3rd stop: Sydney, Australia
-6 hours from DXB
เรามาถึงซิดนีย์ประมาณหกโมงนิดๆ รอบนี้เราไม่ได้พักในตัวเมือง นอนที่ Airport Hotel แทนซึ่งทุกคนต่างก็เซ็งไปตามๆกัน ซิดนีย์รอบนี้จึงไม่มีโอเปร่าเฮ้าส์ และถึงแม้ว่าจะอยากเข้าเมืองเพียงใด ทุกคนตายค่ะ สลบกันหมด เพราะสาหัสมากกับการเปลี่ยนเวลากิน เวลานอน
พอมาถึงปุ๊บ คนที่ยังไหวและมีสติอยู่ก็ลงมากินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหารข้างล่าง เฮฮาร่าเริงกันดี เราสั่งสเต็กจานใหญ่เลยเพราะหิวสุดๆ พร้อมเบียร์หนึ่งแก้ว เล่นตลก คุยกันหลายเรื่อง ถ่าย Mannequin Challenge เล่นกันด้วย และคิดว่าจะไปถ่ายบนเครื่องเพราะเห็นคลิปของสายการบินบ้านใกล้เรือนเคียงถ่ายกัน แต่โดนเพอร์เซอร์เบรกซะก่อน
เราไปนอนตอนเที่ยงคืนและตื่นอีกทีตอน wake up call วันรุ่งขึ้น นอนนานเหมือนตายไปเลยจ้า ข้าวปลาอาหารคืออะไรไม่ได้กินทั้งนั้นแหละ เก้าชั่วโมงจากซิดนีย์ไปกรุงเทพต้องรอดดดดดดด!
4th stop: Bangkok, Thailand
-3 hours from DXB
ไฟล์ทเก้าชั่วโมงจากซิดนีย์มากรุงเทพแบบไม่มีพักเบรกเป็นอะไรที่เชี่ยมาก จริงๆก็มีแหละนะคือ 45 นาที นั่งพักที่ที่นั่ง Crew Rest ท้ายเครื่องแต่ห้ามหลับ ห้ามดูหนัง ลืมตาย หายใจ เม้าได้เบาๆเพียงเท่านั้น โอ้ยยยย ทรมานกับการถ่างตาเหลือเกิ๊นนน ทุกคนเลยพยายามทำทุกวิถีทางที่จะตื่นอยู่ อย่างเราก็กินกาแฟ จิบชาจากเซาท์แอฟริกาที่ซีเนียร์เอามาแจกจ่ายให้ทุกคนได้ลิ้มลอง ขึ้นไปเม้ากับพี่วิกกี้บนเฟิร์สคลาส เอาสเปรย์น้ำแร่ไล่ฉีดหน้าเพื่อนทุกคน แกล้งเอาน้ำแข็งหยอดเสื้อ เล่นเกมบิงโก และระหว่างที่ทุกคนนั่งกินขนมกันอยู่นั้น ข้าพเจ้าในฐานะ Language Speaker รับหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษา จัดการเรื่อง Medical Case อยู่หลังเครื่องค่ะ ตื่นเลยทีเดียว เย้!
พวกเราแลนดิ้งที่สุวรรณภูมิตอนตีหนึ่งตามเวลาประเทศไทย ทุกคนกลายร่างเป็นซอมบี้ มาแต่ตัวและไร้จิตวิญญาณ สติล่องลอยไปหมดแล้ว ขึ้นบัสปุ๊บ หลับกันหมด เงียบกันทั้งคันรถจ้า
พอถึงห้องพักที่โรงแรม เราอาบน้ำ และนอนยาว ตื่นมาตอนบ่ายสาม ออกไปกินข้าวที่ Luka Cafe ตรงถนนปั้นกับคนไกลตัวแต่ใกล้ใจซึ่งตอนนี้ได้มาใกล้กันแล้ว (คริคริคริ) กลับไปนอนต่อจนถึงทุ่มนึง เดินไปกินข้าวที่ร้านอาหารไทยใกล้ๆโรงแรม กลับมาปิดตาได้พักนึงก็ตื่นไปบิน
จุดนั้นคือร่างแหลกมากมากมากมากมาก การบินติดกันเจ็ดวันมันทรมานร่างเหลือเกินคุณเอ๊ยยยย
Last Sector: Dubai, United Arab Emirates
มันควรจะเป็นไฟล์ท 6 ชั่วโมงที่สบายๆ ทำแค่เซอร์วิสเดียวแล้วก็นั่งชิว แต่เปล่าเลย มันเป็นไฟล์ทที่รวมความฉิบหายวายปวงทั้งหมดทั้งมวลเข้าด้วยกัน
สิ่งที่ทุกท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ คือสเตตัสเฟสบุ๊คของข้าพเจ้า ขณะที่นั่งจิ้มมือถือในไฟล์ทกลับกรุงเทพหลังจากจบไฟล์ทยาวนี้
รีวิวความชีวิตเชี่ย(เหี้ย)ของข้าพเจ้า
BNE-AKL-SYD-BKK
05/12/2016
BKK-DXB
1. ทำ Duty Free คอมพังเลยต้องกรอกและนับสต็อกแบบแมนนวลทุกอย่าง อีลูกเรือคนก่อนไม่ได้ทิ้ง closing stock ไว้ให้ เหลือเพียงกระดาษเปล่าๆไว้ดูต่างหน้า เชี่ยมาก ต้องนับแบบชิ้นต่อชิ้น ส่องดูรหัสสินค้าแต่ละอย่าง
