เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
wild rabbit #jaedohbrxnct
Chapter 22 : catchme





  • กว่าที่แดนเนลและเจย์เดนจะพากันกลับมาถึงเซฟเฮ้าส์ก็เป็นช่วงย่ำค่ำของวัน ชายหนุ่มร่างผอมโปร่งเจ้าของสมญานามกระต่ายป่าแห่งซีไอเอ เดินถือแล็ปท็อปของมาร์คัสตรงลิ่วไปยังห้องทำงานของตนด้วยท่าทีกระตือรือร้น ไร้วี่แววของความเหน็ดเหนื่อยจากการนั่งค้นอีเมลเมื่อหลายชั่วโมงที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง

    ทั้งความใจร้อนรีบอยากทำสิ่งที่ตัวเองต้องการให้สำเร็จ ไปจนถึงความคาดหวังเป็นอย่างมากว่าจะต้องได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติม ทำให้เขาเลือกที่จะนั่งทำงานต่อแม้ว่าจะเป็นเวลาพักผ่อนแล้วก็ตาม

    เจย์เดนมองแผ่นหลังของคนที่ยังคงดูมีชีวิตชีวา แม้ว่าจะทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งวันด้วยความรู้สึกที่นึกทึ่งอยู่ในใจ แดนเนลดูเป็นคนที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังเสมอเมื่อมีสิ่งที่เขาสนใจวางอยู่ตรงหน้า และดูเหมือนแล็ปท็อปของมาร์คัสก็คือสิ่งนั้นในตอนนี้

    ร่างผอมโปร่งไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก เขาจัดแจงเปิดแล็ปท็อปเครื่องนั้นทันทีที่มาถึงโต๊ะทำงานของตัวเอง ปลายนิ้วเรียวพิมพ์รหัสปลดล็อกเครื่องที่ได้มาจากเจย์เดนลงในช่องกรอกรหัสก่อนจะกดเอนเทอร์ ฉับพลัน หน้าจอของแล็ปท็อปนั้นก็แปรเปลี่ยนไปเป็นหน้าจอที่เขาเคยเห็นมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อตอนบุกจับมาร์คัส

    แดนเนลเผลอเลียริมฝีปากด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็ก ๆ แล็ปท็อปเครื่องนี้เคยเป็นตัวกลางที่ทำให้เขาได้ติดต่อกับริชาร์ด และเขาก็อยากให้มันได้ทำหน้าที่นั้นอีกสักครั้ง

    แดนเนลรู้ดีว่าริชาร์ดกำลังจับตาดูเขาอยู่ การที่อีกฝ่ายรู้ความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอดคือสิ่งชี้ชัด ดีไม่ดีทางนั้นอาจส่งสายเข้ามาสอดแนมเขาเลยด้วยซ้ำ เขาไม่รู้ว่าในตอนนี้ริชาร์ดถืออาวุธแบบใดอยู่ในมือบ้าง นั่นจึงทำให้เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท

    หากเป็นเมื่อเจ็ดปีก่อน แดนเนลเชื่อว่าความสามารถของเขากับริชาร์ดนั้นถือว่าสูสีกันอยู่พอสมควร หากมีโอกาสได้วัดฝีมือกันครั้งใดก็มักจะผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะเสมอ แต่พอมาเป็นตอนนี้เขาเองก็ชักไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ จริงอยู่ที่การทำงานให้กับซีไอเอตลอดหกปีที่ผ่านมานั้นจะทำให้ทักษะของเขาพัฒนาเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ริชาร์ดเองก็ได้ทำการก่อตั้งและสั่งสมอะไรต่อมิอะไรขึ้นมามากมายหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นที่แดนเนลรู้แน่ชัดก็คือพวกพ้อง ริชาร์ดมีบรรดาลูกน้องที่รวมตัวกันอยู่ในกลุ่มลับจำนวนไม่น้อย แล้วไหนจะเรื่องความสามารถที่อาจพัฒนาไปได้ไกลกว่าเขาอีก

