เมื่อถึงยามเช้าวันใหม่ ราม ดิน สินก็อยู่ในห้องเดิมอีกครั้ง
ระหว่างที่ในห้องเงียบกริบมีแต่เสียงลมหายใจติดขัดจากชะเอมที่นอนกระสับกระส่ายทั้งสามสลับกันมาเช็ดตัวให้ร่างบาง เตรียมข้าวเตรียมยาไว้ให้รอคนป่วยฟื้นมากิน
"อะ...อะไร" ดินงึกงัก เมื่อรามจ้องเขาในระยะประชิด
"ตามึงคล้ำๆ แถมกูได้กลิ่นแปลกๆ ยังไม่รู้"ร่างโปร่งทำจมูกฟุดฟิด ใกล้ๆ ตัวเหมือนหมา ซึ่งรามก็โดนผลักหน้าโดยมือของสิน แขนแข็งแกร่งอีกข้างโอบรอบเอวดินไว้โดยหารู้ไม่ว่าการกระทำเหมือนหวงของของสินนั้นยิ่งทำให้รามยิ้มตาระยิบระยับเป็นประกาย
"กลิ่นอะไรของมึง" ดินถามระแวง ก้มลงดมจักกะแร้ตัวเองให้แน่ใจว่ากลิ่นแปลกๆ ที่ว่าไม่ใช่กลิ่นเหม็น "เมื่อเช้ากูอาบน้ำมาแล้วนะ"
รามหรี่ตาที่เรียวอยู่แล้วให้มันเรียวเล็กไปอีก
ยัง...มันยังไม่รู้ตัว...
“
"กลิ่นความรัก"
ดินหน้าร้อนฉ่า ร้องเสียงสูง "ค...ความร้งความรักอะไร"ถองศอกใส่คนที่ยืนรุ่มร่ามกอดเขาข้างหลังให้ปล่อยมือออกแก้เขิน
สินไม่โกรธแต่ยกมือกุมท้อง หัวเราะในลำคอกับการหยอกล้อ(
"กูเห็นน้า" รามทำเสียงเจ้าเล่ห์ชี้ที่คอตัวเอง "ตรงนี้"
ดินตะปบมือที่คอตัวเอง ตาเหลือกลาน ลมหายใจกระตุกหันไปถลึงตาใส่ตัวการจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้สิน
อะไร!? นี่เขาไม่เห็นรู้ตัวเลยว่ามันทำรอยอะไรไว้ในตรงที่คนอื่นสามารถมองเห็น...หรือว่า
"แค่ข้ามคืนนี่มึงเปิดซิงไอ้ดินแล้วเหรอ"รามหันไปถามสินที่ยืนยิ้มตาพราว ก่อนจะหันมาถามดินที่เพิ่งก้าวยาวๆ เดินทำหน้าขึงขังออกมาจากห้องน้ำ"รู้สึกเป็นไง ดีมั้ย ทำไมมึงถึงยังเดินได้ปกติอีกล่ะเนี่ย เห็นว่าครั้งแรกมันน่าจะเจ็บมากเลยนี่หว่า..."
ดินง้างกำหมัดแล้วใส่แรงเต็มที่ลงบนหัวคนพูดมาก
โป๊ก!!
"โอ๊ย!" รามกุมหัวตรงที่โดนเขก
"เลิกล้อเล่นได้แล้ว! กูไปส่องกระจกดูไม่มีรอยอะไรที่มึงว่าเลย
"มึงเล่นแรงไปแล้วนะ! ถ้าหัวกูแตกจะทำยังไง!
"แตกไปเลยก็ดี เอาเลือดออกจากหัวซะบ้าง"
รามพ่นลมหายใจแรง "ทำมาเป็นพูด ถ้าไม่มีอะไรในกอไผ่จริงมึงจะไปส่องกระจกดูทำไม แสดงว่าเมื่อคืนพวกมึงทำอะไรกันจริงๆ ล่ะสิท่า!"
ดินหน้าแดงหูแดงยกมือเตรียมทำร้ายอีกรอบให้ร่างโปร่งมันเข็ด"ไอ้...!"
