เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 5 : Rabbit and his team





  • ไทรอนกลับมาจากการออกไปทานมื้อเที่ยงพร้อมกับนมช็อกโกแลต และถุงกระดาษของร้านฟาสต์ฟู้ดตรงหัวมุมถนนที่อยู่ไม่ไกลจากเซฟเฮ้าส์แห่งนี้เท่าไหร่นักอีกหนึ่งเซ็ต เขาชะงักงันไปชั่วครู่เมื่อเลื่อนเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน แล้วพบกับคนสามคนที่ออกันอยู่ที่โต๊ะของแดนเนลด้วยท่าทีเครียดเคร่ง เขาดูลังเลว่าตนควรจะเดินเข้าไปดีไหม เพราะเกรงว่าจะเป็นการขัดจังหวะของคนที่อยู่ในห้อง แต่เมื่อเห็นสายตาของแดนเนลที่มองมาประกอบกับอีกฝ่ายพยักหน้าให้เล็กน้อย ไทรอนจึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาพร้อมกับถุงของกินในมือ

    "ฉันรู้ว่านายคงไม่ยอมลุกไปหาอะไรกินอีกตามเคย เลยซื้อมาเผื่อ" เขาพูดขึ้น ขณะวางสิ่งที่ถือติดมือมาด้วยลงบนโต๊ะทำงานของแดนเนล "หัดตั้งนาฬิกาแล้วออกไปหาอะไรกินบ้างเถอะ นายผอมจะตายอยู่แล้ว"

    อีกฝ่ายบ่นราวกับลุงแก่ ๆ ทั้งที่อายุมากกว่าเขาเพียงแค่สองปี พวกเขาทั้งคู่ทำงานด้วยกันมาตั้งแต่ช่วงที่แดนเนลเพิ่งเข้าร่วมกับซีไอเอใหม่ ๆ ซึ่งหากจะให้จัดอันดับเจ้าหน้าที่ในองค์กรเดียวกันที่สนิทสนมกับเขาแล้วนั้น แดนเนลคงจัดให้ไทรอนเป็นอันดับต้น ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย

    อีกฝ่ายดูเหมือนคนที่ผ่านโลกมามาก อย่างที่ว่า เขาชอบทำตัวเป็นลุง ในวันแรกที่แดนเนลก้าวเข้ามาในองค์กร ทุกคนในที่นี้ต่างรู้กันดีว่าเขาเป็นใครและมาจากไหน เขารับรู้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักว่าสายตาที่ทุกคนใช้มองมายังเขานั้นเต็มไปด้วยความไม่ไว้ใจ ซึ่งแดนเนลเคยคิดว่าไม่เห็นจะเป็นอะไร เขาก็แค่ไม่ต้องสนใจสายตาของพวกนั้นและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ แต่อันที่จริงแล้วมันเป็น ความไม่ไว้ใจคนในทีมคือช่องโหว่ของการปฏิบัติภารกิจ และแน่นอนว่ามันส่งผลต่อตัวแดนเนลอย่างแสนสาหัส ภารกิจแรกที่เขาเข้าร่วมนั้นพังเละเทะไม่เป็นท่าเพราะเพื่อนร่วมทีมคนหนึ่งไม่ฟังคำแนะนำจากเขา นั่นจึงทำให้เขาถูกย้ายไปทีมใหม่ ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่สามารถเข้ากับเพื่อนร่วมทีมเก่าได้ เขาถูกโยกย้ายอยู่หลายครั้ง และไม่มีทีมไหนที่สามารถเข้ากับเขาได้อย่างลงตัว

    จนกระทั่งเขาถูกย้ายมาอยู่ทีมเดียวกับไทรอน อีกฝ่ายเป็นคนประเภทที่สนใจแต่ความสามารถของเพื่อนร่วมงาน และไม่เคยมีข้อกังขาใด ๆ ในตัวเขาเลยสักครั้ง การร่วมงานระหว่างเขาและไทรอนนั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่นจนแม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกประหลาดใจ และแดนเนลก็คิดว่ามันเป็นเพราะอีกฝ่ายรับฟังความคิดเห็นของเขาโดยไม่มีการตั้งแง่ใส่ว่าเขาเป็นอาชญากร

