เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
from the desert, with loveployapha.j
ด้วยรัก...จากดูไบ - มกราคม 2019





  • สามปีผ่านไปไวเหมือนติดปีก✈️




    สวัสดีมิตรรักผู้อ่านทุกท่าน :)



    กลับมาเขียนบล็อกอีกครั้งหนึ่งแล้วนะจ๊ะ หลังจากห่างหายกันไปนานเกือบ ๆ สองเดือนเลยทีเดียว ครั้งสุดท้ายที่แวะเวียนมาทักทายกันนั้นก็คือช่วงธันวาคมปีที่แล้วนู้น ส่วนเหตุที่หายไปนั้นก็มีหลากหลายประการด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ไฟล์ทบินที่ซ้ำเดิม ไม่ได้ไปไหน ไม่มีอะไรน่าตื่นตาตื่นใจ เลยไม่ได้เอามาเขียน ตลอดจนช่วงนี้ (ความจริงแล้วคือทุกช่วงนั่นแหละ) เราบินหนักมาก ไม่มีเวลาได้มานั่งเปิดคอม เรียบเรียงความคิด และจรดมือลงบนแป้นพิมพ์ ประกอบกับเราต้องเตรียมอ่านหนังสือสอบเนติด้วย เลยไม่มีเวลาเท่าไรนัก (ใช่ เรากลับไปเอาดีทางด้านกฎหมายแล้วนะ แม้ว่าจะกลับไปสอบไม่ได้ก็ตามที...)


    สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่การแชร์ชีวิตประจำวันลงบนไอจีสตอรี่ บ่นชีวิตไปเรื่อยเปื่อยในทวิตเตอร์ ทำคลิปลงยูทูป และลงโพสต์ในเพจ ด้วยรักจากทะเลทราย บ้างเป็นครั้งคราวเท่านั้น (ใส่ลิงค์ขายของไว้ตรงนี้ ตามไปอ่านกันได้นะจ๊ะ)







    ไม่น่าเชื่อนะ... ว่าเราเขียนเรื่องราวชีวิตของเราในเมืองทะเลทรายมาครบสามปีแล้ว






    พอมองย้อนกลับไป สามปีนั้นผ่านไปไวเหมือนติดปีกจริง ๆ เลยนะ นับตั้งแต่วันที่ลากกระเป๋าหอบชะลอม ขึ้นเครื่องบินมายังเมืองที่ไม่มีใครรู้จัก เริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศที่ไม่คุ้นเคย และลากกระเป๋าไปโผล่ที่มุมนู้นมุมนี้รอบโลก



    สามปีที่ผ่านมาเราเจอะเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ทั้งเรื่องที่ดีต่อใจผสมปนเปกับเรื่องราวที่ไม่ค่อยน่ารักเท่าไรนัก แต่ก็เป็นบทเรียนของชีวิตที่สอนให้เราเติบโต ตลอดจนได้ผ่านช่วงเวลาที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิต ร้องไห้หนักมากที่สุดในชีวิต สติแตกมากที่สุดในชีวิต และขณะวินาทีที่หัวใจพองโตเกือบ ๆ จะมากที่สุดในชีวิต



    ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ มาตลอดสามปี มันก็มีความเหนื่อย เนือย หมดไฟ ไม่รู้สึกกระดี๊กระด๊า สปาร์คจอยเหมือนเดิม (ซึ่งนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งเหมือนกันที่ไม่ค่อยมีอะไรมาเล่าให้อ่านเท่าไรนัก เพราะเราเลือกจะบินไปไฟล์ทเดิม ๆ เป็นส่วนใหญ่ และการเขียนมาตลอดสามปีมันคือการผลิตงานรูปแบบเดิม ๆ ออกมาซ้ำ ๆ ความสด ความใหม่มันเริ่มจางหายแล้ว) ซึ่งในขณะเดียวกันมันก็เป็นช่วงที่เราได้พักและตามหาจุดที่สมดุล ลงตัว และเรียนรู้ที่จะอยู่อย่างมีความสุข








    หลังจากสามปีที่เราอยู่ที่นี่
    ตอนนี้เราสามารถเรียก "ดูไบ" ว่า "บ้าน" ได้อย่างสนิทใจ