"เอาน่าๆ" สินเริ่มเห็นว่ามันชักจะบานปลายก็เข้ามาล็อคแขนร่างที่เตี้ยกว่าเขาแค่ไม่ถีงห้าเซนต์ตัวใหญ่แรงก็เยอะพอๆ กันจึงลำบากหน่อยกว่าคนผิวสีคล้ำจะยอมอ่อนแรง
"ฮึ้ย" ดินไม่สบอารมณ์ ที่ร่างโปร่งมันยังไม่หยุดส่งสายตาประกายวาววับ
สินส่งสายตาให้รามเลิกล้อเลียนได้แล้ว เพราะถ้าดินผู้เขินได้อย่างโหดเหี้ยมอำมหิตออกแรงมากกว่านี้เขาก็ห้ามไม่ไหวเหมือนกันนะ
ตัวมันก็ใช่ว่าเล็กซะเมื่อไหร่
"ยิ่งออกอาการมันยิ่งรู้นะ" สินกระซิบข้างหูคนที่เขาล็อกแขนอยู่ด้านหลัง"หน้าแดงหมดแล้วรู้ตัวมั้ย"
"ป...ปล่อยสิ สินปล่อยกู" ก็เพราะมึงทำแบบนี้แหละกูถึงอายไง!
นี่มันไม่รู้ตัวหรือมันพยายามจะแกล้งเขากันแน่เนี่ย!
"โอเค ปล่อยก็ได้ แต่ห้ามเถียงกันแล้วนะ"
"ฝัน!" ดินดิ้น "มันเริ่มก่อนมึงก็เห็น"
"ถ้ามึงยังไม่หยุด เดี๋ยวคืนนี้กูก็จะไม่หยุดให้แล้วเหมือนกันนะ"สินตาประกายเจ้าเล่ห์ แถมยังวาววับเหมือนเสือจะกินเหยื่อยังไงชอบกล
"!?"
รามที่ยืนดูสถานการณ์ไม่รู้หรอกว่าพวกนั้นกระซิบอะไรกันแต่ดูจากสีหน้าของดินที่แดงยิ่งกว่าตอนที่เขาล้อ แดงจนเรียกได้ว่าควันออกหูนั่น มันคงเป็นอะไรที่เขาไม่ควรรู้แน่ๆ
และตอนนี้เขากลายเป็นหน่อส่วนเกินไปเรียบร้อย(อีกแล้ว)
นี่พวกมึงไปถึงขั้นไหนกันแล้ววะเนี่ย
"เออ...ปล่อยดิ" ดินมุบมิบ ไม่เถียงแล้วก็ได้วะ"ยะ...อย่าคิดว่ากูกลัวนะ! กูไม่ได้กลัว...ว่า...ว่าจะโดนมึงทำอะไรทั้งนั้นแหละเข้าใจนะ!?"
สินหัวเราะที่อีกฝ่ายยิ่งพูดยิ่งขุดหลุมฝังตัวเอง"ครับ ครับ"
ทั้งสามเถียงกันอยู่สักพักก่อนชะงักเมื่อเริ่มเห็นถึงความผิดปกติของคนบนเตียง
นายแพทย์วัยสี่สิบกว่าเพิ่งจะกลับไปสองชั่วโมงก่อนตลอดคืนที่หมอกฤษณะเฝ้า อาการร่างบางก็ยังคงที่ไม่ได้ดีขึ้นเลย และดูเหมือนจะชะเอมจะไข้ขึ้นอีกแล้ว
“แค่ก! ...แค่ก”
“อือ พ่อฮะ พ่อ
“เอม...เอม” มือใหญ่เอื้อมไปเขย่าหวังจะปลุกร่างบางที่นอนเพ้อให้ตื่นจากฝันแต่ทันทีที่สัมผัสผิวกายที่ร้อนระอุ ชะเอมก็สะดุ้งร้องอย่างหวาดผวา
“ไม่!! อย่า!!”มือเล็กปาดป่ายหวังจะปัดสัมผัสขยะแขยงออกจากตัวจนคนในห้องลุกมาดูอาการอย่างรวดเร็วสินที่ตอนแรกจะปลุกขึ้นมาดูอาการก็ยอมถอยออกมาหนึ่งก้าว เพราะเห็นท่าไม่ดี
ทั้งสามคนขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอะไรแปลกๆจึงเงียบแล้วหยุดฟัง
“...”