2. จากข้อ 1. ต้องนั่งเขียนรีพอร์ตอธิบายอีกว่าเกิดอะไรยังไงขึ้นหนึ่งสองสามสี่ ยาวสาสสส เพื่อไม่ให้ตัวเองโดนด่า cover my ass ไว้ก่อนเป็นยอดดี
3. ระหว่างที่กำลังงงงวยนับสต็อกอยู่นั้น แม่งเกิดดราม่าใหญ่บึ้มอลังการงานสร้างเล่นใหญ่ยิ่งกว่าละครเวทีของคุณบอยบนเครื่องระหว่างลูกเรือกันเองและลูกเรือกับกัปตัน ก็ไปรู้เรื่องทันกับเขาด้วยเว้ย เก่งมาก ยอมใจตัวเอง ไม่ได้เป็นคนขี้เสือกนะ แต่เป็นคนใส่ใจในความเป็นไปของผู้อื่น
4. ไฟล์ททริปนี้คือไฟล์ทอีฉิบหาย ยาวสัส สิริรวมเวลาบินคือประมาณ 35 ชั่วโมง หายตัวจากดูไบไปตั้งแต่วันที่ 29 กลับมาอีกทีวันที่ 5 คือโคตรนาน
5. จากข้อ 4. นานอย่างเดียวไม่ว่า ต้องบินติดกันทุกวันเลยค่ะ ??? แถมเปลี่ยนไทม์โซนทุกวันด้วย โอ้โหอีเชี่ยเอ๊ย ร่างแหลก อีคนคิดแม่งไม่ได้มาบินด้วยไง ดวก
6. เดชะบุญที่ sector สุดท้ายคือ BKK-DXB เวลาบิน 6.10 ชั่วโมง เฮ้ยจิ๊บๆว่ะ สบาย รอดชัวร์ โอ้โห จงกลับไปอ่านตั้งแต่ข้อ 1. ใหม่
7. ความพีคคือจะถึงดูไบแล้ว อีก 15 นาทีแลนด์ ดูไบเกิดหมอกลงจัดมากจนมองไม่เห็นอะไรเลย กัปตันเลยเอาเครื่องลงไม่ได้ อีชั่ววววววววววว
8. บินวนไปสิมึง บินวนไป จากที่จะแลนด์สวยๆตอนหกโมง นู้นนนนน ออกจากเครื่องแปดโมงครึ่ง ทรมานร่างสัส ทุกคนแบบกูจะตายแล้วววววว
9. ชีวิตจะไม่ยากเลยถ้าแค่กลับบ้านไปนอน แต่! ชีวิตของข้าพเจ้าไม่เคยมีคำว่าง่าย แม่งมีลีฟต่อไง ต้องรีบสุดชีวิตกลับบ้านเอากระเป๋าและมาสนามบิน
10. ในความโชคร้ายย่อมมีความโชคร้ายที่มากกว่า มาถึงบ้านปุ๊บ ต่อเน็ตปั๊บ เมลเด้งว่าไฟล์ทที่จองไปฮ่องกงกับฮ่องกงแอร์ไลน์โดนยกเลิก อ้าวอีซ๊าดดดด
11. โอ้ยเหมือนโลกถล่ม ไม่เป็นไรเรายังใจเย็น รดน้ำต้นไม้ก่อนโว้ย หันไปก็อ้าววววว อยู่เย็น(ชื่อต้นไม้) ใบเหลืองอ๋อยเลยอีเชี่ย รูมเมทผู้น่ารักไม่ได้รดน้ำต้นไม้ให้จ้า ฮือ
12. รีบรดน้ำให้อยู่เย็นกับชื่นใจ (เป็นสุขตายไปแล้วเมื่อเดือนก่อน) รีบอาบน้ำเปลี่ยนชุดไปไปขึ้นเครื่องเลยให้คนที่ไทยตามเรื่องตั๋วให้ ปรากฎว่าทุกอย่างปิดครับ วันพ่อ ตามอะไรไม่ได้เลย เอ๋าาาาาา
13. พาร่างที่แหลกฉิบหายมาสนามบิน เช็คอินขึ้นเครื่อง เออ ดีเลย์อีกชั่วโมงนึงเพราะหมอก ตอนนั้นคือช่างแม่งแล้วทุกสิ่ง จะนอนนนนนนนนน
14. ตอนที่นั่งจิ้มสเตตัสนี้คือกำลังซดมาม่าที่เพิ่งขอลูกเรือมาเพราะหลับยาวไม่ได้กินข้าว จิบน้ำสับปะรด ฟัง Awesome Mix Vol.1 จากเรื่อง Guardians of the Galaxy เออ...ช่างแม่งเหอความพังทั้งหลายและโยกหัวไปกับเพลง Sprit in the Sky เดี๋ยวค่อยไปสู้กับทุกอย่างใหม่ละกันโว้ย
นี่คือสภาพหลังแลนด์ สาบานได้ว่าพี่เสื้อสะท้อนแสงนั้นอยู่ห่างไปไม่ถึงหนึี่งเมตร
คือมองไม่เห็นกันจริงๆ ไม่ใช่เพราะกล้องมัวแต่อย่างใด
ได้ข่าวมาว่าเมื่อวานแย่กว่านี้อีกจ้า ต้องเอาเครื่องไปลงที่อาบูดาบีกับโอมานกันด้วยแหละ
จบลงแล้วกับไฟล์ทยาวและการอัพเดตชีวิตในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน - ต้นธันวาคม
แล้วพบกันใหม่ไฟล์ทหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีฮ้าาาาาาา
ด้วยรัก...จากดูไบดู ดูไบดู ดูไม่เสียตังงงงงงงงค์
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in