    เราไม่รู้ว่าเวลาของเราที่นี่จะยาวนานไปแค่ไหน อาจจะทำไปอีกปี สองปี หรืออยู่ยั่งยืนยงยาวนานจนเป็นเพอเซอร์ก็ไม่อาจทราบได้ แต่จากนี้ต่อไปเราจะพยายามใช้ชีวิตในทุก ๆ วันให้มีความสุข หาเรื่องที่ทำให้ใจฟูประจำวันให้ได้ และพัฒนาคุณภาพในการใช้ชีวิตให้สดชื่นแจ่มใสต่อไป


    และก่อนจะเปลี่ยนหน้าใหม่ไปเล่าเรื่องอื่น สุดท้ายนี้เราขอขอบคุณมิตรรักผู้อ่านทุก ๆ ท่านที่ติดตาม ด้วยรัก...จากทะเลทราย เสมอมาตั้งแต่ก้าวแรกที่ย่างเท้าออกนอกประเทศไทยจนถึงเวลานี้ที่นั่งพิมพ์ต๊อกแต๊กอยู่ในร้านกาแฟแถว ๆ บ้าน เราได้รับข้อความให้กำลังใจจากผู้อ่านมาอย่างสม่ำเสมอยาวนาน ทั้งเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่อยากติดปีกมาช่วยกันร่อนถาดที่นี่ ตลอดจนผู้อ่านที่บังเอิญแวะเวียนมาแล้วส่งกำลังใจให้







    หากไม่มีทุก ๆ คนที่เข้ามาอ่าน
    ก็คงจะไม่มี "ด้วยรัก...จากทะเลทราย" ในวันนี้






    ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวไว้เหมือนเดิมนะคะ อาจจะปรับสไตล์การเขียนดูบ้าง เป็นการเล่าเรื่องทั่ว ๆ ไปในชีวิตให้อ่านกัน ในกรณีที่เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนแปลกใหม่เป็นพิเศษ (แต่ก็จะพยายามไปอยู่ดีนั่นแหละ เฮ) หลัก ๆ แล้วก็คงเขียนลงเพจเป็นโพสต์เล็ก ๆ ให้ได้ติดตามถึงความสุขสวัสดิ์ในชีวิตนั่นแหละ อย่าลืมไปกดไลก์กันด้วยนะจ๊ะ


    นอกจากนี้เราอยากจะลองทำยูทูปดูบ้าง เพราะเริ่มสนุกกับการถ่ายคลิปต่าง ๆ และนำมาตัดต่อเพื่อเล่าเรื่องราว เราถือว่าการทำยูทูปนั้นก็เป็นหนึ่งในงานเขียนของเราเหมือนกัน เพียงแต่เปลี่ยนจากการถ่ายภาพนิ่งเป็นภาพเคลื่อนไหว ยังไงก็ฝากติดตามไปกด subscribe กันด้วยนะคะ♡













  • ลุยเดี่ยวเที่ยว Universal Orlando Resort!⚡️




    เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาเราได้บินไป Orlando เป็นครั้งแรกค่ะ เป็นไฟล์ทที่มาแบบงง ๆ มากับดวงโดยแท้เพราะไม่ได้ขอ อยู่ ๆ ก็ให้มาเองซะงั้น (กรุงเทพที่ขอไปนั้นไม่มีเลยเจ้าค่ะ) แถมได้พักค้างคืนอยู่ที่นั่นถึงสามวันเต็ม ๆ


    ตอนแรกเราก็สองจิตสองใจว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดีระหว่างดิสนีย์เวิล์ดกับยูนิเวอร์แซล เพราะดิสนีย์เราก็ชอบมาก มีความใฝ่ฝันว่าจะไปเหยียบดิสนีย์แลนด์ให้ครบทุกพาร์ครอบโลก ส่วนยูนิเวอร์แซลก็มีแฮร์รี่ พอตเตอร์ไงล่ะ อยากไปมาก ๆ เหมือนกันเพราะที่นี่มีตรอกไดแอกอนให้เดิน ยูนิเวอร์แซลที่อื่นไม่มี!


