เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 6 : The lost rabbit





  • เพราะเจย์เดนเป็นคนที่มีร่างกายสูงใหญ่และแข็งแรงที่สุดในทีม เขาจึงต้องกลายมาเป็นฐานเพื่อให้แดนเนลและไทรอนปีนข้ามรั้วกำแพงของโรงงานเก่าแห่งนี้ไปยังอีกฟากอย่างเลี่ยงไม่ได้

    ทั้งเขาและไทรอนตัดสินใจว่าจะช่วยกันดันแดนเนลที่มีรูปร่างผอมและตัวเบามากที่สุดให้ขึ้นไปก่อน ซึ่งก็สามารถทำได้อย่างง่ายดาย คนที่อยู่ด้านบนก่อนใครเพื่อนหลบหลีกปลายเหล็กแหลมกันขโมยที่ถูกติดอยู่โดยรอบของขอบรั้วอย่างเชี่ยวชาญ และเมื่อข้ามไปยังอีกฟากได้สำเร็จเขาจึงรับเอากล่องเครื่องมือของไทรอนมาถือไว้

    ไม่มีการโยนข้าวของใด ๆ ลงไปบนพื้นทั้งสิ้น แดนเนลรู้ดีว่ากล่องที่อยู่ในมือนั้นมีอุปกรณ์บางชิ้นที่มีความเปราะบางและต้องใช้ความระมัดระวังสูง เหมือนกับแล็ปท็อปในเป้บนหลังของเขา นั่นจึงทำให้ถนอมอุปกรณ์ของเพื่อนร่วมงานดีมากพอกับที่รักษาอุปกรณ์ของตัวเอง

    ไม่กี่อึดใจถัดมา ไทรอนก็ถูกเจย์เดนออกแรงผลักให้ปีนขึ้นไปบนกำแพงบ้าง ชายร่างเล็กรีบกระโดดลงไปยังพื้นและรับเอาทั้งกระเป๋าเป้ของแดนเนลรวมถึงกล่องอุปกรณ์ของตัวเองไปถือไว้ ในตอนนี้ด้านบนของกำแพงมีเพียงแดนเนลที่ยังคงปีนเกาะอยู่กับรั้วเหล็กเพื่อรอรับคนจากอีกฟาก

    "ระวังนะคุณ"

    ร่างผอมโปร่งเอ่ยเตือนคนที่ดูจากรูปการณ์แล้วน่าจะเพิ่งเคยทำอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก เพราะรู้ดีว่าหากประมาทและไม่ระมัดระวังปลายเหล็กแหลมพวกนั้นแล้วล่ะก็ มันอาจสร้างบาดแผลและส่งผลให้ภารกิจชะงักลงได้ ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ทว่าเจย์เดนกลับทำให้เขาต้องแปลกใจ เพราะอีกฝ่ายนั้นดูคล่องแคล่วมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้เยอะเลยทีเดียว

    บางทีการฝึกฝนของเอฟบีไออาจจะครอบคลุมสิ่งทีพวกเขากำลังทำอยู่นี้ด้วยก็ได้ ใครจะไปรู้กันล่ะ

    คนทั้งสามกระโดดข้ามกำแพงเข้ามาด้านในอาณาเขตของโรงงานเก่าโดยสวัสดิภาพ แม้ว่าแสงจากเสาไฟริมถนนนั้นจะไม่ได้สว่างอะไรมากนัก ทว่าก็ยังทำให้พอมองเห็นทางอยู่บ้าง เจย์เดนเดินตามติดหลังของแดนเนลที่ดูเหมือนจะรู้จักที่ทางเป็นอย่างดีไม่ห่าง เดาได้ไม่ยากเลยว่าอีกฝ่ายต้องเคยแอบมาสำรวจที่นี่สักครั้งหรือสองครั้งแล้วเป็นแน่ พวกเขาเดินย่องไปตามทางเดินรอบตัวตึกอย่างเงียบเชียบ จนกระทั่งมุมแสงไฟจากถนนค่อย ๆ ถูกตัวตึกบดบังจนรอบกายของพวกเขามืดสนิท เจย์เดนต้องใช้เวลาอยู่พักหนึ่งกว่าที่สายตาของเขาจะเริ่มชินกับความมืด

