เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 4 : Separate ways





  • "ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยบอกเหตุผลกับแดนเนลหน่อยได้ไหมเจย์เดน ว่าทำไมเขาถึงไม่ควรไปบุกถิ่นของคนพวกนั้น"

    จอห์นนี่ที่นิ่งเงียบไปอึดใจหนึ่งเพราะคำพูดของเพื่อนร่วมงานนั้นหันมองไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะเอ่ยขึ้น น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการสะกดกลั้นความรู้สึกขุ่นมัวของเขานั้นฟังดูใจเย็น เจย์เดนไม่แปลกใจเลยสักนิดหากจอห์นนี่จะรู้สึกไม่พอใจ

    ก็สิ่งที่แดนเนลพูดออกมาเมื่อครู่นี้น่ะชวนให้คนฟังหัวเสียน้อยเมื่อไหร่ เขาสัมผัสได้ถึงความดึงดันที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้น ซึ่งเขาค่อนข้างนับถือจอห์นนี่มากทีเดียวที่ยังคุมอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ได้

    บรรยากาศเป็นกันเองเมื่อครู่ดูตึงเครียดขึ้นมาทันใดเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่มีที่ท่าจะยอมลงให้กัน เจย์เดนที่ดูเหมือนจะเป็นคนกลางคนเดียวในที่แห่งนี้เองก็เงียบ ในขณะที่ดวงตาทั้งสองคู่นั้นจับจ้องมายังเขาอย่างรอคอยคำตอบ

    "สิ่งที่คุณคิดจะทำมันผิดกฎหมาย ผมคงปล่อยให้คุณทำไม่ได้หรอก"

    เจย์เดนเอ่ยขึ้นในที่สุด และแน่นอนว่าเขาเลือกอยู่ฝั่งของจอห์นนี่อย่างไม่ต้องสงสัย ความจริงแล้วนั้นเขาไม่ได้กังวลเพียงแค่เรื่องความปลอดภัยของแดนเนลเพียงอย่างเดียว แต่เขายังกังวลไปถึงเรื่องหลักฐานต่าง ๆ ที่อาจจะได้มาโดยวิธีการที่ผิดอีกด้วย เพราะอย่างไรแล้วการลักลอบเข้าไปในสถานที่ของผู้อื่นโดยที่ไม่มีสิทธิ์และไม่ได้รับอนุญาตนั้นถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าที่แห่งนั้นคือต้นตอแห่งความสกปรกโสมมของสังคมก็ตาม ซึ่งถ้าหากต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามความถูกต้องและใสสะอาด พวกเขาจำเป็นต้องมีเหตุผลที่มีน้ำหนักมากพอในการขอหมายค้นสถานที่เหล่านั้น

    "นี่คุณเอฟบีไอ ผมดูเหมือนคนที่สนกฎหมายนักเหรอ?" แดนเนลย้อนถามเขาด้วยน้ำเสียงที่เจือแววขบขัน "ถ้าสนผมก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้หรอกคุณ"

    สิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมานั้นเป็นความจริง เพราะถ้าหากว่าแดนเนลไม่ได้ทำผิดกฎหมายจนโดนจับเข้าคุกแล้วล่ะก็ ตอนนี้เจ้าตัวคงมีชีวิตในแบบอื่นที่ต่างออกไป และคงไม่ได้มานั่งเถียงกับจอห์นนี่ให้เขาดูอยู่ตรงนี้หรอก

    "แต่ตอนนี้คุณควรสนนะ" เจย์เดนพูด แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่คิดที่จะยอมลดให้กับอีกฝ่ายเลยสักนิด "เพราะเมื่อไหร่ที่คุณจับเขาได้ เขาจะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งถ้าวิธีการหาหลักฐานของคุณไม่ถูกต้อง ต่อให้เราหาตัวเขาเจอแต่เราก็จะไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย"