    "ขอบใจ...แต่วันนี้คงไม่ทันแล้วล่ะ ไว้วันหลังนะ ถ้าฉันไม่ลืมเวลา" แดนเนลเอ่ยตอบอีกฝ่าย ก่อนจะคว้าถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาเปิดดู ภายในนั้นคือดับเบิ้ลชีสเบอเกอร์ชิ้นโตและมันฝรั่งทอดอีกหนึ่งกล่อง "หรือฉันควรจะฝากนายซื้อมาให้แบบนี้ทุกวันดี"

    "แล้วนายก็จะได้กินแต่ดับเบิ้ลชีสเบอเกอร์ทุกวัน" ไทรอนว่า ก่อนจะหันไปหาจอห์นนี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เพื่อนร่วมแผนกของตน "ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ด้วยเลยไม่ได้ซื้อมาเผื่อ ขอโทษทีนะ"

    "ไม่เป็นไร ฉันกินมาจากข้างนอกแล้ว"

    "อ่า...โอเค งั้นเชิญพวกคุณคุยธุระกันต่อเถอะ ไม่ต้องสนใจผมหรอก"

    ไทรอนทำท่าจะผละออกไปจากตรงนี้และกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเมื่อเห็นว่าหมดธุระแล้ว เขาเพียงแค่ต้องการนำมื้อกลางวันมาให้แดนเนลเท่านั้น ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวออกไปจากอาณาเขตของกระต่ายป่า เจ้าของพื้นที่ที่กำลังล้วงมือไปหยิบเบอเกอร์ออกมาจากถุงก็รีบเอ่ยเรียกเขาขึ้นมาเสียก่อน

    "เดี๋ยวสิ นายอย่าเพิ่งไปไหน ฉันกำลังคุยกับพวกเขาเรื่องแผนของเรา"

    คนฟังเลิกคิ้วสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยิน เขารีบหันขวับไปมองหน้าคนที่กำลังเตรียมตัวจะกัดเบอเกอร์ ทว่าแดนเนลกลับดูไม่หือไม่อือกับความประหลาดใจของเพื่อนร่วมทีมของตัวเองเท่าไหร่นัก ราวกับรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายจะต้องมีปฏิกริยาตอบกลับมาแบบนี้

    "นายบอกพวกเขาแล้วเหรอ?"

    "ใช่" เขาพยักหน้ารับหนึ่งที "ฉันบอกแล้วด้วยว่าเราจะไปกันคืนนี้เลย"

    "งั้นก็แปลว่าไม่ได้ไปกันแค่นายกับฉันสองคนแล้วถูกไหม?"

    อีกฝ่ายถาม แม้ว่าความจริงแล้วเขาก็พอจะเดาได้อยู่บ้าง การแอบลักลอบไปยังพื้นที่ของพวกตลาดมืดนั้นถือเป็นอะไรที่เสี่ยงเอาการ ซีไอเอมีสายลับที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มของคนเหล่านี้จำนวนไม่น้อย และรู้ดีว่าหากเมื่อไหร่คนเหล่านี้เริ่มสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม พวกมันจะทำการค้นหาต้นตอและกำจัดทิ้งไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนกฎหมายของบ้านเมือง คนพวกนั้นเป็นพวกนอกกฎหมาย มันย่อมไม่สนใจกฎหมายของประเทศอยู่แล้ว สิ่งที่พวกมันยึดถือและปฏิบัติตามมีเพียงกฎของพวกมันเอง ซึ่งในคืนนี้พวกเขากำลังจะกลายเป็นภัยคุกคามของพวกมัน และแน่นอนว่าจอห์นนี่คงไม่ปล่อยให้แดนเนลและเขาที่มีทักษะการป้องกันตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนองค์กรไปทำเรื่องอันตรายที่ว่านั่นกันแค่สองคนอย่างแน่นอน