    แม้แต่ตัวเขาเองยังมีความเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องของศักยภาพในการทำงาน ความคิดความอ่าน ไปจนถึงทัศนคติต่อชีวิต ริชาร์ดเองก็คงไม่ต่างเท่าไหร่

    ทุกสิ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว ทั้งเขาและริชาร์ดนั้นไม่ใช่คนที่รู้จักตัวตนของกันและกันเป็นอย่างดีอีกต่อไป





    "นี่คุณไม่คิดจะพักผ่อนบ้างเลยหรือไงน่ะ"

    เป็นเจย์เดนที่เอ่ยทักคนที่ยังคงนั่งทำงานอยู่ตรงโต๊ะ ขณะที่เขาตอนนี้อยู่ในชุดนอนเตรียมพร้อมจะหลับพักผ่อนเต็มที ทว่าเพื่อนร่วมห้องของเขานั้นยังไม่แม้แต่จะวางมือจากแล็ปท็อปที่เป็นหลักฐาน

    "ก็คิด..." ด้วยเพราะกำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้า แดนเนลจึงทำได้เพียงแค่ส่งเสียงตอบงึมงำอย่างขอไปที ดวงตากลมคู่นั้นไม่ยอมละออกจากสิ่งที่ตัวเองกำลังให้ความสนใจแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว "แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้"

    แรกเริ่มนั้นเจย์เดนตั้งใจจะเดินมาบอกให้อีกฝ่ายหยุดทำงานแล้วไปพักผ่อน ทว่าเมื่อได้มาเห็นความเอาจริงเอาจังของอีกฝ่ายเขาก็เริ่มที่จะลังเล ว่ากันตามตรงแล้วเขาไม่อยากทำลายสมาธิของคนตรงหน้าเท่าไหร่ ด้วยรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังทำอยู่นั้นสำคัญมากแค่ไหน

    ท้ายที่สุดแล้วเขาจึงทำได้แค่ดึงเก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของตัวเองออกมาและนั่งลงอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือของตนมานั่งเช็คอีเมลและข้อความงานต่าง ๆ โดยหมายมาดเอาไว้ในใจว่าหากเริ่มดึกจนเกินไป เขาค่อยคิดหาวิธีบังคับให้อีกฝ่ายหยุดพักอย่างละมุนละม่อมอีกที

    ภาพของแดนเนลที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์นั้นทำให้เจ้าตัวดูราวกับหุ่นขี้ผึ้งที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ มีเพียงดวงตากลมที่กระพริบอยู่เป็นระยะ และปลายนิ้วมือที่ขยับไปมาบนแป้นพิมพ์เท่านั้นที่เป็นสิ่งยืนยันว่านี่คือมนุษย์ที่มีชีวิต และสามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้

    การจมจ่อมอยู่ในสมาธิของแดนเนลนั้นทำให้ภายในห้องทำงานเงียบเชียบไร้เสียงพูดคุยใด ซึ่งมันก็ทำให้เจย์เดนที่เช็คงานของตัวเองเสร็จครบหมดทุกช่องทางแล้วเริ่มรู้สึกเบื่อหน่าย แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ยอมลุกออกไปไหน ชายหนุ่มลอบมองใบหน้าที่เต็มด้วยความตั้งใจของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน และราวกับว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ากำลังถูกจ้องอยู่ เจ้าตัวจึงยอมหยุดมือที่ทำงานลงแล้วหันมองมายังเขาก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

    "นี่ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหมว่าคุณกำลังนั่งเฝ้าผม"

    เจย์เดนนึกขันสีหน้ามุ่ย ๆ ของอีกฝ่าย แดนเนลจะรู้บ้างไหม ว่าการที่เจ้าตัวทำหน้าตามแบบนี้มันทำให้คนที่ได้เห็นนั้นอยากจะแกล้งให้ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น

    "เข้าใจผิดแล้วคุณ ผมไม่ได้เฝ้าสักหน่อย" เจย์เดนแกล้งปฏิเสธด้วยท่าทีแกมหยอก "แค่มานั่งเป็นเพื่อนเฉย ๆ ผมกลัวว่าอยู่คนเดียวแล้วจะเหงา"

