เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ความสุข (น.) : เรื่องสั้นโดยนางสาวอภิญญา นกทองSameshithappenedeveryday
ความรัก (น.)
  • มุทาเริ่มบรรจงตัดเล็มผมเส้นเล็กของรติ เสียงนายหญิงหรือนายท่านก็เบา หรือเขาเองแทบไม่สนใจจะฟังเสียมากกว่า เขาปล่อยให้เวลาล่วงผ่านด้วยความไม่รู้ตัว สัมผัสของเส้นผมชายตรงหน้ารั้งเขาไว้ เสียงเจื้อยแจ้วนั้นก็ด้วย แต่อย่าได้ถามเชียวว่าเขาตั้งใจฟังไหม ตอนนี้ประสาทสัมผัสทั้งห้าของเขาเหมือนจดจ่ออยู่กับรติ แต่ก็เลือนรางเกินกว่าจะเรียกว่ามีสมาธิได้ ด้วยความชำนาญ แม้เวลาจะผ่านไปมากกว่าที่ควรจะเป็น แต่ที่สุดแล้วมุทาก็ต้องวางมือ เพราะจัดแต่งทรงผมของคนตรงหน้าจนเรียบร้อย

    “ลูกดูดีกว่าเดิมมากเลยจ้ะ รติ” คุณนายพูดพลางวาดมือโอบไหล่ลูกชาย

    “เรียกว่าดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อยหนึ่งแล้วกันครับคุณแม่ แต่ก็ถือเป็นการตัดผมที่ลูกชอบนะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป เหมือนเราได้เจอกันครึ่งทาง  ยังไงก็ขอตัวก่อนนะครับ ผมขอยืมตัวนายมุทาคนนี้ไปด้วยได้ไหม ยังไงเราก็ว่าจ้างเขามาทั้งวัน ตัดผมเพิ่งใช้เวลาไปไม่นาน อย่าลืมหยิบเงินมาแน่ะมุทา” รติพูดรัว พยักพเยิดหน้ามาทางเขา แต่ก็ไม่ได้รอให้นายหญิงและนายท่านกล่าวอะไร รติกระตุกชายเสื้อของมุทาให้เดินตามออกไปจากห้องนั้นเสียก่อน เขาเดาเอาว่าชายตรงหน้าจะนำเขาไปยังสวนหย่อมที่อยู่หลังบ้าน ทั้งสองเดินไปตามทางหินอ่อนเงียบ ๆ มุทาเองยังนึกแปลกใจว่าทำไมเขาไม่ขัดขืน เขารู้สึกเพียงอยากใช้เวลาอยู่กับรตินานกว่านี้ และไม่นึกสงสัยต่อสิ่งใดในโลกอีกแล้ว ความรักหรือเพียงความหลงใหล หากแม้นไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดในสองสิ่งนี้ ก็ถือว่ามีพลังมากพอจะตรึงเขาไว้ให้โหยหาคนตรงหน้าได้ ทั้งสองหยุดตรงกลางสวนหย่อม รติเขย่งมองว่ามีใครอยู่แถวนั้นไหม เมื่อประจักษ์เป็นแน่แท้แล้วว่าไม่มีใครอยู่จึงเริ่มเอ่ยปากเป็นครั้งแรกหลังจากเงียบตลอดทาง

    “นายพาเราเข้าตลาดได้ไหมมุทา เราอยากวาดทุ่งนากับป่าฝั่งโน้น ได้เจอผู้คนก็ยังดี อยู่แต่บ้านเราแทบจะซังกะตายแล้วนะ ปีนรั้วนี่ออกไปก็ไม่มีใครเห็นหรอก” รติพูดรัวจนมุทาฟังแทบไม่ทัน แต่ก็ยังพอจับใจความได้ จึงถามกลับด้วยความซื่อ

    “ท่านไม่ถามนายหญิงกับนายท่านก่อนหรือครับ” 

    “ท่านอะไรกันเล่า เรียกเรารติเถอะ เราเพื่อนกัน” รติถอนหายใจ สีหน้าห่อเหี่ยวลงจนมุทาใจเสีย ตนทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

    “ถ้าบอกพ่อคงห้าม พ่อไม่ให้ไปยุ่งกับพวกชาวบ้าน เขากลัวทำเสียคน เราไม่เห็นชาวบ้านจะร้ายกาจอะไรเลย เราแค่อยากออกไปข้างนอก พ่อหรือก็หัวสูง อย่าว่าแต่ออกไปนาข้าวเลย ย่างกรายออกจากรั้วบ้านยังยาก” เขาถอนหายใจอีกหน คราวนี้หันหลังให้มุทาด้วยคิดว่าคงขอไม่ได้ผลตามใจ แต่ก็ถูกมือมุทารั้งไว้