    ในตอนนี้พวกเขาต่างก็พากันสวมหมวกโม่งไหมพรมและถุงมือหนังสีดำเพื่อปกปิดอัตลักษณ์ของตนเอง

    การถูกพวกโลกมืดหมายหัวไม่ใช่เรื่องดี คนจากฝั่งนั้นมีเครือข่ายที่โยงใยถึงกันในรูปแบบแปลก ๆ แม้ว่าจะเป็นศัตรูกันก็จริงแต่ถ้าหากมีผลประโยชน์หรือข้อและเปลี่ยนที่น่าพึงพอใจ คนเหล่านั้นก็สามารถหันมาร่วมมือกันได้ในทันที ดังนั้นการจะหาตัวใครสักคน โดยที่มีข้อมูลเพียงแค่รูปร่างหน้าตาหรือรอยนิ้วมือนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไรเลย หลายต่อหลายครั้งที่ข่าวสารจากเครือข่ายในโลกมืดนั้นถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว และเร็วเกินกว่าที่เจ้าตัวจะรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองนั้นกำลังโดนล่าหัวอยู่

    ทั้งแดนเนลและไทรอนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่ควรประมาท ซึ่งแน่นอนว่าการเปิดเผยหน้าตาของตัวเองรวมถึงบุกเข้ามาในถิ่นของคนอื่นพร้อมกับรอยนิ้วมือทั้งสิบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเท่าไหร่นัก และในฐานะที่เจย์เดนมีประสบการณ์ทางด้านนี้น้อยกว่า เขาก็ย่อมไม่ขัดความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ

    ทั้งแดนเนลและไทรอนต่างพุ่งตรงไปยังประตูบานหนึ่งซึ่งมีเครื่องควบคุมการเปิดปิดติดตั้งอยู่ ต่างคนต่างก็สาละวนอยู่กับหน้าที่ของตัวเองโดยมีเจย์เดนคอยสอดส่องสถานการณ์โดยรอบอย่างระมัดระวัง ภายในมือของไทรอนนั้นคือไขควงขนาดกลาง สิ่งที่เจ้าตัวกำลังทำอยู่นั้นคืองัดแงะเครื่องควบคุมการเปิดปิดประตูอย่างเงียบเชียบ หน้ากากที่ครอบตัวเครื่องอยู่หลุดออก มือเรียวของไทรอนขยับไปมาอย่างพลิ้วไหวและไม่หยุดนิ่งราวกับเจ้าตัวกำลังเล่นมายากลโดยใช้ปลายนิ้วมือของตนหลอกล่อสายตาคนดู ไม่นานนักชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องก็ค่อย ๆ ถูกแกะออกไปทีละชิ้นจนเหลือแต่แผงวงจรเปลือยเปล่า

    "สาย"

    ไทรอนเอ่ยกระซิบขณะยื่นมือไปรับสายส่งสัญญาณมาจากแดนเนล ก่อนจะกลับมาจัดการกับแผงวงจรที่อยู่ตรงหน้าต่อ ในขณะเดียวกันนั้นคนที่เปิดแล็ปท็อปรอไว้อยู่แล้วรีบนำสายอีกด้านมาเสียบเพื่อทำการเชื่อมต่อ ปลายนิ้วมือของแดนเนลที่พรมลงไปบนแป้นพิมพ์นั้นรวดเร็วจนเจย์เดนมองตามแทบไม่ทัน หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ ปลายนิ้วของแดนเนลก็กดลงบนปุ่มเอนเทอร์ในที่สุด หน้าจอของเครื่องควบคุมการเปิดปิดประตูเปลี่ยนเป็นสีดำไปชั่วพริบตาหนึ่งก่อนจะกลับมาเป็นดังเดิม

