#กาตรู#เรื่องสั้นไทย #อนุสรณ์ติปยานนท์ #สำนักพิมพ์เคหวัตถุ
ถึงคุณ
..
ยังไม่ข้ามพ้นเดือนแรกฉันเสียเพื่อนเยาว์วัยไปเมื่อปลายสัปดาห์คนหนึ่ง ความคิดว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้วิ่งวุ่นในหัว อีกด้านประโลมใจว่าเธอหลุดจากห้วงความวิตกกังวลกับชีวิตไปแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกังวลถึงชีวิตในวันข้างหน้าอีกต่อไป
.
เราที่อยู่ข้างหลังต่างหากยังต้องหวาดวิตกกับชีวิต และความทรงจำระหว่างเธอกับฉันเป็นเรื่องดีมากกว่าเรื่องแย่ เราเคยทะเลาะกันครั้งหนึ่งตั้งแต่ยังไม่เข้าเรียนประถม ด้วยเงินเพียงหนึ่งบาทที่หล่นหาย เธอว่าฉันต้องชดใช้ และเราต่างร้องไห้ไม่ยอมกัน
.
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก เราขึ้นเวทีการแสดงงานโรงเรียนประถมกันแทบทุกงาน เธอชอบเข้าสังคมไม่ชอบอ่านหนังสือ ขณะฉันไม่ชอบความวุ่นวายและชอบอ่านหนังสือ เธอพูดเยอะแต่ฉันเลือกที่จะฟังมากกว่าพูด ฉันเคยไปงานกับเธอครั้งหนึ่งถูกทักว่าเป็นลูกสาว หลังจากนั้นเธอประกาศเรื่องนี้ในหมู่เพื่อนฝูงว่าจะไม่ชวนมัน(ฉันเอง)ไปอีกเด็ดขาด
.
เธอเสียพ่อก่อนฉันไปนานหลายปี แต่ฉันกลับเสียทั้งพ่อและแม่ไปในเวลาใกล้เคียงกัน ชีวิตเปราะบางและแสนสั้นในขณะที่เราใช้ชีวิตอย่างปกติไม่เจ็บป่วย และอย่างคาดไม่ถึง เธอไม่ได้จากไปต่อหน้าฉัน และฉันอยู่ไกลจากเธอในเวลานั้น เหมือนกับที่คุณอยู่ไกลจากฉันในเวลานี้
.
แล้วหากว่าใครสักคนจากไปต่อหน้าต่อตา โดยเราไม่เข้าใจว่าทำไมหรือเพราะอะไรจะเป็นเรื่องทำใจยากขนาดไหนกันนะ เมื่อผู้เป็นที่รักคนหนึ่งกระโดดสะพานลงแม่น้ำไปต่อหน้าต่อตาอย่างเตรืองมีนาในกาตรู เราจะเป็นอย่างไร ความคิดเพียงชั่ววูบของเธอฆ่าพ่อและยาย
.
ความเป็นศิลปินในตัวเธอทำให้เธอไม่ใคร่ครวญในสิ่งที่กระทำ คิดถึงแต่ความปรารถนาของตัวเองในความคิดของฉัน ถ้าหากว่าเธอบอกเรื่องนี้กับเขาชายคนรักไว้ก่อนถึงสิ่งที่จะกระทำ เพราะแท้จริงเธอไม่ได้ฆ่าตัวตาย แต่ใครจะรู้ในเรื่องนี้ คนข้างหลังไม่อาจหาคำตอบได้
.
ชายคนรักไม่รู้ พ่อตาบอดและยายชราก็ไม่รู้ พวกเขากินยาฆ่าตัวตายหลังจากนั้น เธอเป็นฆาตกรอย่างไม่ต้องสงสัย ต้นเหตุมาจากเธอ ชายคนรักไม่ได้ฆ่าตัวตายตาม เขาถมความเจ็บปวดและความไม่เข้าใจด้วยการเลิกทำสิ่งที่รักคือการเขียนหนังสือ และเฝ้าหาคำตอบจากคนแปลกหน้าผู้อยู่ข้างหลังการฆ่าตัวตายของคนในครอบครัว ด้วยการตระเวณไปทั่วกับข่าวการกระโดดน้ำฆ่าตัวตายของใครสักคน ไปร่วมงานศพของคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก
“ผมเพียงแต่ใช้ชีวิตในการไว้อาลัยต่อการจากไปของคนอื่นเท่านั้น ผมใช้ชีวิตเพื่อยืนยันว่าความตายของคุณนั้นไม่เคยเกิดขึ้น เท่านั้นเอง” (น.๕๓)
.
