แดนเนลรอคอยการติดต่อจากแคชมีอยู่พักใหญ่ ทว่ากลับไม่มีอีเมลใดที่ถูกส่งมาหาเขาเลยหลังจากนั้น ข้อความล่าสุดที่อยู่ในกล่องข้อความขาเข้าของอีเมลที่มาร์คัสใช้ติดต่อกับกลุ่มลับนั้นยังคงเป็นข้อความเดียวกันกับเมื่อหลายวันก่อนหน้านี้ ก่อนที่มาร์คัสจะถูกทางเอฟบีไอควบคุมตัวเอาไว้
แดนเนลรู้ดีว่าเขาไม่มีเวลาให้มานั่งใจเย็นมากนัก นั่นจึงทำให้เขาเริ่มคิดที่จะเสาะหาเป้าหมายรายใหม่ เขามีรายชื่อผู้ติดต่อในอันโนวที่เคยพูดคุยกับมาร์คัสนับร้อยรายชื่ออยู่ในมือ และเขาก็เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีคนที่มาจากกลุ่มลับของริชาร์ดอย่างแน่นอน
ร่างผอมโปร่งตัดใจวางโทรศัพท์มือถือของตนไว้ตรงชั้นวางของเหนืออ่างล้างหน้า ก่อนจะรีบจัดการธุระส่วนตัวที่ควรทำให้เสร็จสรรพ การที่เขาเงียบหายไปนานอาจทำให้เจย์เดนจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ต้องการให้มันเป็นเช่นนั้น
ในตอนนี้เจย์เดนถือเป็นหนึ่งในความยุ่งยากที่เขาต้องหาทางรับมือให้ได้ เจ้าหน้าที่เอฟบีไอคนนั้นมีตาราวกับสัปปะรด เพียงแค่เขาขยับตัวเพียงนิดเดียวอีกฝ่ายก็พร้อมจะจับผิดอยู่ทุกเมื่อ
แดนเนลรู้ดีว่าอีกฝ่ายเพียงแค่รับผิดชอบในหน้าที่ที่ได้รับ การที่ริชาร์ดแอบนำโปสการ์ดเข้ามาวางในห้องพักของเขานั้นทำให้ทางซีไอเอเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยขึ้นอีกหลายเท่าตัว และการจับตาดูเขาก็คือหนึ่งในนั้น
ทุกคนทำราวกับว่าเขาเป็นผู้ที่ต้องได้รับการปกป้องดูแลอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย สิ่งที่แดนเนลรู้ดียิ่งกว่าใครคือเขาไม่เคยต้องการความปลอดภัยใด ๆ เขาไม่อยากจะหลบซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังของใครทั้งสิ้น ยามที่เขากำลังเอื้อมมือไปลากคอของผู้ที่เป็นศัตรูให้ออกมาในที่แจ้ง
เขาต้องการทำทุกสิ่งแบบซึ่งหน้า ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
ให้คนพวกนั้นรู้ว่าผลของการกระทำที่พวกมันสามารถหลบหนีมาได้เป็นระยะเวลาหลายปีนั้น บัดนี้ได้สะสมเพิ่มพูนจนล้นหลามและส่งผลกระทบคืนกลับไปได้มากเพียงใด
เจย์เดนไม่ได้อยู่ในห้องทำงานแล้วยามที่แดนเนลเดินกลับมายังโต๊ะของตัวเอง ร่างผอมโปร่งในชุดนอนตัวโคร่งสำรวจตรวจตราข้าวของต่าง ๆ บนโต๊ะอย่างละเอียดว่าไม่มีสิ่งใดขยับเขยื้อนออกไปจากจุดที่มันควรจะวางอยู่ ก่อนที่เจ้าตัวจะล้มนั่งลงตรงที่ประจำตัวของตน มือเรียวเอื้อมไปแตะทัชแพดของแล็ปท็อปตรงหน้าเบา ๆ ฉับพลัน หน้าจอนั้นก็สว่างขึ้นมาในทันที ใบหน้าของแดนเนลดูเรียบนิ่ง ขณะที่เขากำลังพิมพ์รหัสสำหรับเปิดใช้งานแล็ปท็อปลงไปบนแป้นพิมพ์แล้วกดปุ่มเอนเทอร์
