“When I was young I'd listen to the radio
Waitin' for my favourite songs
When they played I'd sing along, it made me smile”
เมื่อตอนที่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันมักจะฟังวิทยุ
ร่ำรอเพลงที่ฉันชอบและเมื่อเพลงนั้นถูกเล่นขึ้นมาอีกครั้ง
ฉันก็จะร้องคลอตามไปด้วย, มันทำให้ฉันมีความสุขจนยิ้มออกมาเลยละ
เพลง “Yesterday Once More” คงเป็นเพลงสากลเพลงแรกที่ฉันได้ฟัง
พ่อมักจะเปิดผ่านวิทยุตัวเล็ก ที่ถูกซ่อมแล้วซ่อมอีกนับครั้งไม่ถ้วน
ที่ถูกดึงเสาอากาศจนสุดและในบางครั้งพ่อก็เปิดทั้งอัลบั้มของพวกเขา, Carpenters
ฉันเติบโตมากับมัน,
จากแค่ฮัมแค่ทำนอง ก็กลายเป็นหาเนื้อเพลงมาร้อง
แม้จะไม่เข้าใจความหมายของเพลงก็ตาม
แต่เพลงนี้จะถูกเปิดเป็นเพลงแรกในตอนเช้าและบางครั้งมันก็เป็นเพลงสุดท้ายในยามค่ำคืน
ในตอนเช้าหลังจากเปิดเพลงยุค 70s จนเกือบครบ
พ่อมักจะเดินไปชงกาแฟดำสักแก้วที่ไร้แม้กระทั่งนม หรือ น้ำตาล
เพื่อเพิ่มความหวานให้ความหม่นดำที่ไร้สีสันนั่น
อาจจะเปรียบได้ว่า "มันเป็นรสชาติขมขื่นของผู้ใหญ่"
ที่ใช้ดื่มกินเพื่อเผชิญกับความจริงที่อาจจะมืดมิดกว่ากาแฟดำถ้วยนั้นเสียอีก
พ่อเพียงบอกว่าชอบความเข้มข้นและกลิ่นของมัน
สีสันไม่ได้น่าดึงดูดใจให้ลองเลยแม้แต่น้อย
แม้แต่กลิ่นก็ทำให้ฉันถึงกับเบ้หน้าหนีในตอนนั้น
"ทำไมผู้ใหญ่ถึงได้ชอบกินอะไรที่มันขมเฝื่อนขนาดนั้นกันนะ"
แม่เคยให้ลองชิมกาแฟของเธอด้วยช้อนคันเล็กที่พอให้เด็กอายุสิบขวบได้ลิ้มรส
ฉันถึงกับทำหน้าแหยและพึมพำกับตัวเองว่า
มันจะเป็นรสชาติ ที่ฉันจะไม่มีวันสัมผัสมันอีกเด็ดขาด
เมื่อฉันเติบโต...
แต่แล้วฉันก็ผิดสัญญาที่หนักแน่นนั้นกับตัวเอง
จากที่เคยคิดว่า รสชาติช่างขมบาดคอ
มันกลับกลายเป็น รสชาติที่หอมกรุ่น ในตอนเช้า
จากที่เคยคิดว่า มันก็เป็นเพียงเครื่องดื่ม สีดำ มืดหม่น ไร้สีสัน
มันกลับกลายเป็นการทดลองอย่างหนึ่งที่น่าตื่นตะลึง
เมื่อได้ลองผสม นม ครีม หรือ น้ำตาล ลงไป
เวลาได้มองสีหม่นดำนั้นเปลี่ยนไปจากการเติมนมสดสีขาวเพียงเล็กน้อย
ก่อนที่มันจะค่อยๆฟุ้งกระจาย คล้ายฝุ่นควัน แตกกระจายไปทั่วแก้วใส
ราวกับภาพศิลปะ ไม่ก็ฟิล์มนัวร์ที่ตัวเอกกำลังปล่อยควันบุหรี่ผ่านริมฝีปาก
และในไม่ช้ามันก็ระเหิดหายไปหลอมรวมกับบรรยากาศ
หลอมรวมกับความขุ่มมัวจนนุ่มนวลและอ่อนไหว
มันทำให้ฉันมีแรงในตอนเช้า ในเวลาที่อ่อนล้าจากการทำงาน
และจำนวนแก้วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ราวกลับคาเฟอีนได้ทำงานของมันอย่างเต็มเปี่ยม
ฉันเสพติดมันจนเลิกดื่มไม่ได้อีกเลย
และทั้งหมดนั่นเกิดขึ้น, เมื่อฉันโตขึ้น...
ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องกาแฟที่ฉันเปลี่ยนใจ
แต่กลิ่นที่เคยคิดว่าหวานหอมของวานิลลาในตอนเด็ก
กลับเป็นกลิ่นที่ไม่น่าอภิรมย์สักเท่าไหร่เมื่อฉันโตขึ้น
ฉันหลงรักกลิ่นที่เป็นธรรมชาติ ความสดชื่นจากกลิ่นไม้สน ดอกจัสมิน
หรือแม้กระทั่งกลิ่นของน้ำฝนที่กระทบบนพื้นหญ้า ให้ความสดชื่น ราวกับมีน้ำเย็นๆมาพรมเบาๆบนตัว
ในขณะเดียวกัน ฉันก็รักความอบอุ่นที่ซ่อนความลึกลับ ในกลิ่นบางกลิ่น
ความอ่อนไหวในตัวตนของหญิงสาวที่คงไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้
เพราะยิ่งโต ก็ยิ่งซับซ้อน ยิ่งอยากลองอะไรใหม่ๆ
จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นหลงรัก
จากที่หลงใหลก็กลายเป็นอยากหนีห่าง
มันคือความละเอียดอ่อนของจิตใจมนุษย์
เพราะทัศนคติที่เปลี่ยนไป
การค้นหาไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดนิ่ง
การเติบโตไม่มีจุดหมายชัดเจน
เพราะตัวเรานั้นเป็นคนกำหนดเองทั้งสิ้น
แต่ในความขัดแย้งระหว่าง "หลงรัก" และ "เกลียด"
มันกลับมีบางเรื่องในความทรงจำ
ที่สะท้อนการเติบโตของช่วงชีวิตฉันได้ดี
มันเป็นเรื่องเล็กๆในอดีตแต่เมื่อโตขึ้นและค่อยๆตกตะกอนฉันถึงได้เข้าใจ
ตอนเด็กๆ ฉันอยากจะใช้ ปากกา แทน ดินสอ
อยากรีบเติบโต อยากรีบเป็นผู้ใหญ่เหลือเกิน
เพราะเบื่อกับการเขียนด้วยสีเดิมๆ ไร้สีสันเท่ากับปากกา
แต่เมื่อโตขึ้น ฉันกลับใช้ ดินสอ มากกว่า ปากกา
น่าแปลกใช่ไหมละ
เพราะดินสอมัน “ลบ” ได้อย่างไร้ร่องรอย
บางครั้งก็แทบลืมไปแล้วว่าเขียนอะไรเอาไว้
แต่สำหรับ ปากกา ต่อให้เอาที่ลบคำผิดมาปาดป้ายสักเพียงไร
“ร่องรอย” ก็ยังไม่เคยจางหาย ยิ่งลบ กลับยิ่งเด่นชัด
ยังคงตระหนักรู้อยู่เสมอว่า เคยทำ เคยเขียนอะไรเอาไว้
เช่นเดียวกับการเติบโตในแต่ละช่วงชีวิต
เมื่อเราเติบใหญ่ ภาระหน้าที่มากมายก่อตัวขึ้น
บางครั้งผิดพลาด
บางครั้งต้องล้มหลายๆครั้ง กว่าจะลุกขึ้นมาใหม่ได้
บางครั้งมีคนเข้ามาในชีวิตและสร้างบาดแผลไว้
แต่เรากลับไม่เคยลืมเพราะร่องรอยการกระทำ
ยังติดผนึกอยู่ในใจไม่เคยหาย
แต่เมื่อเราเป็นเด็ก เราไม่มีโลกที่ต้องแบกรับ
เราเดินตัวลอยตามกระแสลม
ปล่อยให้มันเป็นไปตามการเดินทางของโลก
ไม่ต้องรีบเร่ง ไม่ต้องวิ่งเข้าหาโลก
และเมื่อใดก็ตามที่ทำผิด
มันก็กลายเป็นแค่เรื่องน่าเอ็นดู น่าขัน
ก่อนที่ความทรงจำเหล่านั้นจะค่อยๆหายไปเมื่อเราโตขึ้น
บางครั้ง, แทบไม่ทิ้งแม้แต่เศษเสี้ยวของความผิดพลาดไว้เลย
พอย้อนกลับมาตรึกตรองจากตรงนี้ มันก็เป็นเรื่องน่าฉงนใจ
ที่คนเราสามารถ เปลี่ยนแปลง ได้มากมายขนาดนี้เมื่อเราเติบโตขึ้น
อายุที่เพิ่มขึ้น ประสบการณ์ที่หลากหลาย หรือแม้แต่อารมณ์และความรู้สึกที่เพิ่มพูน
มันเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ราวกับว่ามนุษย์เราถูกสร้างให้อยู่กับการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกับการเติบโต
ถึงแม้จะต้องผิดพลาดไปบ้างเพราะ
"การเปลี่ยนแปลง"
แต่นั่นคือส่วนหนึ่งของกระบวนการในการเติบโต
มันทำให้เราเข้มแข็ง หรือ อ่อนแอได้
แต่ชีวิตไม่ได้หยุดเท่านี้ มันยังคงเดินหน้าต่อเรื่อยๆ...ไม่จบไม่สิ้น
“Lookin' back on how it was in years gone by
And the good times that I had makes today seems rather sad,
so much has changed”
มองย้อนกลับไปในช่วงเวลานั้น หนึ่งปีช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และเวลาดีๆที่เคยมีกลับทำให้วันนี้ดูเศร้าหมองลง
มันช่างเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน
ถึงเพลงนี้จะผ่านมานานหลายปีฉันก็ยังคงชอบฟัง
แต่ต่างกันตรงที่ ตอนนี้ฉันเข้าใจความหมายของมันแล้ว
- Hibernation
____________________________________________________________________________________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in