    "ผมทำงานนะคุณ จะให้เอาเวลาที่ไหนไปเหงากัน คุณไปพักผ่อนเถอะ ไม่ต้องนั่งเป็นเพื่อนผมหรอก"

    "อันที่จริงคือผมต่างหากล่ะที่เหงา ไม่มีเพื่อนคุยอะ ดึกขนาดนี้เพื่อนคนอื่นเขาหลับกันไปหมดแล้ว เหลือก็แต่คุณนี่แหละที่ยังนั่งทำงานอยู่"

    "คุณก็เลยมากวนผมแทนน่ะนะ"

    "ผมกวนคุณที่ไหนกัน ผมก็นั่งของผมอยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ ไม่ได้ส่งเสียงสักแอะ" เจ้าหน้าที่หนุ่มรีบทวงความถูกต้องคืนให้กับตนเอง "มีแต่คุณนั่นแหละที่เอาแต่พิมพ์จนเสียงแป้นพิมพ์ดังต๊อกแต๊กไม่หยุด"

    "ก็ผมทำงาน ถ้าคุณไม่ชอบเสียงแป้นพิมพ์ก็ไปนอนพักที่ห้องเสียสิ"

    "ผมว่าผมเพิ่งจะบอกคุณไปเองนะว่าผมเหงา น่า...อย่าไล่ผมเลย ให้ผมอยู่กับคุณเถอะ คุณน่ะตอนกลางวันก็เอาแต่ทำงานจนลืมกิน แล้วนี่ยังจะมานั่งทำงานจนลืมนอนอีก ถ้าผมไม่นั่งอยู่ด้วยแล้วใครจะคอยบอกให้คุณไปนอนเมื่อถึงเวลากันล่ะ มีผมอยู่ด้วยเป็นประโยชน์จะตายเห็นไหม?"

    "นี่คุณ ผมก็ไม่ได้บ้าทำงานถึงขนาดนั้นสักหน่อย"

    "ใครบอกกัน คุณน่ะยิ่งกว่านั้นเลยล่ะ" เจย์เดนว่า "แล้วนี่คุณหิวหรือเปล่าล่ะ เอาโกโก้ร้อนหน่อยไหม? เดี๋ยวผมไปชงให้"

    "ไม่ดีกว่า เชิญคุณเลย" อีกฝ่ายส่ายศีรษะปฏิเสธ "ผมว่าอีกเดี๋ยวผมจะไปอาบน้ำแล้ว จะได้สดชื่นขึ้นหน่อย"

    "นี่คุณยังคิดจะกลับมานั่งทำงานต่ออีกเหรอ?"

    "ก็ผมยังไม่ง่วงนี่"

    "คุณนี่จริง ๆ เลย" เจย์เดนมองคู่สนทนาอย่างอ่อนใจ "แต่เอาเถอะ ผมให้คุณนั่งตรงนี้ต่อถึงแค่เที่ยงคืนเท่านั้นนะ พรุ่งนี้เช้าเรามีนัดฟังผลดีเอ็นเอจากสถาบันนิติเวช ผมไม่อยากให้เราสาย"

    "รู้แล้วน่า ผมไม่สายหรอก"

    แดนเนลย่นคิ้วน้อย ๆ แอบรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่อีกฝ่ายทำราวกับว่าเขาเป็นเด็กทั้งที่เขาอายุมากกว่า

    "ถ้ารู้แล้วก็ต้องพักผ่อนสิคุณ อย่าหักโหมมากนัก เราก็ไม่ใช่เด็กกันแล้วนะ อายุก็ไม่ใช่น้อย ๆ"

    "คุณพูดเหมือนพรุ่งนี้เราสองคนจะเกษียณกันแล้วอย่างนั้นล่ะ คุณยังไม่สามสิบเลยด้วยซ้ำเถอะ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ แต่พูดอย่างกับเป็นคนแก่"