    "ถ้างั้นคุณก็ควรรู้ไว้อย่างหนึ่งนะเจย์เดน ว่าหน้าที่ของผมคือทำทุกทางเพื่อจับริชาร์ดให้ได้ ซึ่งผมไม่สนวิธีการ ส่วนเรื่องจะถูกกฎหมายหรือไม่ยังไง นั่นมันเป็นเรื่องของคุณ"

    "ผมไม่คิดว่านี่มันจะเป็นแค่เรื่องของผมคนเดียว ตอนนี้ผมเป็นส่วนหนึ่งในทีมคุณ ซึ่งทางคุณเป็นฝ่ายเรียกร้องมาเองด้วยซ้ำ นั่นแปลว่าสุดท้ายแล้วเรื่องพวกนี้มันจะไปจบลงที่ศาล และคุณจะทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่สนข้อกฎหมายไม่ได้"

    "ถ้าอย่างนั้นผมก็ฝากให้มันเป็นหน้าที่ของคุณในการไปทำอะไรให้มันถูกต้องแล้วก็กัน เริ่มจากไปขอหมายค้นก่อนเป็นไง แล้วก็ตรงไปหาไอเอสพี[1] รอให้พวกนั้นค้นไฟล์ล็อก[2] ของตำแหน่งเซิฟเวอร์ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้คงจะต้องใช้เวลาสักหน่อย จากนั้นคุณก็ค่อยบุกไปที่รังของพวกดาร์กเว็บตามสิทธิ์ที่มี ให้ริชาร์ดรู้ตัวว่าเราใกล้จะเจอเขาแล้วและเปิดโอกาสให้เขารีบเผ่นหนี พอคุณได้เลขไอพีที่เขาใช้ในการเข้าถึงเซิฟเวอร์คุณก็กลับไปที่ไอเอสพีอีกรอบ ครั้งนี้รอให้พวกนั้นหาตำแหน่งที่อยู่ของเขามาให้ แล้วค่อยไปบุกจับเขาซึ่งตอนนั้นเขาก็คงหนีไปถึงไหนต่อไหนแล้ว หรือบางทีคุณอาจจะไม่ได้แม้กระทั่งหมายค้นเลยด้วยซ้ำเพราะคุณไม่มีข้อหาให้ดาร์กเว็บพวกนั้น" แดนเนลเอ่ยยาวเหยียดโดยแทบไม่พักหายใจ "ส่วนผมก็จะขอล่วงหน้าไปก่อนในคืนนี้ ผมไม่ได้กำลังขออนุญาตคุณอยู่เหมือนกันนะเจย์เดน แค่บอกให้รู้เฉย ๆ ว่าผมกำลังจะทำอะไร เผื่อคุณอยากร่วมมือด้วย แต่ถ้าไม่ ผมก็ไม่ได้ติดขัดอะไรอยู่แล้ว"

    ท่าทีไม่ยี่หระใด ๆ ของคนตรงหน้าทำเอาเส้นเลือดบริเวณข้างขมับของเจย์เดนเต้นตุบ แดนเนลเป็นคนประเภทตรงข้ามกับเขาสุดขั้วอย่างไม่น่าเชื่อ และแม้แต่การได้มาร่วมมือที่ภารกิจด้วยกันในครั้งนี้ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาสองคนยืนอยู่ฝั่งเดียวกันได้ พวกเขาเหมือนคนที่โดนจับให้มาทำงานร่วมกันแบบต่างคนต่างทำเสียมากกว่า ไม่มีการหลอมรวมใด ๆ และไม่ใช่ทีมเดียวกัน

