Neko เมื่อปี 2013 วิชา มธ. 130 สหวิทยาการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (เป็นวิชาบังคับสำหรับนักศึกษาปี 1) มีอาจารย์ผลัดเปลี่ยนมาสอนไม่ซ้ำกันในแต่ละสัปดาห์แต่จะมีหลักเกณฑ์เดียวกันคือ จะมี TA (Teacher Assistant) ยืนแจกข้อสอบย่อย (Quiz) ของหัวข้อที่บรรยายในวันนั้นอยู่หน้าห้อง คนไหนไม่แต่งเครื่องแบบ TA ก็จะไม่แจกให้คนนั้น และอาจารย์วิชาหน้าที่พลเมืองก็ไม่ยอมเช็คชื่อให้นักศึกษาที่ไม่แต่งเครื่องแบบมาเข้าเรียนด้วย ทั้งที่มธ.เองก็ไม่ได้มีกฎข้อบังคับให้แต่งชุดนักศึกษาเลยสักนิด

    เอ๊ะ! หรือว่าอาจารย์ไทยจะเป็นพวก fetish?



    ลอร์ดเบเดน โพเอลล์ ก่อตั้งกิจกรรมลูกเสือขึ้นจากปมส่วนตัวที่เขาต้องตกอยู่ใต้อำนาจของแม่ที่ค่อนข้างจุกจิกเคร่งครัดตลอดเวลา ทำให้เขามองว่าโลกที่มีผู้หญิงจึงเป็นอะไรที่น่ารำคาญ แม่สอนให้เขามองเรื่องเพศเป็นเรื่องสกปรกตามประสาผู้หญิงยุควิคตอเรียน ทำให้เขาเก็บกดทางเพศ กิจกรรมลูกเสือจึงมีเป้าหมายเพื่อทำให้ผู้ชายเข้มแข็ง มีความเป็นชายมากขึ้นและเน้นบำเพ็ญตบะหลีกหนีจากเรื่องเพศ ไม่ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของผู้หญิง แต่มาตกอยู่ใต้อำนาจผู้ชายด้วยกันแทนรึเปล่าก็ไม่แน่ใจนัก เพราะการมีหัวหน้าหมู่ นุ่งลมห่มฟ้า อยู่ป่าเดียวกันกับเพื่อนร่วมเพศ (หมายถึง เพื่อนที่มีเพศสรีระเดียวกัน แต่จะร่วมเพศกันแบบ Bareback เอ๊ย! Brokeback Mountain รึเปล่านี่ไม่แน่ คงแล้วแต่คนและอารมณ์พาไป)


    ทั้งนี้ บุคคลที่ลอร์ดเบเดน โพเอลล์ผูกพันที่สุดคือ Kenneth McLaren นายทหารร่วมประจำการที่พบกันเมื่อปี 1881 ในอินเดีย ดินแดนที่มองการกระทำของเพศเดียวกันเป็นการแสดงออกทางจิตวิญญาณ ซึ่งต่างจากความคิดความเชื่อแบบตะวันตก (วิคตอเรียน/คริสเตียน) การจะทำอะไรต่อมิอะไรจึงเป็นไปได้ง่าย แม้ต่อมาสายสัมพันธ์จะสิ้นสุดลงเพราะฝ่ายหลังไปแต่งงานกับหญิงที่ท่านลอร์ดไม่ปลื้ม ท่านลอร์ดเลยหน้ามืดไปแต่งงานกับหญิงขี้หึงเอาตอนแก่ แต่ข้อกังขาที่ว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์ทางเพศกันหรือไม่นั้นยังคงอยู่

    ดังนั้น ต่อให้การตั้งเต็นท์ เดินป่า ปฐมพยาบาล ผูกเงื่อน ดูดาว อ่านเข็มทิศ จะมีประโยชน์สักแค่ไหน ก็ยังไม่วายถูกมองว่าเป็นกิจกรรมส่งเสริมรักร่วมเพศอยู่ดี ส่วนสาเหตุที่รัชกาลที่ 6 นำกิจกรรมลูกเสือเข้ามาในไทยนั้น ปล่อยให้เป็นไปตามมุมที่คุณอยากมองก็แล้วกัน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in