ส่วนเตรืองมีนาถมความเจ็บปวดของตัวเองด้วยการเรียนรู้การร้องกาตรูแบบหลุ่มหลง จนกระทั่งความเจ็บปวดชลอตัวลงและรู้สึกตัว ฉันพอจะเข้าใจการกระทำบางอย่างด้วยความลุ่มหลง ด้วยความหิวกระหายเพื่อถมความเจ็บปวด มันค่อนข้างหมกมุ่นถ้าเราอยู่ในจุดนั้นณ.วันหนึ่ง ฉันซาบซึ่งกับเรื่องนี้ดีและผ่านมาแล้ว
.
ฉันไม่เคยอ่านงานของอนุสรณ์มาก่อน ไม่เคยทำความรู้จักเลยด้วยซ้ำ แค่ว่าคุ้นชื่อมาจากงานแปลเรื่องสั้นของเฮียมู และมีคนแนะนำว่าลองทำความรู้จักดู ฉันซึ่งเชื่อคนง่ายจึงหยิบฉวยมาอ่านอย่างไม่ต้องสงสัย หนังสือเล่มนี้บางเฉียบอย่างกับแผ่นเบคอน
.
ตอนแรกเข้าใจว่ากาตรูเป็นชื่อผู้หญิง เป็นชื่อนางเอกของเรื่องซะอีก ทีแท้เป็นดนตรีโบราณของเวียตนาม ด้วยการร้องที่สอดประสานกับสรรพเสียงรอบตัว ผู้เขียนใช้เรื่องนี้สำหรับเริ่มต้นการเขียนสอดแทรกเกร็ดความรู้ลงไประหว่างเรื่องราวของหนุ่มสาวสองคน สะท้อนผ่านเตรืองมีนาหญิงสาวชาวเวียตนาม
“ฉันเข้าใจจิตวิญญาณของเราชาวเวียตนามอย่างไม่เคยเข้าใจมาก่อน พวกเราคือผู้พ่ายแพ้ คือชนชาติที่บอบช้ำ ที่รอดกลับมาจากความตาย จิตวิญญาณของพวกเราเจ็บปวด สูญเสีย แต่เราจะต้องกลับมา ฉันจะต้องนำเอาชีวิตของดนตรีกาตรูกลับมาให้ได้” (น.๕๑)
.
เรื่องนี้สั้นเกินไปสำหรับฉัน และไม่ได้ดิ่งเท่าที่คาดหวังไว้(จิตนิดนึง) ร้อยเรื่องแป๊ะตามแบบฉบับชัดเจนเหมาะสำหรับอ่านเพื่อเรียนรู้กลวิธีการเขียนได้ดี ฉันจะลองทำความรู้จักเขาจากเล่มอื่นดูอีก เพราะฉันกวาดซื้อมาตั้งห้าเล่มแน่ะ
.
จากหนังสือเล่มนี้มีเรื่องหนึ่งที่ทำให้ฉันตระหนักว่า คนเราควรสื่อสารกันให้มากขึ้น ควรบอกเพื่อให้คนใกล้ตัวเข้าใจ ถูกล่ะคนเราใช่ว่าจะบอกกันได้ทุกเรื่อง มันย่อมมีบ้างที่เราจะคิดของเราอยู่คนเดียวเป็นความลับของเราคนเดียว
.
แต่หากไม่ใช่เรื่องอะไรนักหนาบอกกันไว้ก่อนก็ดีนะจะได้ช่วยกันแก้ไข จริงหรือเปล่า
.
๑๔ มกราคม ๒๕๖๒
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in