    ใจหนึ่งเขายอมรับในสิ่งที่แดนเนลพูด ใช่   การทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามขั้นตอนนั้นต้องใช้เวลา ซึ่งมันก็เสี่ยงที่จะทำให้คนร้ายรู้ตัวและเผ่นหนีไปเสียก่อน เขารับรู้ปัญหาพวกนี้ดี และรู้ด้วยว่านี่คือเหตุผลหนึ่งที่เจ้าหน้าที่หลายคนที่เขาเคยเจอตัดสินใจเลือกใช้วิธีหาหลักฐานในแบบที่ไม่ถูกต้อง เพราะมันรวดเร็วและเพิ่มโอกาสในการจับตัวคนร้ายมากกว่า ถึงแม้ว่าในภายหลังหลักฐานพวกนั้นจะไม่สามารถนำไปใช้ในชั้นศาลได้ แต่อย่างไรข้อหาก็ถูกตั้งขึ้นมาแล้ว และทุกคนก็ได้รับรู้แล้วว่าใครเป็นผู้ต้องหา

    ในตอนนี้เจย์เดนจึงมีทางเลือกอยู่เพียงแค่ไม่กี่ทางให้ตัดสินใจ หนึ่งคือทำตามที่คนตรงหน้าพูด รีบไปที่ศาลทันทีในบ่ายวันนี้เพื่อขอหมายค้นซึ่งเขาอาจจะได้หรือไม่ได้มันมา จากนั้นก็ตรงไปที่บริษัทให้บริการเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ยื่นหมายค้นไปให้คนพวกนั้นพิจารณา แล้วก็รอให้พวกเขาไปค้นไฟล์ล็อกเพื่อหาที่ตั้งของเซิฟเวอร์ตัวปัญหาตัวนั้นแล้วก็บุกเข้าไปตรวจค้น ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นริชาร์ดก็คงรู้ตัวและไม่อยู่รอให้เขาตามจับแล้วอย่างแน่นอน

    การที่เขาได้หลักฐานมาอย่างถูกวิธีนั้นจะทำให้ผู้ต้องหารู้ตัวและหลบหนีไปได้ หรือไม่   เขาก็ควรโยนเรื่องกฎหมายพวกนั้นทิ้งไปเสีย และร่วมมือกับแดนเนล





    เจย์เดนนั้นเป็นตัวแทนของคนที่ยืนอยู่ในฝั่งของความถูกต้องซึ่งขีดเส้นเอาไว้ด้วยข้อกฎหมาย เขาไม่เคยเห็นด้วยกับวิธีการที่ผิด และนึกเสียดายมาโดยตลอดที่เขาไม่สามารถนำหลักฐานที่บางชิ้นขึ้นไปใช้ในชั้นศาลได้ เพียงเพราะว่ามันได้มาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ทั้งที่มันคือสิ่งที่สามารถใช้ในการมัดตัวคนร้ายได้อย่างอยู่หมัด นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผลักดันให้เขามายืนอยู่ตรงจุดนี้

    การสืบสวนของเขานั้นจะต้องเป็นไปด้วยความถูกต้อง เขาจะไม่ยอมให้คนร้ายที่เขาลำบากตรากตรำไปจับมานั้นหลุดรอดไปจากบทลงโทษทางกฎหมายโดยเด็ดขาด

    ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น เจย์เดนยึดมั่นในเป้าหมายของตัวเองอย่างแน่วแน่ แม้จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ความคิดของเขาเอนเอียงไปบ้างแต่อุดมการณ์ของเขานั้นไม่เคยเปลี่ยน

    "ไม่ว่ายังไงคุณก็จะไปให้ได้ถูกไหม?"

    "ใช่ คุณรู้ไหมว่าผมทนรอให้ริชาร์ดโผล่หางออกมาถึงหกปี หกปีเลยนะกว่าจะตามหาร่องรอยของเขาเจอน่ะ และไม่ว่าครั้งนี้เขาจะมีเป้าหมายอะไรอยู่ก็ตาม ถ้าเขาทำสำเร็จเขาจะหายตัวไปอีก ซึ่งผมทนรอนานกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว"