    เจย์เดนหัวเราะเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ย และมันก็ยิ่งทำให้สีหน้าของแดนเนลนั้นมุ่ยลงกว่าเดิม

    "สุขภาพเป็นเรื่องสำคัญนะคุณ มันต้องดูแลให้ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ เริ่มจากคุณไปอาบน้ำแล้วก็เตรียมตัวเข้านอนก่อนเลยเป็นไง"

    "คุณนี่มันเจ้ากี้เจ้าการจริง ๆ" กระต่ายป่าแห่งซีไอเอบ่นออกมาอย่างเสียไม่ได้ ทว่าก็ยอมกดล็อกหน้าจอแล็ปท็อปและลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานแต่โดยดี "ถ้าอย่างนั้นผมไปอาบน้ำก่อนก็แล้วกัน ขืนนั่งอยู่ต่ออีกนิดคุณคงไม่หยุดแค่ให้ผมไปพักผ่อน แต่คงลากยาวไปจนให้ผมปลูกผักปลอดสารพิษกินเองแน่ ๆ จะได้ดูแลสุขภาพให้ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ"

    "ผมก็ไม่ได้ขนาดนั้นไหมล่ะ"

    "ใครว่า คุณน่ะยิ่งกว่านั้นเลยต่างหาก"

    เจย์เดนหลุดหัวเราะลั่นออกมาอีกครั้งเมื่อถูกคู่สนทนาย้อนกลับด้วยคำพูดของตัวเขาเอง การต่อปากต่อคำเมื่อครู่ทำให้เขารู้สึกว่าตนสนิทกับแดนเนลขึ้นมาอีกนิดหน่อย รวมถึงพักหลัง ๆ มานี้แดนเนลเองก็เริ่มจะดูผ่อนคลายลงเวลาอยู่กับเขาบ้างแล้ว ไม่เหมือนในวันแรกที่ทั้งคู่เจอกัน

    และใช่...เจย์เดนหวังว่าในอนาคตเขาจะสามารถเข้าใกล้แดนเนลได้มากยิ่งกว่าในตอนนี้





    แดนเนลเดินตรงลิ่วไปยังห้องน้ำทันทีที่เข้ามาภายในห้องพัก ก่อนจะจัดการล็อกประตูและขังตัวเองเอาไว้ในนั้น มือเรียวคว้าเอาโทรศัพท์มือถือของตนออกมาปลดล็อก ก่อนจะกรอกชื่อโดเมนเว็บไซต์หนึ่งลงไปในเบราเซอร์ของมือถือ มันใช้เวลาหมุนโหลดเพียงแค่เสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่หน้าเบราเซอร์จะเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทและมีกล่องรับข้อมูลที่ใช้ในการล็อกอินปรากฎขึ้น

    ในฐานะอดีตสมาชิก ร่างผอมโปร่งย่อมคุ้นเคยกับหน้าเว็บไซต์ของอันโนวเป็นอย่างดี ความทรงจำในอดีตของเขาหวนกลับมาให้ระลึกถึงอีกครั้ง เขาเริ่มแตะคอมพิวเตอร์ครั้งแรกเมื่ออายุได้เก้าขวบ ในตอนนั้นเขารู้จักเพียงแค่เกมสำหรับเด็กที่เล่นบนคอมพิวเตอร์ ด้วยเพราะทั้งบ้านมีคอมพิวเตอร์อยู่เพียงแค่เครื่องเดียว และสมาชิกทุกคนในบ้านล้วนแล้วแต่ต้องใช้มันในการทำงาน เขาในตอนนั้นจึงต้องพยายามตั้งใจเรียนอย่างสุดความสามารถ เพื่อใช้ผลการเรียนของตัวเองไปแลกกับเวลาที่จะได้นั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์ในช่วงเย็นของวันเสาร์และวันอาทิตย์