    หลังจากนั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิดอยู่หลายตลบ (พร้อมกับคุยกับกระเป๋าสตางค์ว่าจะจ่ายค่าบัตรอันไหนดีว้า) เราก็ตัดสินใจเลือกไปยูนิเวอร์แซลค่ะ เพราะไปวันเดียวก็สามารถเก็บเครื่องเล่นครบ 2 พาร์คเลย ซื้อ Express Pass ได้ด้วย (ใช่ค่ะ เราเป็นคนใช้เงินแก้ปัญหา ฮา) และดิสนีย์เวิล์ดที่นี่มันเวิล์ดมากกกกกก เพราะมีทั้งหมด 4 พาร์คด้วยกัน ไปหมดไม่ไหว เล่นไม่ครบแน่นอน และไม่มี pass ให้ซื้อ ต้องกด Fast Pass เอาเองซึ่งเป็นระบบ first come first serve กดก่อนได้ก่อน ซึ่งแน่นอนว่ากดไม่ทันเด้อ ไม่ไปละกัน




















    สิ่งที่ประทับใจที่สุดก็คือแฮร์รี่ พอตเตอร์ต่าง ๆ นี่แหละ เครื่องเล่นเขาทำดีมากมากมาก ทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นนักเรียนฮอกวอตส์ที่กำลังจะไปเรียน ซึ่งเราก็ต้องไปซื้อของที่ตรอกไดแอกอนก่อน














    ด้านหน้าของโซนนี้มีรถเมล์อัศวินราตรี บ้านกริมโมล์ดเพลซที่มีครีเชอร์ออกโผล่ออกมาเป็นกิมมิก และเมื่อเข้าไปยังตรอกไดแอกอนแล้วก็จะเจอกับร้านหม้อใหญ่รั่ว ร้านรวงต่าง ๆ มากมาย และธนาคารกริงกอตส์ที่มีรูปปั้นมังกรพ่นไฟได้!

















    ก่อนที่เราจะเดินชมร้านต่าง ๆ รวมถึงไม้กวาดไฟร์โบล์ตรุ่นใหม่ล่าสุด ก็ต้องเข้าธนาคารไปเอาเงินกันก่อน ซึ่งจุดนี้จะเป็นเครื่องเล่น Harry Potter and the Escape from Gringotts นั่นเองงงง ซึ่งมีเฉพาะยูนิเวอร์แซลที่นี่เท่าน้านนนนนน (กรี๊ดดดดดดดดดดดอยู่ในใจ)




    เมื่อซื้อของเสร็จแล้ว เราก็ได้เวลาเปิดเทอมไปโรงเรียนกัน โดยเดินทางไปยังสถานี King's Cross ทะลุเสาเข้าสู่ ชานชาลา 9 3/4 และนั่ง Hogwarts Express ไปโรงเรียนกัน! ซึ่งเหตุการณ์บนรถไฟคือเหตุการณ์ตอนภาคสามที่มีผู้คุมวิญญาณบุกเข้ามาบนรถไฟค่ะ












    เมื่อมาถึง สถานีฮอกมี้ด แล้วเรียบร้อยก็สามารถเดินเล่น กินข้าว ซื้อของประหนึ่งตัวเองเป็นนักเรียนก่อนที่จะเดินไปที่ปราสาทเพื่อเล่น Harry Potter and the Forbidden Journey ค่ะ ซึ่งเราเคยเล่นแล้วที่ Universal Studio Japan แต่ทั้งหมดทั้งมวลเป็นภาษาญี่ปุ่น พอมาซ้ำเป็นภาษาอังกฤษที่นี่เลยแฮปปี้มาก



    พอเล่นทุกอย่างจบเรียบร้อยแล้ว สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือนั่งรถไฟกลับไปค่ะ เพราะเรื่องราวในรถไฟขากลับไปที่สถานี King's Cross นั้นทำดีมาก ให้ความรู้สึกว่าเหมือนว่าเราเรียนจบหนึ่งเทอมและต้องกลับบ้าน ต้องออกจากฮอกวอตส์และกลับสู่โลกของมักเกิ้ลแล้ว พอออกจากรถไฟมาแล้วแอบมีช่วงจังหวะใจหวิวนิดนึงด้วยค่ะ รถไฟนี่เป็นสิ่งที่เรารักมากที่สุดที่เล่นมาทั้งพาร์คแล้ว ประทับใจมากกกกกกก




    หากอยากรู้ว่าหนึ่งวันของเราใน Universal Orlando Resort เป็นอย่างไร เล่นอะไรไปบ้าง ก็สามารถติดตามความบ้าบอของเราได้ในไฮไลต์ไอจีสตอรี่นะจ๊ะ เล่นคนเดียว พูดคนเดียว สนุกคนเดียวเป็นที่สุด (อะ ฝากขายของไว้ ณ ที่นี้ @ployapha.j เจ้าค่ะ)





