ไฟล์ล็อกของคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับเก็บข้อมูลการใช้งานต่าง ๆ ถูกแดนเนลเปิดออกมาดูอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ชายหนุ่มจะพบว่าความสิ่งที่เขาคิดเอาไว้ในใจเมื่อครู่นี้เป็นความจริง
คอมพิวเตอร์ของมาร์คัสมีร่องรอยของการถูกเปิดใช้งานพักหนึ่งในช่วงที่เขากำลังอยู่ในห้องน้ำ และมันจะเป็นฝีมือของใครไปไม่ได้นอกจากคนอีกคนหนึ่งที่รู้รหัสเข้าใช้งานของแล็ปท็อปเครื่องนี้
เป็นเจย์เดน
จริงอยู่ที่อีกฝ่ายเองนั้นก็มีสิทธิ์ในการตรวจสอบแล็ปท็อปเครื่องนี้เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นแดนเนลก็อดที่จะรู้สึกระแวงไม่ได้ เขาไม่รู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการค้นหาคืออะไรกันแน่ บางทีมันอาจเป็นเพียงแค่ข้อมูลโดยทั่วไปของมาร์คัส หรือบางทีมันอาจจะไม่ใช่ก็ได้ สิ่งที่เขาลักลอบทำอย่างเงียบ ๆ โดยลำพังนั้นได้กลายมาเป็นชะนักที่ติดคาอยู่บนหลัง และมันก็ทำให้เขารู้สึกหวั่นใจอยู่ตลอดเวลาว่าจะถูกจับได้เสียก่อนที่เขาจะทำทุกอย่างได้สำเร็จ
เพราะถ้าจะพูดกันตามตรงแล้ว การแก้แค้นของเขานั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และเขาไม่ต้องการให้มีใครเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทั้งสิ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเพียรพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ถึงวันที่เขาจะได้เผชิญหน้ากับคนเหล่านั้น ซึ่งในยามนี้เขารู้สึกเหมือนตนใกล้จะเข้าถึงจุดหมายของตัวเองมากขึ้นทุกที และเขาก็ไม่อาจสั่งให้ตัวเองหยุดทุกอย่างนี้ลงได้
เขาทำไม่ได้
เจย์เดนกลับเข้ามาในห้องทำงานอีกครั้งพร้อมแก้วมัคสองใบที่มีโกโก้ร้อนและมาร์ชเมลโลอยู่ในนั้น มือหนาวางแก้วเครื่องดื่มที่ยังคงอุ่นจนมีไอควันจาง ๆ ลอยขึ้นมาลงบนโต๊ะของคนที่กำลังนั่งอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์
"เดาไว้ไม่ผิดว่าพออาบน้ำเสร็จคุณก็กลับมานั่งที่โต๊ะนี่อีก ผมเลยชงโกโก้มาเผื่อ" เจ้าหน้าที่จากเอฟบีไอเอ่ยเมื่อเห็นอีกฝ่ายชำเลืองมองใบหน้าของตนสลับกับแก้วโกโก้ร้อนที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นด้วยสายตาดูฉงน "ผมไม่วางยาคุณหรอกน่า ไว้ใจกันบ้างสิ"
"ก็ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นสักหน่อย" มือเรียวของคนที่นั่งอยู่เอื้อมไปคว้าแก้วอุ่น ๆ มากุมไว้ ก่อนจะเอ่ยตอบอีกฝ่ายเสียงเบา "แต่ยังไงก็ขอบคุณแล้วกัน"
แดนเนลดูมีสีหน้าพึงพอใจไม่น้อยยามที่เขายกแก้วในมือขึ้นเป่าเบา ๆ ก่อนจะจรดริมฝีปากของตนลงไปและลองดื่มดู ไม่น่าเชื่อว่าโกโก้ร้อนใส่มาร์ชเมลโลที่เจย์เดนชงมาให้นั้นจะมีความหวานในระดับที่เขาชอบอย่างพอดิบพอดี บางทีนอกจากแพนเค้กของร้านเดนนี่ส์แล้ว นี่อาจเป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เขาและเจย์เดนสามารถเข้ากันได้