ชะเอมยอมลดมือลงเมื่อสัมผัสนั้นหายไปแล้วโอบกอดตัวเองไว้แน่นราวกับจะปกป้องตัวเองจากการทำร้าย
“...”
“พ่ออย่าตีเอม เอมเจ็บ ฮือ ฮึก...ขอโทษครับ” ริมฝีปากสะอื้นไห้ร้องครางอย่างเจ็บปวด น้ำตาไหลพรากเหงื่อก็ผุดซึมเต็มหน้าผาก “พ่อ...”
เสียงร้องไห้ครางเครือทรมานปนกับเสียงพร่ำเพ้อขอความเห็นใจดังต่อเนื่องโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมา
อีกหนึ่งความจริงที่สามคนฟังแล้วต้องสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างตกใจ
หมายความว่ายังไง...
“ฮือ!!! อ๊า! ไม่!!” จู่ๆเสียงครางเครือที่ดูเหมือนจะสงบลงก็กรีดร้องขึ้นมาอีก ทั้งสามคนสะดุ้งคราวนี้ชะเอมตัวสั่นอย่างหนัก แขนบางเกร็งกอดร่างตัวเองแน่น
“สิน...ปลุกเอมที
“พ่อครับ
“ปลุกเอมทีเหอะ...เอมกำลังทรมาน”
ภาพร่างบางนอนดิ้นทุรนทุราย...ทำให้นึกถึงอดีตเสียงแหลมกรีดร้องโหยหวน
สินพยักหน้า
“รามมาช่วยกู
“เอม”
“ยะ อย่าตีเอม...พ่อ
“เอม!” รามจึงใช้วิธีปลุกแบบใช้เสียงแทนพลางเขย่าไปด้วย “ตื่นเถอะ”
“ฮึก...”
“เอม!!”
จมลึกเข้าไปในความฝัน
พ่อหยุดตีเอมแล้ว พ่อกำลังเข้านอน...พอแล้วเหรอ
วันนี้คงจบแล้ว...ทั้งเหนื่อย...ทั้งเจ็บ...ทรมาน
ความรู้สึกล่องลอย...เหมือนกำลังจะตาย
ถ้าเราตายไปพ่อคงจะดีใจ...อย่างที่พ่อว่าเลยเราไม่น่าเกิดมาเลย
แล้วถ้าเอมตาย...
...คินก็คงดีใจเหมือนกันใช่มั้ย
“เอม!!” รามตะโกนลั่นเขาไม่ได้คิดไปเองว่าเมื่อกี้เหมือนร่างบางจะหยุดหายใจไปแวบหนึ่ง
“ราม ใจเย็นๆ มึงเป็นอะไร
“เมื่อกี้...เมื่อกี้
ดินได้ยินก็ช็อคตาค้างยืนนิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูกสินพลันผุดลุกขึ้นอังมือเหนือจมูกของร่างบางที่บัดนี้นอนนิ่งก่อนพรูลมหายใจเมื่อยังสัมผัสได้ถึงลมหายใจแม้จะแผ่วเบามาก
“กูพูดจริงๆ...ถึงจะแค่แป๊ปเดียวแต่เอมไม่หายใจจริงๆ” ปากรามสั่นกึกๆ ไม่ใช่เพราะความหนาว
แต่เพราะหวาดกลัว...
นี่เอมกำลังฝันอะไรอยู่ รีบๆ ตื่นได้แล้ว
“...”