    คำพูดของแดนเนลนั้นทำให้อุดมการณ์ของเขาสั่นคลอนเพิ่มมากขึ้น ปัญหาที่เขารับรู้มาโดยตลอดนั้นถูกฉีกออกให้เห็นชัดเจนกว่าเดิม การถกเถียงกันอย่างไม่มีใครยอมลงให้แก่กันที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นทำให้ตะกอนบางอย่างภายในใจของเขาถูกกวนให้ขุ่นมัวจนเขาไม่อาจเพิกเฉยได้อีกต่อไป และการหวังให้ตัวเองสามารถจับคนร้ายได้โดยวิธีการที่ถูกต้องนั้นก็เหมือนจะเป็นอะไรที่ดูอุดมคติมากเกินไปในภารกิจครั้งนี้ เขารู้ความต้องการของแดนเนลดี อีกฝ่ายไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าต้องการจับตัวริชาร์ดให้ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าตัวยอมทุ่มทุกอย่างให้กับงานนี้โดยไม่สนเรื่องความถูกผิด ไม่สนแม้กระทั่งความปลอดภัยและชีวิตของตัวเอง

    เจย์เดนรู้สึกเหมือนเขากำลังยืนอยู่กลางทางแยกแห่งหนึ่ง ซึ่งความรับผิดชอบในหน้าที่การงานของเขาที่ตามติดมาด้วยนั้นทำให้เขาไม่สามารถถอยหลังกลับไปได้ สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงแค่เลือกว่าจะไปทางด้านซ้ายหรือด้านขวา จะเลือกอุดมการณ์ของตัวเองหรือความสำเร็จของภารกิจ

    และไม่ว่าอย่างไร การปกป้องคนตรงหน้านี้ก็คือหนึ่งในหน้าที่ของเขา แน่นอนว่าเขาไม่สามารถปล่อยให้แดนเนลวิ่งเข้าใส่เรื่องอันตรายตามลำพังได้ ซึ่งนั่นก็เป็นการบังคับให้เขาต้องร่วมมือด้วยไปโดยปริยาย

    "โอเค" เจย์เดนเอ่ยด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งและสับสน เมื่อตัดสินใจที่จะละทิ้งอุดมการณ์บางประการของตัวเองไป "ถ้าอย่างนั้นผมจะไปกับคุณ ส่วนเรื่องทำยังไงให้หลักฐานที่ได้มานำไปใช้ในชั้นศาลได้นั้น ผมจะหาทางเอง"

    และเขาหวังว่าตัวเองจะตัดสินใจถูก





    เจย์เดนรับรู้ได้ว่าจอห์นนี่ดูไม่พอใจเท่าไหร่กับการย้ายฝ่ายอย่างรวดเร็วของตนเอง ทว่าเจ้าหน้าที่จากซีไอเอคนนั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขายังคงนิ่งเฉยเช่นเดียวกับตอนที่ถกเถียงกับแดนเนลเมื่อครู่ ปลายคิ้วทั้งสองของเขานั้นขมวดเข้าหากันราวกับคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก และในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นแล้วว่าไม่ว่าอย่างไรแดนเนลก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจ และการที่เขาพยายามห้ามอีกฝ่ายนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการเทน้ำลงในเหยือกที่มีรูรั่ว สูญเปล่าและไร้ประโยชน์ ต่อให้เขาคัดค้านและไม่ให้การสนับสนุนไปมันก็เท่านั้น เพราะท้ายที่สุดแล้วแดนเนลก็จะหาทางพาตัวเองไปทำในสิ่งที่อยากทำจนได้อยู่ดี

    "ฉันให้เวลานายแค่สองชั่วโมง และแผนการต้องรัดกุม" ในที่สุดจอห์นนี่ก็เอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขานั้นฟังดูเด็ดขาด และแน่นอนว่านี่คือเส้นจำกัดว่าเขาจะไม่ยอมลงให้กับแดนเนลมากไปกว่านี้แล้ว สิ่งสำคัญที่เขาห่วงนั้นไม่ได้มีเพียงแค่การตามจับตัวริชาร์ด แต่คือความปลอดภัยของคนตรงหน้านี้ด้วย นั่นจึงทำให้เขาหันไปกำชับกับเจย์เดนที่ยืนอยู่ด้านหลัง "ส่วนนายต้องติดตามเขาทุกฝีก้าว"