    และราวกับว่าไทรอนเองก็รอเวลานี้อยู่แล้ว ทันทีที่เครื่องควบคุมการเปิดปิดประตูกลับมาทำงาน ไทรอนก็รีบถอดสายส่งสัญญาณออกและรีบประกอบร่างของตัวเครื่องกลับดังเดิมอย่างรวดเร็ว การทำงานของทั้งคู่นั้นทั้งเงียบเชียบและสอดประสานกันเป็นอย่างดีจนอาจพูดได้ว่าสมแล้วที่ทำงานร่วมกันมานานหลายปี

    "หนึ่งหนึ่งศูนย์ หนึ่งหนึ่งหนึ่ง"

    "ฐานสองเหรอ?"

    เจย์เดนได้ยินไทรอนกระซิบถามคนที่กำลังพับหน้าจอแล็ปท็อปในมือลง

    "แอสกี้[1]" แดนเนลกระซิบตอบ ขณะเดียวกันก็มองซ้ายมองขวาไปรอบ ๆ กายอย่างระมัดระวัง "นายรู้แล้วใช่ไหมว่าห้องควบคุมอยู่ตรงไหน"

    "จะไปรู้ได้ไง ฉันเพิ่งเคยเข้ามาครั้งแรกเนี่ย" ไทรอนตอบอย่างมีอารมณ์ขันอยู่ในที ตอนนี้เขาดูผ่อนคลายมากกว่าตอนที่ลงมืองัดแงะเมื่อครู่นิดหน่อย "แต่ถ้าผังยังเป็นโรงงานเก่าอยู่ห้องควบคุมก็ไม่น่าจะหายากนักหรอก นายเองเถอะ รู้ใช่ไหมว่าห้องเซิฟเวอร์อยู่ตรงไหน"

    "จะไปรู้ได้ไง ก็เพิ่งเคยเข้ามาพร้อมนาย" ร่างผอมโปร่งลอกคำตอบของคู่สนทนาได้อย่างหน้าตาเฉย ราวกับท่าทีไม่เคร่งเครียดของไทรอนน้้นได้ถูกเผื่อแผ่มายังเจ้าตัวด้วย "แต่ถ้าให้เดาก็คงอยู่ชั้นสองนั่นล่ะ"

    เจย์เดนได้ยินเสียงเสียงปุ่มถูกกดดังติ้ดเบา ๆ ติดกันเจ็ดครั้งเมื่อแดนเนลเอ่ยจบ ก่อนที่สัญญาณไฟตรงเครื่องจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีเขียว และในที่สุดประตูก็ถูกเปิดออก

    "หกตัวนี้ตลอดเลยใช่ไหม?"

    "อืม" แดนเนลส่งเสียงในลำคอตอบกลับไปเบา ๆ ก่อนจะใช้ปลายนิ้วแตะไปยังเครื่องส่งสัญญาณที่ข้างหูแล้วเอ่ยขึ้น "อัลฟ่าเรียกฐาน เข้ามาในตึกเรียบร้อยแล้ว"

    [ฐานเรียกอัลฟ่า รับทราบ ระวังตัวด้วย]

    ด้านหลังของพวกเขาถูกปิดลงดังเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างรอบกายพลันมืดลงในทันที มีเพียงแสงสลัวจากด้านนอกที่ลอดผ่านหน้าต่างกระจกทึบแสงเพียงเท่านั้นที่พอจะทำให้การมองเห็นของพวกเขาไม่ยากเย็นเกินไปนัก พวกเขาตัดสินใจไม่ใช้ไฟฉาย ด้วยเพราะไม่อยากให้แสงไฟที่ใช้ส่องทางพวกนั้นกลายมาเป็นจุดสังเกตและชี้ตำแหน่งของพวกเขาให้กับยามที่ตรวจตราตึก





    เม็ดเงินจำนวนไม่น้อยที่หลั่งไหลมาจากดาร์กเว็บนั้นส่งผลให้ที่ตั้งเซิฟเวอร์แห่งนี้มีระบบการป้องกันที่แน่นหนาพอสมควร และการจ้างยามมาเฝ้านั้นก็ถือเป็นการรักษาความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่งในการป้องกันการบุกรุกจากบุคคลภายนอกที่ไม่พึงประสงค์