“เอมตื่นสิ เอม
หรือนี่คืออาการช็อคอย่างที่แพทย์กฤษณะเคยบอก
“อือ...”ในขณะที่ทุกคนทำอะไรไม่ถูก เสียงแหบๆ ดังจากปากคนนอนนิ่ง สิ่งไม่ดีที่รามกำลังคิดว่ามันจะเกิดมลายหายไปอย่างรวดเร็วสิ่งที่แทนที่คือความโล่งอก
“ฮื่อ...ปวดหัว”ลืมตาขึ้นได้แป๊ปเดียวก็หลับตาลงอีกครั้ง เมื่อแสงสว่างจากหน้าต่างแล่นเข้ามาทำเอาประสาทตาแปลบปลาบ
รามกับดินยังคงยืนนิ่งอึ้งเหมือนปรับสมองไม่ทันไม่มีใครเคลื่อนไหว คนรู้สึกตัวคนแรกเห็นจะเป็นสิน
“เอม”เสียงทุ้มเรียกชื่อร่างบางให้รู้สึกว่าไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง
“อือ...”ชะเอมได้ยิน แต่ยังมึนงง “ใคร...”
คนในความฝัน...
หรือคนในความจริง
สมองเบลอจนแยกแยะไม่ออก
“พวกเราเองไง”สินเอ่ยทำลายความเงียบอีกครั้ง “ปวดหัวเหรอ ตื่นขึ้นมากินข้าวกินยาก่อนนะ จะได้เช็ดตัว”
“หิวน้ำ...”คนป่วยเรียกร้องเสียงแหบพร่า พยายามปรือตามองที่มาของเสียง “หิวน้ำจัง”
รามรู้สึกตัวก็ยื่นมือหยิบแก้วน้ำที่ถูกรินเตรียมไว้แต่มือก็สั่นจนทำน้ำกระฉอกหกใส่ฟูก จนสินต้องแย่งมาถือเอง “ขอบใจ”
“ไม่เป็นไรมึงไปนั่งพักก่อนไป” สินส่ายหน้า “ดินมาช่วยพยุงเอมหน่อย”
แขนใหญ่ประคองร่างบางที่ตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อขึ้นพิงหัวเตียงแผ่วเบา
“ขอบใจนะดิน”ชะเอมเอ่ยอย่างอ่อนเพลีย กระพริบตาถี่ปรับภาพที่พร่ามัว เริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าอะไรเป็นอะไรรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
“ค่อยๆดื่มนะ เดี๋ยวสำลัก” สินจ่อหลอดที่ปากแห้งผาก
“อึกแค่ก!” ร่างบางปิดปากไอโขลก เมื่ออาการดีขึ้น ก็ดื่มน้ำอีกจนหมดแก้ว
“ เอาอีกไหม”เสียงทุ้มถาม แต่ชะเอมส่ายหน้าพึมพำขอบคุณอีกครั้ง
ร่างบางปรือตาเหนื่อยอ่อนเพลีย เหมือนถ้าหลับตาลงคงหลับไปได้ในทันที แต่ก็ฝืนไว้
ไม่อยากนอนเลย...กลัวความฝัน
ฝันร้ายช่างน่ากลัว
“กินข้าวกินยาก่อนนะแล้วค่อยนอนพัก” สินเสนอ
“ไม่เอาไม่อยากนอน” ชะเอมส่ายหน้าทันที คนไม่สบายเริ่มงอแง “ไม่อยากนอนเลย”
สินเจอแบบนี้ก็ไปต่อไม่ถูก...แต่ก็พอจะเข้าใจ
ฝันร้ายงั้นสินะ
“โอเคงั้นกินข้าวนะ จะได้กินยา รามเตรียมไว้ให้แล้ว”
ถึงจะไม่อยากกินเท่าไหร่แต่ก็ต้องพยักหน้าจำใจยอม
กินไปได้ไม่กี่คำก็ส่ายหน้าดิกยอมแพ้รับยามาตบเข้าปาก รามรับชามกับแก้วมาวางไว้ที่ถาดเตรียมเอาไปล้าง
"วันนี้ไปห้างกันใช่มั้ย"ชะเอมถาม