    “โธ่ รติ ได้สิครับ ผมจะพาไปเอง อย่าเศร้าถึงเพียงนั้นเลย เดี๋ยวผมกลับมาส่งก่อนค่ำครับ” แน่แท้ว่ามุทาไม่สามารถปฏิเสธคำขอของรติได้ แววตาเว้าวอนนั้นแม้ฉายเพียงน้อยนิดก็ละลายความเข้มแข็งในหัวใจของชายหนุ่มไปหมดสิ้น ไม่รีรอให้มีบทสนทนาใด รติยิ้มร่า จูงชายแขนเสื้อมุทาไปหยุดที่รั้ว จากนั้นจึงพากันปีนออกมา พวกเขาเดินผ่านลุงชิตที่แอบหลับในป้อมยาม หัวเราะคิกคักระหว่างทางลูกรังขรุขระ หินแลงก้อนเล็กกระเด็นตลบอบอวลจนกางเกงของทั้งสองเปรอะรอยคล้ำแดง แดดอุ่น ๆ ส่องคลายลมโหยหนาวเหน็บ บรรยากาศชวนฝันทำให้รติใจเต้นเร่า ความสุขระคนพิศวงเริ่มถักทอในหัวใจเขา ผู้คนมักบอกว่าความรักไม่อาจก่อเกิดได้รวดเร็วถึงปานนี้ หนังสือหนังหาที่เขาอ่านตั้งแต่เล็กก็ไม่ยักกะพูดถึงเรื่องรักแรกพบสักเท่าไหร่ แม้จะเกิดและเติบโตในตระกูลที่เพียบพร้อมไปด้วยทรัพย์สมบัติ อำนาจ และความรู้ แต่จะมีประโยชน์อันใดหากปราศจากอิสระ สิ่งที่เขาโหยหาเสมอมาตั้งแต่จำความได้ และมุทา เขาคือชายหนุ่มซื่อ ๆ ที่จับพลัดจับผลูเข้ามาในบ้านหลังโต รติไม่เชื่อเรื่องพรหมลิขิตนัก แต่วินาทีที่ชายหนุ่มอีกคนย่างก้าวเข้ามาในห้องระหว่างที่เขากำลังวางพู่กันเพื่ออธิบายว่าพ่อไม่เห็นจำเป็นต้องตัดผม แล้วเขาก็ไม่ได้อยากมีคนรวย ๆ จากเมืองอื่นมาบอกว่าควรทำผมเผ้ายังไงให้ดูเป็นผู้ดี เขารู้ว่าพ่อต้องว่าจ้างคนในระดับเดียวกันมาทำงานนี้แน่อยู่แล้ว แต่เปล่าเลย เขาผิดถนัด เมื่อเสียงกริ๊กจากประตูดึงสายตาเขาไป… ปกติเขาคงทำท่าทางเพี้ยน ๆ ให้คนเหล่านั้นระอาจากไป 

    แต่กับมุทาเขาทำได้เพียงวาดยิ้มค้างอยู่บนใบหน้า ไม่มีทีท่าอยากไล่ไปไกล ๆ เพราะอะไรกันนะ เพราะมุทาไม่ใช่ผู้รากมากดีหรือเปล่า แค่ดูจากการแต่งตัวเขาก็รู้ในปราดเดียว มุทาไม่เหมือนลุงแก่ ๆ ที่พ่อดึงเข้ามาอบรมเขา ไม่เหมือนพวกมีกะตังค์ที่เอาแต่พูดถึงความน่ากลัวของคนจนว่าวันหนึ่งพวกนั้นจะโตมาเป็นขโมย มุทาเด็กกว่า ดวงหน้าไร้เดียงสาและใจดีกว่า เหล่านี้ทำให้หัวใจเขากระแทกอยู่ในอกดังกว่าเดิมจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน เขาดีใจที่จะมีคนพาเขาเลาะทุ่งนาไปตลาดฝั่งโน้นใช่ไหม เขาไม่แน่ใจว่าการได้ไปลับพู่กันวาดวิวสวย ๆ จะเป็นแค่เหตุผลเดียวที่ทำให้เขาใจเต้นเร่าขนาดนี้ 

    เขารู้ว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เขาคิดว่าเขากำลังมีความรัก 

    พวกผู้ใหญ่อาจบอกว่าเขาเด็กไปที่จะแยกแยะระหว่างความรักกับมิตรภาพ เขาอาจจะเด็กเกินเข้าใจหลายอย่าง แต่เขาโตพอจะเข้าใจแล้วว่าตัวเองเกิดมาพร้อมกับเพศและอัตลักษณ์อะไร เพียงเพราะโลกไม่อยากยอมรับมัน ใช่ว่าเขาจะต้องปฏิเสธและหันหลังให้ตัวเองเหมือนกับโลกเสียเมื่อไหร่ เขารู้ว่าเขาชอบผู้ชาย แล้วที่ประจักษ์แจ้งแก่ใจไปกว่านั้นคือ เขาชอบมุทา



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in