    ใช่--ในเวลานี้พวกเขาทั้งสามคนก็คือบุคคลภายนอกที่ไม่พึงประสงค์ที่ว่า

    "ฉันแยกไปทางนี้นะ อีกครึ่งชั่วโมงกลับมาเจอกันที่นี่ ทันใช่ไหม ถ้าช้าฉันไม่รอ"

    เป็นไทรอนที่เอ่ยนัดแนะขึ้นเมื่อพวกเขาทั้งสามเห็นว่าทางเดินตรงหน้าถูกแยกออกเป็นรูปตัวที และที่อยู่ตรงมุมด้านซ้ายของทางแยกก็คือบันไดสำหรับขึ้นไปยังชั้นสองของตึก เจย์เดนมองตามปลายนิ้วโป้งของคนพูดที่ชี้ไปยังทางที่ตนต้องแยกตัวออกไป ทางเดินนั้นดูมืดสนิทเพราะรอบข้างเป็นกำแพงห้อง ไร้ช่องทางที่แสงจากทางเดินด้านนอกจะส่องลอดเข้าไปถึงได้

    "ทัน ถ้านายเจอห้องควบคุมแล้วบอกด้วย"

    "นายก็เหมือนกัน รอให้ฉันจัดการพวกกล้องวงจรปิดเสร็จก่อนค่อยเข้าไปล่ะ"

    "อืม"

    แดนเนลพยักหน้าเบา ๆ ครั้งหนึ่งเป็นการตอบรับ และเมื่อเห็นว่าไทรอนผละออกจากกลุ่มไปอีกทาง เขาจึงเร่งฝีเท้าของตัวเองให้ไวขึ้นบ้าง เป้าหมายของเขาในตอนนี้คือต้องรีบหาห้องเซิฟเวอร์ให้เจอเสียก่อน ไม่อย่างนั้นการบุกเข้ามาที่นี่ของเขาในครั้งนี้คงสูญเปล่า

    "ระวังหลังให้ผมด้วยนะ"

    "ได้"

    เจย์เดนรับคำขณะเดินตามหลังของแดนเนลไปติด ๆ ร่างผอมโปร่งมองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ทุกย่างก้าวของเจ้าตัวปราดเปรียวว่องไวทว่าเงียบเชียบ ความรีบร้อนในการทำตามเป้าหมายของตนให้สำเร็จอย่างรวดเร็วที่สุดของแดนเนลนั้นไม่ได้ทำให้เขานึกประมาทแต่อย่างใด

    เจย์เดนรู้สึกว่าความขัดแย้งบางประการเหล่านั้นของแดนเนลได้ถูกหลอมรวมโดยท่าทีที่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติจนทำให้มันดูลงตัวอย่างน่าประหลาด

    "เฮ้ เดี๋ยว"

    การเคลื่อนไหวของพวกเขาทั้งคู่จำต้องหยุดชะงักลงเมื่อแดนเนลสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติบนพื้น มันคือแสงไฟสีขาวสว่างจากกระบอกไฟฉายแรงสูง และแน่นอนว่ามันไม่ได้มาจากพวกเขา

    ร่างผอมโปร่งของกระต่ายป่าถอยกรูดจนเป้บนหลังชนเข้ากับแผ่นอกของเจย์เดนเบา ๆ และสัญชาตญาณการปกป้องของมนุษย์เพศชายในตัวก็ทำให้เขาเอื้อมมือไปคว้าเอวของอีกฝ่ายไว้ ก่อนจะออกแรงรั้งร่างผอมโปร่งนั้นให้เข้ามาหลบในพื้นที่ว่างใต้บันได อาศัยความมืดมิดในการซ่อนตัวเพื่อไม่ให้แสงจากกระบอกไฟฉายนั่นส่องมาถึงพวกเขา