    เขาในวัยเก้าขวบเป็นอย่างนั้น

    กระทั่งเขาเริ่มรู้จักอินเตอร์เน็ตและเกมออนไลน์ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าเขาชื่นชอบมันยิ่งกว่าเกมสำหรับเด็กเป็นไหน ๆ เขาเริ่มอยากมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัว ทว่าก็ยังเด็กเกินกว่าที่กฎหมายแรงงานจะอนุญาตให้ทำงานได้ เขาจึงเริ่มเก็บเงินค่าขนมและหาไอเทมในเกมออนไลน์มาปล่อยขายเป็นเงินจริง

    ธุรกิจการค้าของเขาเฟื่องฟูอยู่พอสมควรจนในที่สุดเขาก็เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง เขาจึงอ้อนวอนให้พ่อกับแม่ช่วยพาไปซื้อคอมพิวเตอร์และต่อสายอินเตอร์เน็ตไปยังห้องนอนส่วนตัวให้เขาหน่อย ซึ่งพวกท่านก็ยินยอมเพราะเห็นแก่ความพยายามของเขา

    ด้วยเพราะอย่างนั้น เขาจึงมีคอมพิวเตอร์ส่วนตัวเครื่องแรกเมื่ออายุได้สิบเอ็ดปี

    เขาหมกมุ่นอยู่กับเกมออนไลน์และการขายของมากพอควร และด้วยความใจร้อนตามประสาเด็กที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เขาจึงเริ่มใช้โปรแกรมอัตโนมัติในการช่วยเล่นเกม ก่อนที่จะกลายเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเองเมื่อเขาอายุได้สิบสามปี และนั่นคือจุดเริ่มต้นของเขาในอันโนว

    ผู้ที่จะเข้าร่วมกับอันโนวได้นั้นจำเป็นต้องมีคุณสมบัติอยู่สองประการ หนึ่งคือต้องมีผู้แนะนำเป็นสมาชิกที่อยู่ในอันโนว และสอง ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมนั้นจะต้องมีผลงานที่ประจักษ์แก่สายตา

    ในตอนนั้น เขามีรุ่นพี่ที่รู้จักในเกมออนไลน์อยู่คนหนึ่งที่คอยให้คำแนะนำแก่เขาในการเขียนโปรแกรมดังกล่าวขึ้นมา ซึ่งรุ่นพี่คนดังกล่าวนั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกของอันโนว และการที่โปรแกรมของเขาถูกผู้เล่นเกมคนดาวน์โหลดไปใช้นับแสนครั้งโดยไม่ถูกบริษัทเกมจับได้ก็คือผลงานที่ประสบความสำเร็จของเขา

    เมื่อเขามีคุณสมบัติครบถ้วนตรงตามเกณฑ์กำหนด เขาจึงได้เป็นสมาชิกระดับที่ต่ำที่สุดของอันโนว ก่อนจะกลายมาเป็นดีบีดีที่โลดแล่นอยู่บนโลกของแฮกเกอร์ในที่สุด

    ทว่าในวันนี้เขาที่เป็นผู้ทรยศไม่อาจใช้นามแฝงดีบีดีได้อีกต่อไป แดนเนลจึงทำการใช้โค้ดเนมเอ็มทูเค นามแฝงของมาร์คัสที่เขาได้มาจากการขุดคุ้ยแล็ปท็อปเมื่อครู่นี้ในการเข้าสู่เว็บไซต์ของอันโนวแทน

    โค้ดเนมเอ็มทูเคคือสมาชิกระดับกลางที่มีการเข้าร่วมกับกลุ่มแฮกเกอร์อยู่หลายกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มนั้นมีเป้าหมายและหัวข้อสนทนาที่สนใจแตกต่างกันไป แดนเนลไล่ชื่อและคำอธิบายกลุ่มเหล่านั้นด้วยความรู้สึกเคยคุ้น เพราะหลาย ๆ กลุ่มที่มาร์คัสเข้าร่วม เขาก็เคยเข้าร่วมมาก่อนเช่นกัน

    และขณะที่เขากำลังไล่ดูความสนใจของมาร์คัสอยู่ จู่ ๆ ก็มีการแจ้งเตือนมาจากกล่องข้อความ แดนเนลนั่งนิ่งอย่างชั่งใจ ความจริงแล้วที่เขาเลือกใช้นามแฝงของมาร์คัสในการกลับเข้ามายังอันโนวนั้น ก็เพื่อหาทางที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มลับที่ริชาร์ดก่อตั้งขึ้น