  • อยู่เมืองทะเลทรายมาสามปี เพิ่งจะไปอาบู ดาบีเป็นครั้งแรก





    อย่างที่บอกไปนั่นแหละค่ะ ว่าเราอยู่ที่นี่มาสามปีก็เพิ่งจะไปอาบู ดาบีกับเขานี่แหละ เหตุที่ยังไม่เคยไปเสียทีก็เพราะว่าเรารอญาติสนิทมิตรสหายรวมถึงคนไกลตัวแต่ใกล้ใจมาเยี่ยมที่นี่ จะได้ไปเที่ยวด้วยกันทีเดียว แต่ผ่านมาสามปีแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาหาเลย (อะ คนไกลตัวแต่ใกล้ใจเขาเคยมาแล้ว แต่มาทำงาน ไม่ได้มาเที่ยว ไม่ได้ไปไหนเลยนอกจากห้างค่ะ...)



    ทีนี้ทางบริษัทเขาก็ใจดี จัดกิจกรรมให้เหล่าลูกเรือไปเดินเล่นชมงานศิลปะกันที่ Louvre Abu Dhabi กันแบบฟรี ๆ เราผู้มีวันหยุดตรงกับที่เขาจัดทริปพอดีก็เลยไปกับเขาด้วย (ซึ่งต้องขอขอบคุณน้องกิ๊ฟคนสวยที่ชวนกันไป ณ ที่นี้ด้วยนะค้า)

















    มาจะกล่าวบทไปถึง พิพิธภัณฑ์ Louvre Abu Dhabi กันเล็กน้อย (ซึ่งเราก็เล่าไปแล้วในเพจนั่นแหละ แต่เอามาเล่าอีกได้ ฮิฮิ)




    แรกเริ่มเดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นเกาะที่ถมทะเลสร้างแลนด์มาร์กขึ้นมาใหม่ และตั้งใจว่าจะทำเป็น Museum City ตามประสาคนรวยที่อยากจะเป็นศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่ง ต้องมีนั่นนู่นนี่ให้ดูเหมือนว่าดินแดนทะเลทรายแห่งนี้ช่างสุดแสนจะศิวิไล-ศิวิไลซ์ไฉไลสุดๆ


    และด้วยความรวยนี้เองก็เลยไปซื้อชื่อลูฟวร์มาใช้ซะเลย! อาศัยชื่อเพื่อสร้างมูลค่า ดึงดูดให้คนมาชมที่แท้ เมื่อได้ชื่อพิพิธภัณฑ์เรียบร้อยแล้วก็ทำสัญญาหยิบยืม (จริง ๆ ก็จ่ายเงิน) เอางานศิลปะจากทั่วโลกมาจัดแสดงไว้ที่นี่ ซึ่งก็ถือว่าทำดี เดินเพลิน แยกงานศิลปะตามช่วงต่าง ๆ พร้อมสอดแทรกเรื่องราวความรู้ด้านประวัติศาสตร์และศาสนาไว้ด้วย (แอบกรี๊ดนิดนึงเพราะเจองานของ Piet Mondrian ตั้งหนึ่งชิ้น!)

    สำหรับสิ่งที่ชอบที่สุดก็คือตัวของอาคารนี่แหละค่ะที่เรียกกันว่า A floating dome of light and shade ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมและชีวิตความเป็นอยู่ของชาวตะวันออกกลาง สวยมาก


















    และสิ่งที่เราได้เรียนรู้ในทริปทัศนศึกษาลูกเป็ดในวันนี้ก็คือ ถึงแม้ว่าการเมือง ศาสนา เชื้อชาติ ฐานะทางเศรษฐกิจ และความแตกต่างในด้านอื่น ๆ นั้นแบ่งแยกมนุษย์ออกจากกัน สุดท้ายแล้วศิลปะนั้นจะรวมให้ทุกคนมารวมกันโดยไม่มีการแบ่งแยกได้ในที่สุด :)



