    ปลายของลำแสงนั้นที่ทอดลงมาบนพื้นขยายกว้างขึ้น และเสียงฝีเท้าของใครสักคนที่กำลังถือไฟฉายกระบอกนั้นอยู่ในมือก็ค่อย ๆ ใกล้เข้ามาทีละนิด แดนเนลยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของเขา ทว่าไร้ท่าทีตื่นตระหนกใด ๆ

    เจย์เดนทำงานภาคสนามมาหลายปี และมั่นใจมากว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาต้องเจอกับสถานการณ์ชวนระทึก หมายถึง--สถานการณ์ที่เขารับรู้ได้ว่ากำลังมีอันตรายเข้าใกล้มาเรื่อย ๆ แบบนี้

    ทว่าครั้งนี้กลับมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกว่ามันแปลกออกไป

    เขารู้สึกเหมือนอะดรีนาลีนในกายของตนนั้นไม่ได้หลั่งออกมามากเท่าที่ควรจะเป็น และเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่พอจะคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง เขาก็รับรู้ได้ว่าตัวเองนิ่งสงบกว่าทุกครั้ง

    และเขาคิดว่าบางทีมันอาจเป็นเพราะแดนเนล

    "ไปแล้ว"

    เขากระซิบบอกอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าชายร่างสูงใหญ่ในชุดยามรักษาความปลอดภัยได้เดินผ่านทางเดินบริเวณบันไดไปเป็นที่เรียบร้อย แดนเนลผละออกจากอ้อมแขนของเขา ก่อนจะยื่นศีรษะออกมาจากใต้บันไดแล้วมองตามลำแสงสีขาวนั้นไป

    "รีบไปเถอะ"

    เมื่อเห็นว่าน่าจะปลอดภัยดีแล้วเจ้าตัวจึงรีบพุ่งออกไปยังทางขึ้นบันได และแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่รอช้าเช่นกัน ทว่าในจังหวะที่เขาพุ่งตามแดนเนลออกไปและกำลังจะขึ้นบันไดนั้น จู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นขอบของแสงสว่างนั้นเคลื่อนตัวมาหาเขาที่อยู่ตรงข้างบันไดอีกครั้ง คนที่ถือไฟฉายเดินไปจนสุดทางและกำลังวกกลับมา ชั่ววินาทีนั้นเขาตัดสินใจถอยกลับไปซ่อนตัวใต้บันไดตามเดิม และเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะดึงตัวของแดนเนลที่ขึ้นบันไดไปแล้วเกือบครึ่งให้ลงมาซ่อนตัวด้วยกัน เขาจึงปล่อยให้อีกฝ่ายรีบพุ่งตัวขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อหลบแสงไฟที่กำลังจะสาดมาหานั้น

    ครั้งนี้เจย์เดนรับรู้ได้ถึงเลือดในกายที่ถูกสูบฉีด หัวใจของเขาเต้นกระหน่ำอยู่ภายในอก และในตอนนั้นเอง เขาก็ตระหนักได้ว่านี่แหละคือความรู้สึกที่หายไปในยามที่แดนเนลอยู่ใกล้เขาเมื่อครู่นี้

    แสงจากไฟฉายสาดผ่านจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่ไปแล้ว ตัวคนถือเองก็ด้วย และมันคงไม่ย้อนกลับมาอีกในเร็ว ๆ นี้ โชคดีที่ยามคนนั้นไม่ได้เดินเข้ามาตรวจตราพื้นที่ใต้บันไดอย่างละเอียด ไม่อย่างนั้นคงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อย แม้ว่าจุดมุ่งหมายของภารกิจนี้คือลักลอบเข้ามาโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ตัว แต่หากถึงคราวจำเป็นเจย์เดนก็คงไม่อาจเลี่ยงการปะทะได้

    เจ้าหน้าที่เอฟบีไอรีบพุ่งขึ้นไปยังบันไดในทันทีที่เห็นโอกาส ทว่าเมื่อขึ้นไปยังด้านบนได้แล้ว ทางเดินตรงหน้าของเขากลับมีเพียงความว่างเปล่า