พอนึกมาถึงตรงนี้เขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่ามันฟังดูชวนขันอยู่ไม่น้อย พวกเขาทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมาก็ตั้งหลายวัน มีเรื่องที่ชวนให้รู้สึกขัดใจกันนับสิบ ๆ เรื่อง แต่เพิ่งจะมาค้นพบเอาว่ามีเรื่องที่เห็นพ้องต้องกันเพียงแค่เรื่องอาหารการกินเรื่องเดียวเท่านั้น
ร่างผอมโปร่งวางแก้วเครื่องดื่มที่พร่องไปเกือบครึ่งลงบนโต๊ะ คราบของมาร์ชเมลโลที่ละลายเพราะความร้อนนั้นเลอะขอบริมฝีปากของเขาจนดูคล้ายหนวดสีขาว แดนเนลมุ่ยหน้าลงเล็กน้อยเมื่อแอบเห็นสีหน้ายิ้มขันของคนที่กำลังยืนมองอยู่ ยามที่เขากำลังใช้หลังมือของตัวเองปาดคราบนั้นออก
"เห็นคุณดื่มจนปากเลอะแบบนี้แล้วแสดงว่าฝีมือชงโกโก้ของผมยังไม่ตก"
เจย์เดนเอ่ยอย่างภาคภูมิใจจนคนฟังถึงกับต้องเบ้หน้าให้กับท่าทีเกินจริงนั้น
ก็แค่ชงโกโก้อร่อยนิดหน่อยเองไหม ไม่ใช่ว่ากำลังจะได้ขึ้นไปรับเหรียญเกียรติยศสูงสุดจากประธานาธิบดีเสียหน่อย
"แค่ชงโกโก้ ผมเองก็ชงได้น่า"
"ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าก็ตาของคุณที่ต้องชงให้ผมบ้างนะ"
"เอาสิ แก้วต่อไปเลยไหมล่ะ?"
"ใจเย็นก่อนนะคุณ" คนฟังหัวเราะเบา ๆ "รีบอะไรขนาดนั้นกัน เอาไว้วันหลังก็ได้น่า"
"ก็เดี๋ยวคุณจะไม่รู้ไงว่าผมเองก็ชงโกโก้อร่อยเหมือนกัน อันที่จริงกาแฟเองผมก็ชงอร่อยนะ จอห์นนี่กับไทรอนเคยบอกอยู่"
"ใจคอคุณจะยอมแพ้ให้กันไม่ได้เลยใช่ไหมเนี่ย เอาเป็นว่าไว้ถึงวันนั้นเราค่อยมาตัดสินกันอีกทีก็แล้วกัน แต่ในตอนนี้น่ะสิ่งที่ผมอยากให้คุณทำมากที่สุดเลยคือปิดแล็ปท็อปแล้วก็ดื่มโกโก้นี่ให้หมด เราจะได้ไปแปรงฟันแล้วก็นอนกันเสียที"
"โอเค คุณเองก็ต้องใจเย็นเหมือนกันนะเจย์เดน ผมยอมไปนอนแล้วก็ได้" แดนเนลเอ่ยพลางใช้มือพับปิดแล็ปท็อปตรงหน้าลงตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่องไว ด้วยไม่อยากจะนั่งฟังอีกฝ่ายเซ้าซี้ไปมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่วายที่จะบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างจงใจให้อีกฝ่ายได้ยิน "ผมชักสงสัยขึ้นมาแล้วว่าคุณเป็นเพื่อนร่วมงานจริง ๆ หรือว่าเป็นพ่อของผมกันแน่"
"ผมไม่เป็นพ่อของคุณหรอกน่า" เจย์เดนพูดยิ้ม ๆ "ถ้ามีลูกแบบคุณ มีหวังผมคงได้กระวนกระวายจนอกระเบิดในสักวัน ก็คุณน่ะทำตัวให้น่าเป็นห่วงน้อยเสียที่ไหน"
"เฮ้ ๆ นี่คุณกำลังจะบ่นอีกแล้วสินะ ความรู้สึกผมมันบอกอย่างนั้น" ร่างผอมโปร่งรีบเอ่ยขัดจังหวะพลางยกมือขึ้นมาห้ามอย่างรวดเร็ว "คุณเองก็ต้องพักบ้างเหมือนกันนะ ไอ้เรื่องบ่นผมเนี่ย เอาเป็นว่าเราสองคนรีบดื่มโกโก้นี่แล้วไปนอนกันเถอะ โอเคไหม?"