"หืม"รามครางในลำคอ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเคยนัดกันเอาไว้จริงๆ รู้สึกเขาเจอเหตุการณ์หลายอย่างจนลืมไปแล้วแต่แปลกใจที่ดูเหมือนร่างบางจะยังจำได้"เออจริงด้วยเนอะ"
"จะไปกี่โมงเหรอ"ร่างบางถามอ้อมแอ้ม อันที่จริงถามไปอย่างนั้นเอง...ก็แค่รู้สึกว่าไม่อยากให้พวกรามไปไหนเลย
"พวกเราคงไม่ไปแล้วแหละ"ดินตอบแทน "เอมไม่สบายแบบนี้ จะให้พวกเราไปกันได้ไงล่ะ"
"จริงเหรอ"ชะเอมยิ้มอ่อน แต่แววตาแสดงออกถึงความดีใจ
"อือฮึ"ดินยักคิ้ว เอี้ยวตัวไปรับกะละมังน้ำอุ่นที่สินถืออยู่ "เช็ดตัวหน่อยมั้ย"
"อื้อ"ร่างบางพยักหน้า "แต่จริงๆ อยากอาบน้ำมากกว่า"
"อย่าเลยเดี๋ยวไข้ขึ้นอีกจะทำยังไง" ดินบิดผ้าจนน้ำหยดออกหมดแล้วสะบัดเล็กน้อย "เช็ดตัวไปก่อนถ้าไข้ลดลงกว่านี้ ให้คุณหมอกฤษณะตรวจว่าโอเคแล้วค่อยอาบน้ำตอนนั้นก็ได้"
"แต่มันเหนียวตัวนี่นา"ชะเอมหน้ามุ่ยเมื่อมีคนขัดใจ ร่างกายรู้สึกหนึบหนับอึดอัดไปหมด
ดินเงียบไม่พูดอะไร มือไล้ไปตามแขนเรียวซับที่คอ ใบหน้า ก่อนจะชุบน้ำบิดอีกครั้ง
ในใจเหม่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่
มันทำให้ดินนึกถึงสิ่งที่ไม่อยากนึก...เขาคิดว่าลืมมันไปได้แล้วแท้ๆ...แต่ความจริงไม่ใช่เลย
"ดิน"เสียงใสเรียกทำให้หลุดออกจากภวังค์ "เป็นอะไรเหรอ"
"ปะเปล่า" บ้าจริง นี่เขาแสดงสีหน้าอะไรออกไป
ไม่รู้ตัวเลย
ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งโดนสายตาคมกริบมองอยู่...
"เสร็จแล้ว"มือสีเข้มหย่อนผ้าขาวลงในกะละมัง ก่อนหันกลับไปมองชะเอมที่มองมาที่เขาเช่นกัน
"อยากทำอะไรมั้ยนอนทั้งวันแล้วคงจะเบื่อ"
"ฮืม"ร่างบางปรือตาพึมพำเสียงแผ่วเบาไร้เรี่ยวแรง "อยากดูทีวี"
แค่อยากได้ยินเสียง...เสียงอะไรก็ได้ที่จะทำให้เขาไม่ได้คิดว่าอยู่ตัวคนเดียว
ดินพยักหน้าผุดลุกขึ้นเปิดโทรทัศน์"ดูช่องไหนดี...อ้าว"
ริมฝีปากสีเข้มเผยยิ้มอ่อนมือวางรีโมทไว้ที่เดิม กดปิดทีวีที่เพิ่งเปิดเมื่อครู่ ก่อนจะมาจัดที่นอนให้ร่างบางสบายที่สุด
ชะเอมหลับไปแล้ว...
ดินลูบหัวทุย ได้แต่ภาวนาให้คนป่วยหลับสบายเสียทีอย่าตกอยู่ในห้วงความฝันที่แสนน่ากลัวอีกเลย
************************Whosefault? ************************
"เป็นอะไรรึเปล่า"
"เป็น...เป็นอะไรกูไม่เป็นอะไรสักหน่อย" ตาคมสั่นไหวหลุบลง "คนที่เป็นคือเอมต่างหาก"
"อย่าโกหก"
"..."