    เจย์เดนพยักหน้ารับ การที่จอห์นนี่เน้นคำว่าทุกฝีก้าวนั้น หมายความว่าเขาต้องไม่ปล่อยให้แดนเนลคลาดสายตา ซึ่งมันไม่น่าจะใช่เรื่องที่เหนือบ่ากว่าแรงสำหรับเขาสักเท่าไหร่

    "เรื่องวิธีเข้าไปน่ะฉันหาทางเอาไว้แล้ว แต่จะรัดกุมสำหรับนายหรือเปล่าไม่รู้นะ"

    "ออกไปเตร่ข้างนอกแค่วันเดียวนี่ได้อะไรกลับมาจนคุ้มเกินคุ้มเลยนะนาย"

    แดนเนลไหวไหล่ ไม่สนใจในคำพูดเหน็บแนมที่ได้รับจากเพื่อนร่วมงานของตน ฉายากระต่ายป่าแห่งซีไอเอที่เขาได้มานั้นไม่ใช่แค่การเรียกเพื่อล้อเลียนรูปร่างหน้าตาของเขาเพียงอย่างเดียว แต่มันยังเป็นฉายาที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักขุดและนักหลบหนีที่ยอดเยี่ยมของเขาอีกด้วย

    แดนเนลเป็นคนประเภทที่มีความระมัดระวังตัวสูง แต่ไม่ใช่คนที่ขี้กลัวหรือตื่นตระหนกอะไรง่ายจนเกินเหตุ เขาไม่ได้ไก่อ่อนแบบนั้นเลยสักนิด ไม่ว่าจะในโลกของคอมพิวเตอร์หรือในโลกความเป็นจริง เขาก็มักจะขุดหาทางหนีทีไล่และมีการเตรียมแผนสำรองเอาไว้อยู่เสมอ ความสามารถในการกลบเกลื่อนร่องรอยของเขามีมากพอกันกับความสามารถในการตามหาร่องรอยของผู้อื่นที่ถูกกลบเกลื่อน ถึงขนาดที่พวกเอฟบีไอที่มีความรู้ในด้านคอมพิวเตอร์เคยพูดกันว่า ถ้าหากแดนเนลไม่ได้เดินเข้ามาสารภาพด้วยตัวเองแล้วล่ะก็ พวกเขาคงไม่มีทางหาตัวจริงของดีบีดีเจอได้เลย

    เจย์เดนคิดว่าบางทีนี่อาจเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้ซีไอเอสนใจในตัวแดนเนล และดึงให้เขาเข้ามาทำงานด้วย

    "รอให้คนอื่นกลับมาก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องแผนกันอีกที"

    "แล้วครั้งนี้นายต้องการคนมากแค่ไหนล่ะ"

    "สามคนก็พอ" แดนเนลตอบอย่างรวดเร็ว และมันก็เป็นข้อพิสูจน์ว่าเขาคิดเรื่องนี้มาอย่างดีตั้งแต่เมื่อวานแล้ว "ถ้ามากกว่านี้เดี๋ยวจะโดนสังเกตง่าย จริง ๆ ฉันอยากไปแค่สองคนด้วยซ้ำ แต่เจย์เดนเขาจะไปด้วยเลยกลายเป็นสาม"

    จากผู้ประสานงานจากทางเอฟบีไอได้กลายมาเป็นตัวแถมในภารกิจลักลอบเจาะระบบของพวกดาร์กเว็บไปเสียแล้ว การที่แดนเนลบอกว่าเจ้าตัวไม่ได้สนใจว่าเขาจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่นั้นไม่ใช่แค่การแกล้งพูดเพื่อหลอกล่อให้เขาเอนเอียงตาม แต่อีกฝ่ายไม่ได้สนใจจริง ๆ

    "แล้วฉันเป็นหนึ่งในสามคนนั้นของนายไหม?"