"คุณนี่นะ เปลี่ยนเรื่องหนีเก่งจริง ๆ เลย"
"คนเรามันต้องรู้จักเอาตัวรอดนะคุณ" แดนเนลไหวไหล่น้อย ๆ อย่างยอมรับคำกล่าวหานั้น "ลองคุณถูกบ่นทุกต้นชั่วโมงดูบ้างสิ จะไม่เปลี่ยนเรื่องหนีไหวเหรอ?"
คำตอบที่ได้ยินทำเอาเจย์เดนหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง มันน่าแปลกที่ความช่างประชดประชันของแดนเนลนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย กลับกันเลยด้วยซ้ำ เจย์เดนรู้สึกว่าปฏิกิริยาตอบกลับของแดนเนลนั้นมันยิ่งทำให้เจ้าตัวเป็นคนที่น่าแกล้งหยอกมากขึ้นกว่าเดิม แดนเนลมักจะมีการโต้ตอบทางสีหน้าและวาจาที่น่ามอง ไม่ว่าจะเป็นตอนที่กำลังอารมณ์ดีอยู่ หรือแม้แต่ตอนที่กำลังหงุดหงิดหัวเสีย ซึ่งเจย์เดนคิดว่านี่อาจเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวอย่างหนึ่งของคนตรงหน้านี้ก็เป็นได้
เจย์เดนและแดนเนลพากันเดินทางมายังสำนักงานสอบสวนกลางในช่วงก่อนแปดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น สาเหตุที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่มาถึงกันตั้งแต่ตอนที่สำนักงานยังไม่ทันได้เปิดทำการเสียด้วยซ้ำนั้น ก็เพื่อมาพูดคุยเกี่ยวกับความคืบหน้าในการสืบสวนคดีของเชสเตอร์กับเจ้าหน้าที่โลแกนและเจ้าหน้าที่วินเซนต์ ก่อนที่ผลดีเอ็นเอจากสถาบันนิติเวชวิทยานั้นจะเดินทางมาถึงในเวลาเก้าโมง
ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองจากแผนกสืบสวนพิเศษคดีฆาตกรรมเองนั้นก็ทำงานอย่างหนักไม่แพ้กัน พวกเขาเดินสายไปตามบ้านของบุคคลที่มีความสนิทชิดเชื้อกับเชสเตอร์เพื่อซักถามข้อมูลต่าง ๆ ที่อาจเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี และแน่นอนว่าความพยายามอย่างหนักนั้นก็มอบผลลัพธ์อันน่าพึงพอใจให้กับพวกเขา
"ภรรยาของเชสเตอร์ให้ข้อมูลมาว่าก่อนหน้านี้เชสเตอร์มีปากเสียงใหญ่โตกับ โทนี่ อัน ญาติสนิทของเขา คนที่ทำงานอยู่ที่ไอเซิร์ฟด้วยกันน่ะ เธอได้ยินโทนี่เอาแต่พูดว่าเขาอยากวางมือจากเรื่องนี้ แต่เชสเตอร์ไม่ยอม"
"อยากวางมืออย่างนั้นเหรอ?" เจย์เดนมุ่นคิ้วเล็กน้อยอย่างครุ่นคิดเมื่อได้ฟัง "วางมือจากเรื่องอะไรกัน?"