    โดยปกติแล้วเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเอฟบีไอหรือซีไอเอนั้น ต่างก็ต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรขององค์กร และหนึ่งในนั้นก็มีการอบรมเกี่ยวกับทักษะป้องกันตัวด้วย เจ้าหน้าที่ทุกคนจะได้รับการประเมินความสามารถเพื่อให้แน่ใจว่ามีคนเหล่านั้นประสิทธิภาพและมีความพร้อมที่จะลงสนามแล้วจริง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งไทรอนและแดนเนลต่างก็ผ่านการประเมินความสามารถด้านทักษะเฉพาะทางมาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทว่าเรื่องทักษะทางด้านร่างกายนั้นถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    แม้ว่าทั้งแดนเนลและไทรอนนั้นจะไม่ใช่คนอ่อนแอ หมายถึง--ถ้าหากมีเรื่องให้พวกเขาต้องใช้กำลังขึ้นมา พวกเขาก็สามารถทำได้เทียบเท่ากับที่มนุษย์เพศชายส่วนใหญ่ทำ พละกำลังของคนทั้งคู่ไม่ถือว่าขี้ริ้วขี้เหร่อะไร อย่างไทรอนเอง ถึงจะเห็นว่าเขาตัวเล็กแบบนั้นแต่หมัดหนักเอาเรื่อง ในขณะที่แดนเนลนั้น แม้จะดูผอมกะหร่องไร้เรี่ยวแรงแต่เขาก็ปราดเปรียวพอตัว ทว่านั่นถือว่าเป็นปกติหากเทียบกับบุคคลทั่วไป ไม่ใช่กับหน่วยงานอย่างซีไอเอ เพราะเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มักเป็นเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่ต้องแฝงตัวไปตามที่ต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องมีทักษะทางด้านร่างกายที่สูงกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่า ซึ่งทักษะที่ว่านี่ก็คือสิ่งที่ทั้งแดนเนลและไทรอนผ่านมันมาได้อย่างร่อแร่

    "อืม มีเจย์เดนไปด้วยอีกคน" แดนเนลตอบ "เหตุผลด้านขอบเขตอำนาจ บลา ๆ ๆ นายเข้าใจใช่ไหม"

    ไทรอนดูมีสีหน้ายุ่งยากใจไม่น้อยเมื่อได้ยินดังนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ต้องการให้มีคนไปกับพวกเขาเยอะจนเกินไป การแอบลักลอบเข้าไปในสถานที่ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นไม่ควรเอิกเกริก และการที่มีคนเพิ่มเข้ามาก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาเยอะขึ้นตามไปด้วย เขาเหลือบมองชายแปลกหน้าซึ่งกำลังจะกลายมาเป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมของตน ที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ด้านหลังของแดนเนลแวบหนึ่งเพื่อประเมินอะไรบางอย่าง เขาไม่ได้ติดใจเรื่องทักษะการป้องกันตัวหรือสมรรถภาพทางกายของอีกฝ่ายแต่อย่างใด เพราะรู้ว่าทางเอฟบีไอเองก็มีหลักสูตรในการอบรมเจ้าหน้าที่ที่เข้มงวดพอกัน แต่สิ่งที่เขากังวลใจคือเรื่องความรู้เฉพาะทางต่างหาก

    เขารู้ว่าเจ้าหน้าที่เอฟบีไอที่จะมาเข้าร่วมทีมด้วยนั้นเรียนจบปริญญาโทด้านกฎหมายไซเบอร์มา ซึ่งในความเห็นของเขา กฎหมายไซเบอร์ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับสิ่งที่พวกเขากำลังจะลงมือทำกันในคืนนี้เลยสักนิด

    "เขาจะทำให้เราทำงานยากขึ้นหรือเปล่าล่ะ"

    "ไม่หรอก ดูเขาก็เชี่ยวชาญอยู่นะ"

    "อืม...ถ้านายว่างั้น ฉันก็แล้วแต่นาย"

    บทสนทนาของคนทั้งคู่ทำเอาจอห์นนี่ที่นั่งฟังอยู่ถึงกับหน้าตึงขึ้นมาทันใด ไทรอนถือเป็นเพื่อนร่วมงานที่แดนเนลสนิทสนมด้วยพอสมควร และบางทีอาจจะมากกว่าที่สนิทกับเขาเสียด้วยซ้ำ คนทั้งสองสนใจในเรื่องเดียวกัน คุยกันด้วยภาษาเดียวกัน รวมถึงความสามารถของคนทั้งคู่เองนั้นต่างก็สนับสนุนกันและกันจนทำให้ทั้งคู่ยิ่งส่องประกายมากขึ้น ราวกับจิ๊กซอว์ชิ้นที่ต่อกันได้อย่างลงตัวและกลายเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งทั้งคู่ก็รู้เรื่องนี้ดี