    เจย์เดนใจหายวูบเมื่อพบว่าตัวเองทำหน้าที่บกพร่อง เพียงแค่เขาคลาดสายตาจากแดนเนลไปครู่เดียว กระต่ายป่าของซีไอเอก็กระโดดหายเข้าไปในความมืด

    ทางเดินบนชั้นสองของโรงงานเก่าแห่งนี้มีเพียงแสงที่ลอดเข้ามาจากบานหน้าต่างตรงสุดทางเดินเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น สองข้างทางถูกกั้นไว้ด้วยผนังหนาที่แบ่งห้องออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ข้างประตูทุกบานมีเครื่องควบคุมการเปิดปิดติดตั้งอยู่

    [อัลฟ่าเรียกทีม ฉันถึงห้องควบคุมแล้ว กำลังจัดการกล้องวงจรปิด พวกนายถึงหรือยัง] เสียงของไทรอนดังแทรกผ่านความเงียบมาทางเครื่องส่งสัญญาณที่ติดอยู่ข้างหูของเจย์เดน 'อัลฟ่าเรียกทีม' ที่ไทรอนเอ่ยในต้นประโยคนั้นเป็นการบ่งบอกให้พวกเขารู้ว่าช่องสัญญาณที่เจ้าตัวเลือกใช้ในการสนทนาครั้งนี้ คือช่องสัญญาณที่ใช้ได้เฉพาะคนในทีมภารกิจภาคสนาม ไม่รวมทีมประสานงานที่รออยู่ด้านนอก ซึ่งคนที่จะได้ยินมีแค่พวกเขาสามคนเท่านั้น เจย์เดนนิ่งไปครู่หนึ่งเพื่อรอฟังเสียงตอบรับจากแดนเนล ทว่ามีก็เพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบกลับมาจนไทรอนต้องเอ่ยทักขึ้นอีกครั้ง [เฮ้! ได้ยินฉันไหม พวกนายอยู่ไหน]

    "เขาหายไป"

    เจย์เดนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเครียดเคร่ง ช่องส่งสัญญาณทีมที่เขาและไทรอนกำลังใช้อยู่ในตอนนี้ถูกทดสอบว่าทำงานเป็นปกติดีก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่แดนเนลจะไม่ได้ยินเสียงเรียกของไทรอนเหมือนอย่างที่เขาได้ยินเมื่อครู่ ดังนั้นการที่อีกฝ่ายไม่ตอบอะไรกลับมานั้นอาจหมายความได้ว่ากำลังมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นกับเจ้าตัว

    [หาย? หายไปไหน] แม้ไม่เห็นหน้าแต่น้ำเสียงที่นิ่งเรียบของไทรอนนั้นก็พอจะทำให้เดาได้ว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ [นายปล่อยให้เขาคลาดสายตางั้นเหรอ?]

    "ใช่"

    เขายอมรับออกไปตามตรง ด้วยรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโทษอย่างอื่นนอกจากความบกพร่องในหน้าที่ของตัวเอง การที่ในตึกนี้มายามคอยเดินตรวจตราอยู่ตลอดไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย มันคือสิ่งที่พวกเขารับรู้ดีและเตรียมพร้อมรับมืออยู่แล้วตั้งแต่ต้น ดังนั้นต้นเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่เพราะสถานการณ์ฉุกละหุกเมื่อครู่นั่นเลย แต่มันเป็นเพราะการที่เขาตัดสินใจปล่อยให้แดนเนลกระโดดขึ้นบันไดล่วงหน้าเขาโดยที่ไม่ได้รั้งเอาไว้หรือรีบวิ่งตามไปต่างหาก

    เป็นเพราะตัวเขาที่ตัดสินใจพลาด

    [รีบหาเขาให้พบ]

    "โอเค"

    เจย์เดนรับคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทุกคนในที่นี้ต่างมีหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นไทรอนที่ต้องจัดการเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยของตึก แดนเนลที่ต้องเจาะเข้าไปในเซิฟเวอร์ของเป้าหมาย หรือแม้แต่เขา--ที่ต้องปกป้องไม่ให้แดนเนลต้องเจอเรื่องอันตราย