"นั่นเป็นสิ่งที่เรากำลังหาคำตอบอยู่เหมือนกัน" วินเซนต์เอ่ยต่อ "ผมถามเธอว่าเรื่องที่ว่านั่นคืออะไร แต่เธอเองก็ไม่ทราบเรื่องนี้เหมือนกัน เธอให้ที่อยู่ของโทนี่มา แต่พอเราลองไปหาเขาที่บ้านดูก็พบแต่ความว่างเปล่า"
"นอกจากนี้ ทางไอเซิร์ฟสาขาที่เขาทำงานอยู่ก็บอกว่าเขาขาดงานมาหลายวันแล้ว นับตั้งแต่วันที่เราพบศพเลย" โลแกนเอ่ยข้อมูลสมทบ "เราเลยสันนิษฐานว่าเขาอาจรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับการตายของเชสเตอร์"
"ผมว่าการที่เขาหายตัวไปแบบนี้มันยิ่งทำให้เขาดูน่าสงสัยนะ" เจย์เดนพูด "เป็นไปได้ไหมว่าเขาเกิดทะเลาะกับเชสเตอร์ขึ้นมาอีกครั้ง และในครั้งนี้เขาเผลอบันดาลโทสะจนพลั้งมือฆ่า จึงทำให้ต้องหลบหนีความผิดของตัวเอง"
"ผมเองก็เดาเอาไว้อย่างนั้น แต่ยังไม่กล้าฟันธงเท่าไหร่ จากการสอบถามภรรยาของเชสเตอร์มา เธอบอกว่าทั้งสามีของเธอและโทนี่นั้นโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ทั้งคู่เป็นทั้งญาติพี่น้องและเพื่อนที่สนิทกันมาก ๆ จนเธอเองยังรู้สึกตกใจที่เห็นทั้งคู่มีปากเสียงกันใหญ่โตเมื่อหลายวันก่อน ผมลองถามเธอดูว่าเป็นไปได้ไหมที่โทนี่จะเป็นคนฆ่าเชสเตอร์ และเธอตอบมาว่าเธอไม่เคยมีความคิดนั้นในหัวเลยสักนิด"
"อะไรที่ทำให้ภรรยาของเชสเตอร์มั่นใจขนาดนั้นกัน" เจย์เดนเอ่ยอย่างนึกกังขา "คุณว่ามันไม่แปลกไปหน่อยเหรอที่เธอไม่นึกสงสัยอะไรโทนี่เลย ทั้งที่เธอก็รู้ว่าโทนี่กับสามีตัวเองนั้นมีเรื่องทะเลาะกันอยู่"
"มันก็มีหลายเหตุผลอยู่เหมือนกันที่ทำให้เธอคิดอย่างนั้น เธอบอกว่าจากที่รู้จักกันมา โทนี่ไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนเลย เขาเป็นคนที่ใจเย็นเอาเสียมาก ๆ และยิ่งพอมาเทียบกับเชสเตอร์ด้วยแล้ว สามีของเธอนั้นดูจะอารมณ์ร้อนง่ายกว่าหลายเท่านัก" โลแกนว่า พลางนึกถึงข้อมูลที่ภรรยาของเชสเตอร์ให้เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่คิดว่าโทนี่จะเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ "อีกอย่าง ตัวโทนี่เองก็ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน แค่จะชกต่อยกับใครสักคนโทนี่ยังไม่เคยทำเลย ในขณะที่เชสเตอร์นั้นเรียกได้ว่ามีมาอย่างโชกโชน มันจึงเป็นไปได้ยากที่เธอจะเชื่อว่าเขาฆ่าคนได้"
"แล้วถ้าโทนี่กับเชสเตอร์เกิดต่อสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ล่ะ คุณคิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ"
"เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังไงก็แล้วแต่ การที่เขาไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่สู้ใครเลยเสียหน่อย ถูกไหมล่ะ?"
"อืม...ที่คุณพูดมามันก็ถูกแหละ" เจย์เดนพึมพำ "ว่าแต่เรื่องการตามหาตัวโทนี่ล่ะ ตอนนี้คุณได้อะไรมาแล้วบ้าง?"