"มึงเป็นอะไรทำไมกูจะไม่รู้" เสียงทุ้มอ่อนโยน กับแขนแข็งแรงที่ดึงเขาแนบอก
ดินเบิกตา แขนสองข้างเผลอกอดตอบไม่รู้ตัว
"อือ...ทำไมมึงถึงใจดีกับกูจัง"ด้วยความสูงที่พอดีกันกับกลิ่นหอมเย็นๆ ทำให้จมูกโด่งกดลงสูดดมที่บ่ากว้างของอีกคนรู้สึกโล่งใจบอกไม่ถูก
โดยไม่รู้ว่าท่าทางอ้อนๆนั้น ทำให้สินหมั่นเขี้ยวขนาดไหน
"ถามอะไรสมกับเป็นมึงอีกแล้ว"
คิ้วเข้มขมวด "ยังไง"
"ก็คำถามซื่อบื้อไง"สินยิ้มขำ ดินเงยหน้าตวัดมองค้อน จะยื้อตัวออกแขนแกร่งก็กดเอวไว้แนบแน่น
"แม่ง...หมดมู้ดเลย"
คินมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย...แววเศร้าหมองคู่นั้นหายไปแล้ว
"หึหึ"
"เกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ของมึงจัง"พออะไรๆ เริ่มเข้าที่ สติก็เริ่มเข้าทาง แล้วก็เพิ่งรู้ว่าเขาสองคนอยู่ในท่าทางไม่เหมาะสมสุดๆ!"ฮื้อ ปล่อย"
สินจ้องริมฝีปากบึ้งๆ ที่เมื่อคืน'
ก๊อกๆๆ!
เสียงเคาะประตูทำให้คนที่กำลังดิ้นสะดุ้ง
"คุณหมอมาแล้ว"ปั่ก! "ปล่อย" ดินทุบไหล่กว้างไม่ออมแรง ดิ้นไม่ได้ก็เหลือทางเดียวคือทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย
จุ๊บ!
"ครับๆมาแล้วครับ" สินบอกเสียงยานคาง เดินตัวปลิวปล่อยคนในอ้อมกอดให้ยืนนิ่งตาเบิกกว้าง
ถ้าหูเขาไม่ฝาดเหมือนได้ยินมันผิวปากอย่างอารมณ์ดีอีกด้วย
"อะ...อะ"ดินปากสั่นหน้าซีดสลับแดง มือเข้มตะปบปิดปากแน่น เมื่อกี้...ไอ้สิน...มัน...ในสถานที่แบบนี้
"สวัสดีครับคุณหมอ"สินยกมือไหว้คนมาใหม่
"ชะเอมเป็นยังไงบ้าง"กฤษณะถามหอบๆ ให้รู้ว่าเขารีบมาขนาดไหน
"หลับไปแล้วครับ"สินตอบ "เมื่อกี้นี้เอง"
"อ้าวเหรอ"นายแพทย์ถอนหายใจแต่ยังไม่คลายคิ้วที่ขมวด เหลือบมองดินที่ยังยืนนิ่ง "นี่เธอ...ไม่สบายรึเปล่า"
"ฮะ...ครับ
"อาถามว่าป่วยรึเปล่าหน้าแดงเชียว"
"..."
"ติดหวัดจากเอมเหรอรีบๆ ทานยาดักไว้ก่อนนะ เดี๋ยวจะยุ่งเอา" กฤษณะเตือนตามความเคยชิน เดินผ่านเข้าห้องไปเยี่ยมคนป่วยจริงโดยที่คนป่วยที่ถูกเข้าใจผิดยังยืนหน้าแดงอยู่ที่เดิม
"...หึหึ"สินขำกับคำทักของแพทย์กฤษณะ
"ฮึ้ยยย"ดินหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะไอ้เวร! ไอ้คนฉวยโอกาส!!
"กูคิดอะไรดีๆออกละ" ดินผงะเมื่อสินเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ
"ถ้าคราวหน้าทำร้ายร่างกายกูอีก"เสียงทุ้มกระซิบติดริมหู ลมหายใจร้อนเป่าทำขนลุกซู่ "กูจะเอาคืนแบบนี้แหละ"
"...!"
"เป็นการเอาคืนที่ชื่นใจที่สุดเลยว่าไหม"สินยิ้มกรุ้มกริ่ม ในขณะที่ดินขบกรามหูแดงแปร๊ด
เป็นการเอาคืนที่ชื่นใจที่สุด...สำหรับมึงคนเดียวน่ะสิ!!
************************Whosefault? ************************
สนใจรูปเล่มหนังสือทักได้ที่เพจเฟสบุ๊ค H.Rui Novels นะคะ ^^
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in