    จอห์นนี่คิดว่ามันไม่ได้แย่อะไรนักหากแดนเนลจะมีเพื่อนร่วมงานที่สนิทสนมกันอย่างไทรอน แต่ต้องไม่ใช่สนิทจนถึงขั้นพากันออกไปเสาะหาเรื่องอันตรายอย่างไม่มีใครยอมห้ามใครแบบนี้ ที่สำคัญคือนี่ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย ทั้งแดนเนลและไทรอนนั้นต่างพากันจับมือไปทำเรื่องอันตรายอย่างลับ ๆ เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนั้นเขาเองก็นับจนคร้านจะนับ

    "ทุกอย่างก็ตามแผนเดิมนั่นแหละ แค่มีเจย์เดนไปด้วย"

    "แล้วถ้าถึงตอนที่นายต้องแยกไปห้องเซิฟเวอร์ แล้วฉันไปห้องควบคุมล่ะ เขาจะอยู่ตรงไหน?"

    "ให้เขาเลือกเอา ว่าจะตามนายไปหรือว่าตามฉัน"

    "เหอะ ๆ" ไทรอนส่งเสียงหัวเราะในลำคอออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันมองไปยังเจ้าหน้าที่จากเอฟบีไอเพียงหนึ่งเดียวในห้องนี้แล้วเอ่ยบอก "งั้นนายตามเขาไปแล้วกัน"

    ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ต่อให้ไทรอนไม่บอก เจย์เดนก็คิดจะทำอยู่แล้ว





    ตำแหน่งที่ตั้งเซิฟเวอร์ฟาร์มของดาร์กเว็บที่แดนเนลค้นหามาได้นั้น คือตึกปูนสองชั้นขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนถนนวิทเทียร์บูเลอวาร์ดในย่านอีสต์ลอสแอนเจลีส ภายนอกของตัวอาคารนั้นเป็นตึกโรงงานเก่าที่ดูร้างมานาน กระจกหน้าต่างสีดำทึบและกำแพงปูนหนานั้นปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ด้านในไม่ให้มองเห็นได้จากภายนอก

    รถตู้โฟล์คสวาเกน คาราเวลล์สีดำสนิทคันหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาจอดในหลืบของถนนที่อยู่ห่างจากโรงงานเก่าดังกล่าวออกมาสามช่วงตึก ด้านในของยานพาหนะหุ้มเกราะกันกระสุนนี้ถูกปรับแต่งให้กลายเป็นฐานปฏิบัติภารกิจขนาดย่อม เบาะนั่งถูกรื้อออกและแทนที่ด้วยตู้เก็บของ ด้านบนมีอุปกรณ์คอมพิวเตอร์วางเรียงจนดูละลานตา โดยปกติแล้วรถคันนี้จะถูกนำมาใช้งานเมื่อมีปฏิบัติการพิเศษ สิ่งที่อยู่ภายในตู้เก็บของนั้นจึงเป็นคลังแสงขนาดย่อมสำหรับหน่วยปฏิบัติการ

    เจ้าหน้าที่ในปฏิบัติการครั้งนี้มีเพียงหกคน แดนเนล ไทรอน และเจย์เดนเป็นภาคสนาม ในขณะที่จอห์นนี่และเจ้าหน้าที่อีกสองคนที่เหลือเป็นผู้ประสานงานอยู่ด้านนอก

    "ถ้าคุณได้ที่อยู่ของเขาแล้ว จะเป็นอะไรไหมหากเราจะชะลอการจับกุมตัวเขาเอาไว้ก่อน"

    เจย์เดนเอ่ยถามกระต่ายป่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ร่างผอมโปร่งหยุดมือที่กำลังติดหูฟังและอุปกรณ์ส่งสัญญาณวิทยุลงก่อนจะหันมามองหน้าเขา ดวงตากลมที่จับจ้องมานั้นฉายแววกังขาในคำร้องขอของเขาอย่างชัดเจน

    "ชะลอที่คุณว่านั่นคือชะลอแบบไหน คุณจะรอจนกว่าจะจับได้ว่าเขาทำผิดอีกครั้งแบบคาหนังคาเขางั้นเหรอ?"

