ที่คนเรา
เสพติดความเจ็บปวดบางทีอาจจะตั้งใจให้มันเกิดขึ้น
เพราะจะได้รู้สึกว่าแผลเก่ามันเจ็บน้อยกว่า
เพื่อให้ได้รู้สึกว่ารอยแผลเป็นกำลังจะเลือนหาย
หรือบางทีอาจจะหลงลืมไป
ว่าเราต่างดึงตัวเองเข้าสู่ห้วงแห่งความเจ็บปวด
ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
สำหรับฉันแล้ว
นิยามความเจ็บปวดนั้นเรื้อรังเกินเยียวยา
คุณอาจจะเรียกมันว่า Chronic pain
เพราะมันมักเกิดจากความไม่แน่นอนของร่างกาย
และความไม่มั่นคงของจิตใจ
บางทีฉันก็พร้อมจะเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน
มองมันเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง
เพื่อนคู่คิด ที่พร้อมจะควบคุมทุกสิ่งในสมอง
เพื่อนคู่ใจ ที่พร้อมจะโอบกอดเรื่องราวที่แสนเศร้า
ความเจ็บปวด, ไม่เคยปล่อยคนเราให้โดดเดี่ยว
ถ้าจะให้เปรียบเทียบความเจ็บปวดของฉัน
มันคงเหมือนพายุลูกใหญ่ที่พัดกระหน่ำ
มันพัดเอาความโดดเดี่ยว
และความเหนื่อยล้าจากการหาทางออก
ดิ้นรนและทนทุกข์
เหมือนคนวิ่งวนไปมาท่ามกลางหมอกหนา
ปกคลุมไปด้วยฝุ่นควันที่เบลอภาพความเป็นจริงจนหมดสิ้น
และมันยากเหลือเกินแม้กระทั่งจะหายใจในช่วงเวลานี้
ใน ณ ตอนนั้นฉันคงมีสองทางเลือกในสถานการณ์นั้น
หนทางแรกคือทรุดตัวลงบนพื้นทะเลทราย
ร้องไห้เพราะเหนื่อยจากการหาทางออก
วิงวอนขอพระเจ้าให้ได้ผ่านช่วงเวลานี้ไป
ให้พายุลูกนี้หยุดเสียที
หรือ อาจจะกำลังร่ำไห้เพราะความโกรธ
ต่อว่าพระเจ้าว่าท่านกำลังเล่นตลกอะไรกับตนอยู่กันแน่
ทำไมถึงได้ส่งบททดสอบที่แสนสาหัสเหล่านี้มาให้
แทนที่จะเป็นดวงตะวัน จันทรา ที่สวยงาม
ส่องแสงให้พบทางออกโดยเร็ว
และดวงดาวที่เป็นประกายระยิบระยับ
สร้างความสบายใจ และ เยียวยาในช่วงเวลานี้
หนทางที่สอง คือ อยู่กับมัน
อยู่กับอะไรก็ตามที่มันเกิดขึ้น
เรียนรู้ว่าพายุลูกนี้นั้นใหญ่เกินไปที่จะต้านทาน
เพราะฉะนั้นมันจึงกินเวลายาวนานกว่าจะพัดผ่านไป
พักเมื่อเหนื่อยล้าจากการเดินทาง
และก้าวต่อเมื่อหายเหนื่อย
ที่สำคัญหนทางที่สองจะผ่านไปไม่ได้เลย
ถ้าไม่ตระหนักถึงคำนี้, “ความหวัง”
ความหวัง ทำให้ฉันรู้ว่าต่อให้พายุจะมาอีกกี่ลูก
ฉันก็จะผ่านมันไปได้
เหมือนที่เคยผ่านไปทุกครั้ง
“ความหวัง” กับ “ความคาดหวัง”
สองคำนี้นั้นต่างกันอยู่เพียงอึดใจ
หนทางแรกที่ฉันเลือกนั้นเกิดขึ้น
เพียงเพราะว่า...
