พอเข้าไปในเกตรอขึ้นเครื่องปุ๊บ ผมก็ต้องพบกับความช็อคทันที
ผู้โดยสารกว่า 80% เป็นคนจีน!
ไอ้หยา ซี้เลี้ยวอ่าาาา แต่พอแอบมองพาสปอร์ตที่เขาถือๆ กันอยู่ก็ได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเป็นคนไต้หวันต่างหาก (EVA Air เป็นสายการบินของไต้หวันจ้ะ) ซึ่งตอนขึ้นเครื่องจริงก็พบว่าเงียบสนิทอย่างเวรี่สงบสุข ผมรักผู้โดยสารชาวไต้หวันจริงๆ T_T (ซึ้งใจจนร้องไห้)
และเนื่องด้วยไฟลต์นี้เป็นเที่ยวบินตรง 11 ชั่วโมง เพื่อนผมเลยแนะนำให้จ่ายเงินเพิ่มเป็นที่นั่งแบบ Premium Economy ที่เบาะจะกว้างกว่า Economy ดีกว่า คือยอมจ่ายแพงขึ้นอีกหน่อย เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่ทว่าเครื่องที่ผมนั่งเป็นรุ่นที่ไม่มีที่นั่งแบบนี้ครับ ก็เลยต้องทนนั่งเบาะแคบๆ ไป แถมที่นั่งข้างๆ ดันเป็นลุงฝรั่งตัวใหญ่ที่ยึดที่วางแขนไปทั้งสองข้าง แล้วลุงก็หน้าตามู้ดดี้เหมือนไม่ต้องการคุยกับมนุษย์หน้าไหนทั้งสิ้น ผมจึงได้แต่จำยอมไปตลอดทาง...
หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ 11 ชั่วโมง ผมก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเวียนนา (Vienna International Airport) ด้วยอาการปวดหลังปวดเอวสุดๆ แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น เพราะทริปนี้ผมแพลนไว้ว่าจะเที่ยวสองเมือง คือ หนึ่ง—ซาลซ์บูร์ก (Salzburg) และสอง—เวียนนา (Vienna) นั่นหมายความว่าหลังจากลงเครื่องแล้วผมต้องนั่งรถไฟด่วนจากเวียนนาไปยังซาลซ์บูร์ก ซึ่งใช้เวลาราวสามชั่วโมงทันที
สรุปแล้วก็เดินทางรวม 14 ชั่วโมงเองจ้าาาา
ชีวิตดี๊ดี~ (กัดฟันพูด)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in