    แม้การหาทางพูดคุยกับใครสักคนที่มาร์คัสรู้จักจะเป็นหนึ่งในจุดประสงค์ของเขา แต่การที่มีคนส่งข้อความส่วนตัวมาหาในทันทีที่เขาออนไลน์นี่ก็ออกจะกะทันหันไปหน่อย

    แดนเนลตั้งสติ ก่อนจะตัดสินใจเปิดข้อความนั้นออกอ่าน



    catchme :
    เฮ้
    นายหายไปไหนมาตั้งหลายวัน
    ฉันมีงานด่วนมาให้


    codenamem2k :
    งานอะไร?
    ส่งรายละเอียดมาทางอีเมล
    แล้วฉันจะพิจารณาอีกที




    เขาพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอคอยคำตอบด้วยความลุ้นระทึก สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ คือทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนแฝงตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มลับของริชาร์ดให้ได้ ซึ่งถ้าหาก catchme คือสมาชิกในกลุ่มลับดังกล่าว งานที่อีกฝ่ายจะมอบหมายให้มาร์คัสทำนั้นก็คงหนีไม่พ้นงานของกลุ่มลับ



    catchme :
    ทำอย่างกับนายมีสิทธิ์ปฏิเสธ
    ถ้าอย่างนั้นก็เช็คอีเมลด้วย

    codenamem2k :
    นายก็ส่งมันมาให้ถูกแล้วกัน



    แดนเนลพิมพ์ตอบกลับไปเพียงเท่านั้นก่อนจะปิดหน้าต่างสนทนาลง การที่เขาบอกให้อีกฝ่ายส่งรายละเอียดมาทางอีเมล คือการคัดกรองว่า catchme นั้นจะใช่บันไดขั้นต่อไปของเขาหรือไม่ หากไม่ใช่ เขาก็คงไม่ติดต่อกับอีกฝ่ายอีก

    แต่ถ้าหากว่าใช่ขึ้นมา แสดงว่ารายละเอียดของงานนั้นจะต้องถูกส่งเข้าอีเมลส่วนตัวที่มาร์คัสใช้ติดต่อกับคนในกลุ่มลับ ซึ่งเขาก็จะทำการสวมรอยเป็นมาร์คัสและทำงานนั้นให้สำเร็จเพื่อเพิ่มความเชื่อใจ

    เขาไม่รู้ว่าเจ้าของนามแฝง catchme กับมาร์คัสนั้นเคยเจอตัวจริงกันหรือเปล่า การติดต่อกันผ่านอีเมลจึงถือเป็นช่องทางที่ดีที่สุดในการตัดปัญหากรณีที่ได้รับการติดต่ออย่างกะทันหันด้วยการโทรศัพท์ออนไลน์ รวมถึงการวีดีโอคอลในทุกรูปแบบ

    แดนเนลไม่ต้องการที่จะเปิดเผยทั้งน้ำเสียงและรูปร่างหน้าตาของตนให้อีกฝ่ายรับรู้ นั่นจึงทำให้ทุกการติดต่อของเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง





    [tbc.]
    ***หากมีข้อมูลที่ผิดพลาดประการใดก็สามารถบอกเรามาได้เลยนะ เราจะรีบทำการปรับแก้ให้อย่างเร็วที่สุดค่ะ***

    ________________________________________

    น้องเริ่มทำตามแผนของตัวเองแล้วนะ
    แต่คุณเอฟบีไอเขายังชวนคุยเรื่องรักษาสุขภาพอยู่เลย

    ช่วงนี้อาจมาเลทหน่อยนะคะ
    คือเราพยายามสม่ำเสมอแล้วแต่บางทีมันก็ไม่ทันอะ แงงง
    เอาเป็นว่าไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะทุกคนนน
    #ฟิควรบจด

    how to comment ใน minimore

    Note : ฟิคเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวข้องกับศิลปิน สถานที่ และเหตุการณ์ใดๆ และไม่ได้มีเจตนาใด ๆ จะทำให้ศิลปินเสื่อมเสียทั้งสิ้น