คาดหวังให้ลมพายุนั้นหยุดเสียที
คาดหวังให้พระเจ้าเห็นใจในความยากลำบาก
คาดหวังว่าจะมีใครเห็นคราบน้ำตากลางหมอกหนา
และช่วยดึงฉันออกไปจากตรงนั้น
คาดหวังว่าจะเห็นความสวยงามของชีวิตหลังจากพายุสงบลง
แต่ในความเป็นจริง
ความคาดหวัง คือ จุดที่ดึงเราเข้าสู่พายุอีกครั้ง
สู่ความเจ็บปวดนับครั้งไม่ถ้วน
โดยไม่ได้ตั้งใจเลยแม้แต่น้อย
เมื่อไหร่ก็ตามที่ระดับของมันยิ่งสูงขึ้น
เมื่อนั้น คนเราก็พร้อมที่จะล้มลง ตรอมใจ
และพาตนเองกระโดดลงหน้าผาอย่างไม่ลังเล
เพราะฉะนั้น จงเข้าใจความเป็นไปของธรรมชาติ
และความไม่แน่นอนของชีวิต
กลไกของจิตใจมนุษย์ที่สุดแสนจะซับซ้อน
เช่นเดียวกับกราฟการเต้นของหัวใจ
ที่ขึ้นและลง ไม่หยุดนิ่ง
เพราะเมื่อไหร่ที่กราฟเป็นเส้นตรง
นั่นแปลว่า เราได้หมดลมหายใจ
จงขอบคุณชีวิตที่ได้มา
ถึงแม้มันจะยากแสนยาก
ทุกครั้งที่พายุโหมกระหน่ำลงมา
และดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดลง
แต่เมื่อพายุลูกนี้ได้หยุดลง
เราจะเห็นคุณค่าของทุกเรื่องราวหลังจากนั้น
เราจะรักความรู้สึกหลังจากพายุสงบ
และแหงนหน้าให้กับท้องฟ้าที่มืดมิด
ต่อให้น้ำตาจะรินไหลอาบหน้าจนเปรอะเปื้อน
แต่เชื่อเถอะ ว่าอีกไม่นานมันจะเหือดแห้งไป
กระแสลมจะค่อยๆพัดพาความเจ็บปวด
พร้อมๆกับรอยยิ้มที่จะปรากฏต่อจากนี้
และแม้หลังจากนั้นฝนจะตกลงมาอีกครั้ง
เราก็จะไม่หวั่นกลัวอีกต่อไป
เพราะเสียงฝน
บางทีก็ไม่ต่างอะไรกับเสียงกล่อมนอน
ครั้นที่ยากจะข่มตาในยามค่ำคืน
และบางที เสียงฟ้าร้อง
ก็ไม่ต่างจากคำปลอบใจ
ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างในวันที่เราแตกสลาย
และสายฟ้าที่มาพร้อมกับคำปลอบโยน
ก็ไม่ต่างกับการดึงสติ
และการย้ำเตือนถึง การมีตัวตนของตัวเรา
ของธรรมชาติที่ไร้การควบคุม
เพราะฉะนั้น
ต่อให้เราถามคนบนฟ้าอีกกี่พันครั้ง
คำตอบที่ได้กลับมาคือ "การยอมรับมัน และ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน"
เพราะคนเราควบคุมการเดินทางของชีวิตไม่ได้
มันไม่เคยราบเรียบเหมือนดั่งที่ใจหวัง
แต่ความขรุขระของชีวิตจะทำให้เราเห็นคุณค่าของทุกการเดินทางต่อจากนั้น
In the end, we are going to disappoint somebody
even ourselves
and I know it is sad
But we all know we cannot avoid that
So accept this uncomfortable truth and the fact that we are still alive.
ในท้ายที่สุดแล้ว
ไม่ว่ายังไงเราก็จะทำให้คนอื่นผิดหวัง
แม้กระทั่งตัวเราเอง
และฉันรู้ว่ามันเศร้า
แต่เราต่างรู้ ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้
ดังนั้น จงยอมรับมันและความจริงที่ว่า "เรายังคงมีชีวิต"
- Hibernation
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in