"อันที่จริงทางผมยังไม่ได้อะไรมาสักเท่าไหร่" ครั้งนี้เป็นวินเซนต์ที่เอ่ยพลางถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าที่แฝงแววเครียดขึ้งอยู่ลึก ๆ "เราพยายามตามหาทั้งที่บ้านของเขา ที่ทำงาน รวมถึงสถานที่ที่ได้มาจากคำบอกเล่าของคนใกล้ชิดว่าเขาชอบไปที่นั่นอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่พบตัวเขาเลย"
"แล้วที่สุดท้ายที่มีคนเจอตัวเขานี่คือที่ไหนเหรอ คุณพอรู้ไหม?"
"บาร์ที่เขาชอบไปนั่งบ่อย ๆ หลังเลิกงานน่ะ เขานั่งอยู่ที่นั่นในช่วงค่ำของคืนที่เชสเตอร์เสียชีวิต เจ้าของบาร์บอกว่าเขาดื่มไปเยอะพอดูเลยทีเดียว ก่อนจะลุกออกจากร้านไปตอนสามสี่ทุ่ม น่าเสียดายที่เจ้าของบาร์ไม่รู้เวลาแน่นอนเพราะช่วงนั้นมีลูกค้าในร้านเยอะมากจนเขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นดูเวลาเลย"
"แล้วร้านนั้นอยู่ไกลจากจุดพบศพมากหรือเปล่า? คุณคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมที่หลังจากเขาดื่มจนเมาแล้ว เขาก็บุกไปยังห้องเซิฟเวอร์นั่น บุกเข้าไปตอนที่เชสเตอร์เองก็ยังอยู่ในห้องนั้นเหมือนกัน"
"มันก็ไม่ไกลสักเท่าไหร่ ถ้าเดินเท้าไปก็คงใช้เวลาราว ๆ สิบห้านาทีเห็นจะได้" วินเซนต์นิ่งไปครู่หนึ่งอย่างคนที่กำลังนึกอะไรบางอย่างอยู่ในใจ ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นเมื่อสามารถหาข้อสรูปบางอย่างขึ้นมาได้ในที่สุด "คุณกำลังจะบอกว่าหลังจากที่เขาดื่มหนักมากจนเมา เขาก็พาตัวเองไปหาเชสเตอร์ที่อยู่ในห้องเซิร์เวอร์นั่น แอลกอฮอล์ที่เขาดื่มเข้าไปนั้นอาจทำให้สติสัมปชัญญะของเขาลดต่ำลง จนเขามีปากเสียงและทะเลาะกับเชสเตอร์อีกครั้ง ก่อนจะเผลอพลั้งมือฆ่าเชสเตอร์ไป อย่างนั้นใช่ไหม?"
"นั่นแหละที่ผมเดาเอาไว้ ถึงมันจะยังพิสูจน์ไม่ได้แต่ก็พอมีเค้าอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ" เจย์เดนว่า "เขามีทั้งข้อแก้ต่างและข้อสันนิษฐาน สิ่งที่เราต้องทำก็แค่หาให้ได้ว่าเขาจะมีข้อไหนที่เยอะกว่ากัน"
[tbc.]
***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***
________________________________________
อันซึงโฮ - โทนี่ อัน
แอออ ขอโทษที่หายไปนานด้วยนะคะ ;w;)
คิดถึงการเขียนฟิคการอัพฟิคเหมือนกันแต่ช่วงที่ผ่านมามันยุ่งโคตรๆ
ยุ่งจนเหมือนสายหูฟังที่เก็บไว้ในกระเป๋าแล้วมันขยุกขยุยอะ ฮื่ออออ
แต่ยังไงก็มาแล้วนะคะทุกคน
เอาเป็นว่าไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าน้าาาา
#ฟิควรบจด
how to comment ใน minimore
Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น
ว่าแต่เจย์เดนนี่ชง(โกโก้)เก่งจริงค่ะ หาเรื่องขอให้แดนเนลมาชงโกโก้ให้ดื่มอีก แล้วแดนเนลก็หาเรื่องแข่งได้ตลอด ชอบมีเรื่องขัดใจกันแต่ก็ยังดูหวานได้แบบแปลกๆ ตามสไตล์คู่นี้นะคะ นึกภาพสองคนนี้แข่งกันชงโกโก้ไปตลอดชีวิตออก ฮ่าๆ