  • นั่งรถข้ามทะเลทราย ไปพายเรือจ๋อมแจ๋ม




    เนื่องจากเดือนมกราคมนี้ เราไม่มีไฟล์ทกรุงเทพเลยแม้แต่ไฟล์ทเดียว จะสู้กลับไทยในวันหยุดก็ไม่ได้เพราะไฟล์ทก็เต็มแสนจะเต็ม ประกอบกับเราได้หยุดแค่วัน-สองวันเท่านั้นเอง (พิมพ์ไปแล้วน้ำตาจะไหล นึกถึงช่วงวันเวลาที่เราขอวันหยุดติดกันห้าวันรวดได้ทุกเดือน ขอวันหยุดได้ห้าวันก่อนและหลังลีฟ ฮือ วันเวลาดี ๆ เหล่านั้นมันหลายไปหมดแล้ว...)



    เพื่อป้องกันอาการสติหลุด จิตตก งอแง เราเลยพยายามหากิจกรรมทำในช่วงวันหยุดค่ะ จะมานั่งทอดถอนหายใจไปเรื่อย ๆ ตอนรอผ้าปั่นอยู่ในเครื่องซักผ้า มองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นมันไม่ได้ หดหู่เกินไปแล้ว เราเลยหันมาเข้าครัวทำอาหารบ่อย ๆ เจอเพื่อนบ้าง นัดไปออกกำลังกายกันและปิดท้ายด้วยการกินชาบูหม่าล่า (#คนจะผอม2019 แพลนล่มมันตั้งแต่เดือนแรกจ้า)



    และช่วงนี้อากาศที่ดูไบก็เย็นสบาย เหมาะแก่การออกมาทำกิจกรรมกลางแจ้ง เราและเพื่อน ๆ ก็มีโอกาสจองทัวร์นั่งรถข้ามทะเลทรายไปยัง Hatta เมืองเล็ก ๆ ติดชายแดนโอมานค่ะ ซึ่งเราได้ทำคลิปลงในยูทูปไว้ด้วย เข้าไปรับชมกันได้นะจ๊ะ











































    ไม่คิดเหมือนกันแหละว่าเมืองทะเลทรายจะมีสถานที่ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจแบบนี้ด้วย ทริปนี้เป็นทริปสั้น ๆ ที่ดีต่อใจมาก เพราะด้วยอาชีพการงานและไลฟ์สไตล์บวกกับเมืองที่ใช้ชีวิตมันทำให้เราไม่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติเท่าไรนัก พอได้มาอยู่ท่ามกลางภูเขา อาบแสงแดดอุ่น ๆ พายเรือช้า ๆ คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยพร้อมกับมองผืนน้ำสีเทอร์ควอยซ์และฟังเสียงนกร้อง






    เออ มันดีแหะ





    ช่วงหลัง ๆ มานี้เรามีเรื่องให้คิดเยอะบวกกับงานก็แยะ ทำให้เรารู้สึกเหมือนตัวเองต้องคอยหมุนไปทำนั่นทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา มันไม่ได้มีเวลาให้พักจริง ๆ เท่าไรนัก ความเหนื่อยล้าดังกล่าวมันค่อย ๆ สะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นตะกอนขุ่น ๆ อยู่ในใจ พอได้มาสูดลมหายใจลึกและนั่งมองท้องฟ้าไปเรื่อย ๆ มันก็ช่วยให้ผ่อนคลายลงไปได้บ้าง








    เป็นทริปที่ดีและเป็นวันที่น่ารักนะ :)











    เรื่องราวหลัก ๆ ของเราในเดือนมกราคมก็มีเพียงเท่านี้แหละ ไม่ใช่เดือนที่หวือหวามีเรื่องว้าวให้ตื่นเต้นเท่าไรนัก แต่เป็นการเริ่มต้นปี 2019 ที่ดีนะ ก็...ขอให้ปีนี้เป็นปีที่น่ารักสำหรับเรา ได้ทำเรื่องที่อยากทำเยอะ ๆ ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ เย่








    เจอกันใหม่ในเดือนกุมภาพันธ์
    หรือถ้ามีทริปเที่ยวหรือไฟล์ทไหนน่าสนใจก็จะเอามาเล่าให้อ่านกันเช่นเคยนะคะ






    ด้วยรัก...จากทะเลทราย










    ตามไปพูดคุยกุ๊กกิ๊กกันต่อได้ที่
    #ด้วยรักจากทะเลทราย
    #withlovefromthedesert







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in