    เขาต้องรีบตามหาอีกฝ่ายให้พบ เพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองจะไม่ทำพลาดมากไปกว่านี้





    [tbc.]
    ศัพท์เทคนิคในตอนนี้ in a nutshell
    [1] ASCII 
    คือรหัสแบบมาตรฐานที่เปลี่ยนอักขระเป็นเลขฐานต่าง ๆ ค่ะ เช่นอักขระ A แปลงเป็นรหัส ASCII จะได้ 01000001(เลขฐาน2), 65(เลขฐาน10), 41(เลขฐาน16), 101(เลขฐาน8)
    คำเตือน : เครื่องสแกนนิ้วมือ/เครื่องรูดบัตรผ่านไม่ได้งัดแงะกันได้ง่ายๆ และก็ไม่ได้แฮคง่ายด้วยน้าาา อย่าไปลองทำเด็ดขาด ยิ่งเป็นเครื่องของคนอื่นยิ่งห้ามมม!!! ถ้าไม่อยากตีตั๋วไปฮ่องกงพร้อมพี่ตำหนวดก็อย่าไปงัดของเขานะคะ
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
    ________________________________________

    แย่แล้วล่ะค่ะ มีคนทำกระต่ายหาย!
    ก็บอกแล้วว่าให้จับตาดูให้ดี เนี่ย คลาดสายตาแปปเดียวก็คือหายไปเลย แถมไม่รู้ว่าหายไปไหนด้วย
    งานเลยเข้าคุณเอฟบีไอเขาเต็มๆ โอยยยยย
    จบงานนี้แนะนำให้พากระต่ายไปติดจีพีเอสเสียนะคะ เวลากระโดดหายไปอีกจะได้ตามตัวเจอง่ายๆ

    ถึงตอนที่ 6 เขาจะยังไม่รักกัน แต่เขาก็โอบเอวกันแล้วนะคะทุกคน อิ___อิ

    แล้วมาตามหากระต่ายกันตอนหน้าค่ะ
    #ฟิควรบจด


    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
momijilovely (@momijilovely)
ตื่นเต้น ลุ้นมากๆ ไม่ได้อ่านฟิคดีๆแบบนี้มานานแล้ววว รอน้าา
nctzen_zen (@nctzen_zen)
หายัยกระต่ายให้เจอนะคุณตำรวจ กระต่ายมันซน55 (ขอบคุณไรท์นะคะ ฟิคดีมากๆเลย;-;)
ATitaya Snjak (@fb2204379136466)
กาตุ่ยยยย ซนอีกแล้ว คุงตำหนวดจับฟัดเลยค่ะ
Gift N. T. (@giftnt1402)
เราชอบความค่อยเป็นค่อยไปแบบนี้เลยค่ะ มีโดนตัวกันกับได้เห็นความคิดเจย์เดนมาให้พอกระชุ่มกระชวย~ กลมกล่อมดี

คุณกระต่ายป่าก็คล่องแคล่วจนหายตัวไปซะแล้ว รอชมว่าจะทำยังไงกันต่อยังไงนะคะ
hbrxnct (@hbrxnct)
@giftnt1402 5555555 เป็นสายสโลว์เบิร์นนน ค่อยเป็นค่อยไปไม่รีบร้อน แต่เขาจะได้รักกันตอนไหนก็ไม่รู้ แงงงงงง
malittlemark (@ppooonnnnnn)
และเราก็หากันจนเจอ~ สนุกมากเลยค่ะ เหมือนกำลังดูซีรี่ส์อยู่จริงๆ ตามอ่านรวดเดียวเลย ลุ้นมากๆ คุณกระต่ายนี้ไม่กลัวอะไรจริงๆ เป็นกำลังใจให้เจย์เดนตามหากระต่ายป่าให้เจอนะ (เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์ด้วยนะคะ)
hbrxnct (@hbrxnct)
@ppooonnnnnn ดีใจที่ชอบฟิคนะคะตัวเองงงง (///w///)