    "ก็ต้องไม่อยู่แล้ว" แดนเนลเอ่ยก่อนจะชูนิ้วมือขึ้นทีละนิ้วขณะเอ่ยชื่อของสมาชิกในทีมที่เขาเลือกไว้ "สามคนคือฉัน เจย์เดน แล้วก็ไทรอน"

    "ไทรอน? หมอนั่นน่ะนะ"

    จอห์นนี่เลิกคิ้วถามด้วยความประหลาดใจ

    "เขาเชี่ยวชาญฮาร์ดแวร์ นายคงไม่คิดว่าฉันจะพานายไปถอดพวกเครื่องสแกนต่าง ๆ หรอกใช่ไหม"

    "แค่งัดแงะเครื่องพวกนั้นนายก็ทำได้ไม่ใช่รึไง"

    "แต่เขามือเบาและไวกว่าฉันเยอะ นายน่ะรอประสานงานอยู่ด้านนอกเถอะจอห์น"

    ไทรอน มุน เป็นชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งซึ่งพกกล่องเครื่องมือช่างขนาดกะทัดรัดติดตัวไว้อยู่เสมอ ความสามารถด้านอุปกรณ์ของเขานั้นเข้าขั้นเซียน มือของเขาเป็นมือเทวดา แดนเนลว่าอย่างนั้น เขาสามารถเปลี่ยนเศษขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ไร้ค่าให้สามารถกลับมาใช้งานได้ และแน่นอนการที่จะลักลอบเข้าไปในที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนานั้นจำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของเขา

    หนึ่งแฮกเกอร์ หนึ่งผู้เชี่ยวชาญฮาร์ดแวร์ และหนึ่งตัวแถม   ซึ่งก็คือตัวเขา

    ฟังดูเหมือนตลกแต่เจย์เดนกลับขำไม่ออกในความพลิกผันนี้ของตัวเอง เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าท้ายที่สุดแล้วแผนการที่ว่านั้นของแดนเนลจะออกมาในรูปแบบไหน และมันจะส่งผลอย่างไรต่อตัวเขาหลังจากนี้บ้าง เขาเดาอะไรไม่ออกเลยสักอย่าง





    [tbc.]
    ศัพท์เทคนิคในตอนนี้ in a nutshell
    [1] ISP
    ย่อมาจาก Internet Service Provider ซึ่งก็คือผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต มีหลายเจ้าให้เลือกใช้ ในประเทษไทยก็เช่น CAT, TOT, 3BB เป็นต้น ผู้ให้บริการเหล่านี้จะมีการเก็บข้อมูลบางประการของผู้ใช้ อย่างพวกตำแหน่งที่อยู่ ซึ่งการจะให้ทาง ISP เปิดเผยข้อมูลได้นั้นจำเป็นต้องมีคำสั่งจากศาลหรือเจ้าหน้าที่ที่มีอำนาจ
    [2] Log file คือไฟล์ที่ใช้เก็บข้อมูลการใช้งานเกี่ยวกับการใช้งานหรือการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งในที่นี้ก็คือข้อมูลการติดต่อของเซิฟเวอร์และริชาร์ดบนอินเตอร์เน็ตนั่นเองค่ะ
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกกล่าวเรามาได้เลยนะคะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
    ________________________________________

    มุนแทอิล - ไทรอน มุน

    แดนเนลกับเจย์เดนตอนนี้ก็คือตีกันฟิคพินาศไปหมดแล้ว 555555555
    ทุกคนเตรียมโดเนทยาพาราให้คุณเอฟบีไอเขาได้เลย
    เพราะนี่มันแค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
    หลังจากนี้ยังมีเรื่องน่าปวดหัวอีกเยอะ หึหึ

    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ
    #ฟิควรบจด

    how to comment ใน minimore

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ATitaya Snjak (@fb2204379136466)
สนุกมากกกกกกก ตื่นเต้นไปหมด สัมผัสได้ว่าแจฮะหล่อมากและพี่แทน่ารักมากกกกกกกก