    "เปล่า" เจย์เดนส่ายศีรษะ "ไม่นานขนาดนั้นหรอก ผมหมายถึงหากคุณเจอตัวเขาแล้วก็ให้ทางผมจับตาดูเขาเอาไว้ รอให้ผมไปขอหมายค้น และทำอะไรให้มันถูกขั้นตอน"

    "อ้อ" แดนเนลส่งเสียงในลำคอเบา ๆ ตอนนี้เขาเข้าใจความต้องการของเจย์เดนแล้วอย่างแจ่มแจ้ง "แต่คุณต้องมั่นใจนะว่าจะไม่ชักช้าจนเขาหลุดมือเราไป"

    "มันไม่เป็นอย่างนั้นแน่นอน ทันทีที่เรากลับออกมาจากเซิฟเวอร์ของพวกมัน ผมจะรีบเขียนคำร้องขอหมายค้น และมันจะถูกยื่นให้ศาลพิจารณาทันทีที่ศาลเปิดในวันพรุ่งนี้"

    แดนเนลเงียบไปครู่หนึ่ง และเจย์เดนก็ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ใช้ความคิด

    "ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าคุณต้องหาข้อหาสักข้อให้เว็บนี่ถูกไหม?"

    "ใช่"

    "โอเค ไว้ใจผมได้เลยเรื่องนี้ รับรองว่าคุณได้ข้อหาให้พวกมันหลายกระทงแน่" แดนเนลเอ่ย เขาตรวจเช็คความเรียบร้อยของอุปกรณ์ทั้งหมดอีกครั้ง ก่อนจะคว้าเป้ใบเก่งที่วางอยู่ข้างกายขึ้นสะพายบ่าแล้วลุกขึ้น "ไปกันเถอะ"

    คนทั้งสามค่อย ๆ ทยอยลงจากรถทีละคน เสื้อกันกระสุนไม่แปะตราของหน่วยงานใดที่พวกเขาสวมใส่อยู่นั้นถูกปกปิดด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีดำสนิท จนทำให้พวกเขาดูกลมกลืนไปกับความมืดในยามรัตติกาล ต่างคนต่างก็มีอาวุธประจำกายติดตัวลงไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเป้ใส่แล็ปท็อปที่อยู่บนแผ่นหลังของแดนเนล กล่องเครื่องมือช่างในมือของไทรอน และปืนประจำตัวที่ซ่อนอยู่ในอกเสื้อแจ็คเก็ตของเจย์เดน

    [เช็ค ฐานเรียกอัลฟ่า ทดสอบเครื่องส่งสัญญาณ รายงานสถานการณ์]

    น้ำเสียงที่ฟังดูคุ้นหูเป็นอย่างดีของจอห์นนี่ดังขึ้นภายในหูของคนทั้งสาม แดนเนลที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งผู้นำทีมอัลฟ่าใช้ปลายนิ้วแตะเครื่องส่งสัญญาณตรงใบหูของตัวเองก่อนจะเอ่ยตอบกลับไป

    "อัลฟ่าเรียกฐาน เครื่องส่งสัญญาณทำงานปกติ กำลังไปยังจุดหมาย"

    [รายงานสถานการณ์เป็นระยะด้วย]

    "รับทราบ" เขารับคำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าทีมที่แท้จริง ก่อนจะสับเท้าอ้อมไปยังรั้วด้านหลังของโรงงานนั้นอย่างรวดเร็ว และเมื่อเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนตามมาถึง เขาจึงหันไปเอ่ย "ทวนแผนอีกครั้งนะ ไทรอน หลังจากที่เข้าไปได้แล้ว นายไปที่ห้องควบคุมและจัดการเรื่องระบบความปลอดภัย ฉันตรงไปที่ห้องเซิฟเวอร์ จัดการเรื่องหาที่อยู่ของริชาร์ด ส่วนคุณ เจย์เดน คุณตามผมมาแล้วกัน"





    [tbc.]
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกกล่าวเรามาได้เลยนะคะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
    ________________________________________

    ตอนหน้ากระต่ายป่าจะพาคุณเอฟบีไอไปบุกถ้ำเสือแล้วนะคะ 5555555
    ลำพังแค่แดนเนลคนเดียวก็รับมือลำบากแล้ว
    นี่แท็กทีมมากับไทรอนที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีก
    จะรอดไหมล่ะเนี่ยยยยยยย

    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
    #ฟิควรบจด

    how to comment ใน minimore

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Gift N. T. (@giftnt1402)
ชอบความเข้ากันของแดนเนลกับไทรอน เจย์เดนต้องรับมือทั้งภารกิจทั้งเพื่อนร่วมทีมเลย ฮ่าๆ รอลุ้นเลยค่ะว่าจะเกิดอะไรขึ้น
nthiminkul (@nthiminkul)
ลุ้นว่าจะสำเร็จไหม! ?
ATitaya Snjak (@fb2204379136466)
????????