Kia Ora Auckland - 1 February 2017
ไฟล์ทจากเมลเบิร์นมาที่โอ๊คแลนด์เป็นไฟล์ทสั้นๆประมาณสามชั่วโมง เรามาถึงโอ๊คแลนด์ประมาณบ่ายสามเพราะเวลาที่นี่ต่างจากออสเตรเลีย 3 ชั่วโมง เปลี่ยนไทม์โซนกันอีกแล้วล่ะ
พอทำไฟล์ทมาที่ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์บ่อยๆก็เริ่มรู้สึกว่าผู้โดยสารชาวนิวซีแลนด์น่ารักและใจดีกว่าออสซี่เยอะเลยแหละ คือจริงๆออสซี่ก็ดี แต่ชาวกีวี่นั้นใจเย็นกว่ากันมากกกกกก สมมติอย่างเวลามีปัญหาบนเครื่อง ผู้โดยสารชาวออสซี่จะคอมเพลนทันทีและดราม่าใหญ่โตพอสมควร แต่สำหรับชาวกีวี่ผู้น่ารักแล้วจะค่อยๆบอกอย่างสุภาพ ฮือออ น่ารักจัง♡
เอาจริงๆนะ ทุกคนที่ทำงานเกี่ยวกับการบริการทั้งหลาย ไม่จำกัดเฉพาะว่าเป็นอาชีพลูกเรือ เราว่าทุกคนล้วนมีจิตใจรักงานบริการทั้งนั้นแหละ เรายินดีที่จะช่วยเหลือผู้โดยสาร/ลูกค้าของเราเสมอ แต่จะดีมากถ้าทุกคนพูดกับเราดีๆ ถ้าทุกท่านอยากได้อะไรและสิ่งนั้นไม่เกินความสามารถของเราก็จะพยายามหามาให้นะ แค่พูดว่า Please กับ Thank you ก็ดีใจแล้วล่ะ
เพราะฉะนั้น อย่าหัวร้อนหรือดราม่าใหญ่โตเลย พูดกันดีๆก็ได้นะจ๊ะ :D
ตอนแรกเรากะว่าจะไปกินปิ้งย่างเกาหลีเหมือนอย่างเคย เดินเล่นจิบชาอ่านหนังสือไปเรื่อยๆแต่ลูกเรือคนอื่นชวนไป Waiheke Island ไหนๆก็มาแล้ว ไปก็ไปวู้ย
จากโรงแรม เราเดินลงเนินไปที่ท่าเรือ ซื้อตั๋วไปที่เกาะ และออกมาหาของกินแถวๆนั้น
ตรงข้ามกับท่าเรือมีคาเฟ่เล็กๆน่ารักอยู่แหละ มีขายกาแฟ ขนมนิดหน่อย และคราฟเบียร์ รวมถึง Lord of Fries ด้วย!
เราสั่งฮอทดอกมังสวิรัติมากับเฟรนฟรายที่เป็นมันหวาน อร่อยมากเลย ฟินนนน
ห้าโมงเราก็เดินขึ้นเรือ มุ่งไปยังแกรนด์ไลน์! ผิดดดดดดดดด
(ภาพจากนี้คือการสาดฟิลเตอร์ HB2 ใน VSCO มันเลยดูทึมๆลงมา แต่คือมันมู้ดนี้อะแก จริงจริ๊ง)
ภูมิทัศน์ The Lord of the Rings มากๆ เห็นภาพซ้อนเป็นซีนใน The Fellowship of the Rings
ที่กำลังวิ่งหนีพวกออร์คกันอยู่ริมน้ำก่อนที่โบโรเมียร์จะตายอะ
และแล้วเราก็มาถึง Waiheke Island ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีจากโอ๊คแลนด์จ้า แวบแรกที่เราเห็นตัวเกาะ เพลง The Sciencist - Coldplay ก็ดังขึ้นในหัววนไปวนมา
เกาะนี้เป็นเกาะที่มีไร่องุ่นจำนวนมาก มีร้านอาหารเยอะแยะ แต่เพราะเราไปถึงตอนประมาณหกโมงเย็นทุกอย่างเลยเงียบสงบ กลายเป็นเกาะเหงาๆที่มีลมพัดเอื่อยๆพร้อมกับแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆอ่อนลงทุกที
จากตรงท่าเรือ เราเดินไปที่หาดที่ใกล้ที่สุดคือ Oneroa Bay ซึ่งจากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ ตรงนั้นจะมีหมู่บ้านเล็กๆ แกลลอรี่งานศิลปะ และร้านอาหาร
เสื้อสีส้มของคุณป้าตัดอารมณ์ความเหงาของเกาะนี้มาก
ถ่ายโดยไอโฟนหกที่แบตเสื่อม
เดินมาเรื่อยๆก็จะเจอร้านเช่าสกู๊ตเตอร์ ร้านขายของจิปาถะ ซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ และร้านอาหาร
เราตัดสินใจไม่นั่งกินข้าวในร้านอาหาร แต่ไปซื้อแซนวิชกับนมจากซุปเปอร์มาเก็ตมานั่งกินริมทะเลชิวๆ เป็นบรรยากาศที่สบายๆ นั่งดูคนเดินไปมา หมาวิ่งเล่นไล่จับกับเด็กๆ อยากมีชีวิตแบบนี้มาก อยากย้ายมาอยู่ที่นี่เลยแหละ ฮา
อะเสียงเปียโนมา
Come up to meet you, tell you I'm sorry. You don't know how lovely you are.
รูปนี้นี่แหละคือคำอธิบายว่าทำไมเพลงนี้ถึงวนอยู่ในหัว
ไหนๆก็พูดถึงเพลงนี้แล้ว เปิดเพลงนี้ฟังไปพร้อมๆกันด้วยก็ได้นะ
ระหว่างเล่นชิงช้าที่ไม่ได้เล่นมานานแล้ว อยู่ๆก็นึกถึงซีนหนึ่งในหนังเรื่อง After the storm ของ Hirokazu Koreeda ขึ้นมาได้
"What did you want to be?"
"Are you who you wanted to be?"
เราโตมาเป็นผู้ใหญ่แบบที่เราอยากเป็นรึเปล่า...
ระหว่างทางกลับเราไปแวะชายหาดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามคือหาด Black pool เพราะอยากหาจุดนั่งดูพระอาทิตย์ตก แต่การคาดคะเนของเราผิดพลาดไปนิดนึง เพราะจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกได้ชัดที่สุดคือต้องกลับไปที่ท่าเรือนั่นแหละ
นี่คือเวลาประมาณทุ่มครึ่ง จุดตรงนี้ฟ้าใสกว่า หาดตรงนี้กว้างกว่ามากแต่เต็มไปด้วยหิน และคิดว่าเลยไปก็เป็นเขตน้ำลึกเลยเพราะเรือใบจอดกันเต็มไปหมด ทั้งชายหาดไม่มีคนอื่นอยู่เลย
คนอื่นกำลังถ่ายรูปกันใหญ่ ไม่สนพระอาทิตย์ตกกันแล้วล่ะ
ด้วยรักจากเกาะเหนือแห่งนิวซีแลนด์
พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าตอนเวลาประมาณสามทุ่ม เรานั่งเรือฝ่าลมแรงกลับมาที่โอ๊คแลนด์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in