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
takitakirumbra1 (@takitakirumbra1)
ชอบจังงงงง เริ่มพัฒนาแล้วนะ เจย์เดนรู้ใจตัวเองแล้วมั้ยแต่แดนเนลเหมือนแค่เปิดให้อีกคนเข้าไปในโลกของตัวเองเฉยๆแต่ยังไม่ได้รู้สึกอะไรด้วยเลย แงงง เจย์เดนสู้ๆนะ ;-----------; รอติดตามค่าาา
ppooonnnnnn0 (@ppooonnnnnn0)
แอบอบอุ่นนะเนี้ยพ่อพระเอกของเรา หลังๆมานี้ยิ้มละมุนละไมบ่อยเหลือเกินน้าา แดนเนลช่วยรับรู้ทีว่านายเจย์เดนเค้าเอ็นดูเธอแน้วว

เราน่ะ ชื่นชมคุณไรท์มากๆเลยนะคะ ขอบคุณที่แต่งฟิคดีๆแบบนี้ เราอ่านค้างไว้พักใหญ่เลย ได้มีโอกาสกลับมาอ่านต่อสักทีก็ยังสนุกตื่นเต้นชวนให้ติดตามอยู่เหมือนเดิมเลย เราชอบมากๆกับรายละเอียดเล็กๆที่ไรท์ใส่ใจ การบรรยายในแต่ละchapter การชันสูตรเอย การสืบสวนเอย มันทำให้รู้ว่าไรท์ตั้งใจและทำการบ้านหนักมากๆ ข้อมูลเป๊ะเว่อเลยสุดยอด!! แอบอยากรู้ว่าไรท์ทำงานอะไรน้าทำไมเก่งจังเลย โดนใจสายสืบสวน(ที่ไม่ค่อยวิเคราะห์อะไรทั้งนั้นเพราะโง่เกินไปแงง)อย่างเรามากๆ เป็นกำลังใจให้คุณไรท์นะคะ สัญญาว่าต่อไปจะมาคอมเม้นบ่อยๆเลยย???
Gift N. T. (@giftnt1402)
เป็นความธรรมดาที่อบอุ่นและเหมาะกับคู่นี้จริงๆ ค่ะ แดนเนลทุ่มเทให้สิ่งที่สนใจเสมอ แต่เวลาโหมงานเกินก็ควรมีคนแบบเจย์เดนมาคอยหยอกให้ได้ผ่อนคลายบ้าง มาเตือนให้ยอมดูแลตัวเองมากขึ้นบ้าง เจย์เดนก็เต็มใจที่ได้อยู่กับแดนเนล แม้แต่เวลาโดนประชด (แบบขำๆ) ฮ่าๆ แค่ได้มาเฝ้าเขาทำงานยังชอบใจขนาดนี้ ถ้าปิดคดีแล้วรู้ใจกัน ได้ไปใช้เวลาด้วยกันแบบไม่มีงานมาเกี่ยวเมื่อไหร่ จะขนาดไหนกันนะคะ เฮ้อ

แต่พอคลาดสายตาเมื่อไหร่ ความดื้อของแดนเนลก็ออกฤทธิ์ตลอดเลย เป็นเด็กเก่งคอมมาตั้งแต่เด็กจริงด้วย อืม... ลุ้นไปใหญ่เลยค่ะ รุ่นพี่ในเกมก็คงริชาร์ดรึเปล่านะ catchme ก็มา ละที่แดนเนลสงสัยว่าเผลอๆ ริชาร์ดส่งสายมาจับตาดูเขาอีก ระแวงไปด้วยเลย มีการเคยประลองฝีมือแล้วผลัดกันแพ้ชนะอีก เราชอบความเป็นคู่แข่งสไตล์อนิเมะแบบนี้ค่ะ ฮ่าๆๆ รอวันที่ความหลังของสองคนนี้จะเปิดเผยนะคะ